Thursday, 19 June 2025
ทรัมป์เทG7

‘เซเลนสกี้’ ต้องกลับบ้านมือเปล่าอีกครั้ง หลัง ‘ทรัมป์’ เทนัดออกจากงาน G7 ก่อนกำหนด

(18 มิ.ย.68) โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง หลังจากที่เขาลงทุนบินข้ามทวีป เดินทางมาแคนาดาเพื่อเข้าร่วมวงประชุมสุดยอดผู้นำ G-7 ที่เมือง  Kananaskis แต่ปรากฏว่าสวนทางกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะทรัมป์ขอตัวกลับกรุงวอชิงตัน ดีซี อย่างกะทันหัน โดยอ้างเหตุสถานการณ์ความรุนแรงระหว่าง อิสราเอล-อิหร่าน 

ทำให้เซเลนสกี้ไม่มีโอกาสได้เจอทรัมป์เป็นการส่วนตัว เพื่อขอความช่วยเหลือด้านอาวุธ และ ทุนสนับสนุนอีก แต่เมื่อไม่ได้เจอ ก็คือไม่ได้เงิน ต้องบินกลับบ้านอย่างผิดหวัง

ส่วน มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ที่เป็นเหมือนเจ้าภาพของงาน ก็ยอมให้เซเลนสกี้เข้าพบ หารือเป็นการส่วนตัว และได้มอบเงินช่วยเหลือให้เล็กน้อยเป็นขวัญถุงก่อนกลับบ้าน แต่ไม่ยอมออกแถลงการณ์ร่วมของ G-7 ให้กับเซเลนสกี้ในการแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนยูเครน 

ซึ่งเซเลนสกี้ คงต้องยอมรับว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่ใช่วาระสำคัญเร่งด่วนอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เกิดสงครามในกาซา เมื่อปี 2023 ตามมาด้วยความขัดแย้งระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน และล่าสุด การยิงถล่มกันระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

แต่ทั้งนี้ การนัดพบระดับผู้นำสหรัฐอย่างทรัมป์ และ เซเลนสกี้ ที่ในงาน G-7 มีการลงกำหนดการล่วงหน้า ยืนยันเป็นมั่นเหมาะแล้ว เซเลนสกี้ถึงยอมลงทุนบินข้ามน้ำ ข้ามทะเลกว่า 5,000 ไมล์ เพื่อมาหา 

และแหล่งข่าวยืนยันว่า เซเลนสกี้ มีคิวนัดเป็นลำดับที่ 3 ในตารางนัดหมายของทรัมป์ด้วยซ้ำ และไปถึงแคนาดาในช่วงบ่ายวันที่ 17 มิถุนายน ก่อนจะถึงคิวนัด  ก่อนที่จะรู้ว่า ทรัมป์ ยกเลิกคิวนัดทั้งหมดอย่างกะทันหัน และบินกลับดี.ซี.ไปก่อนหน้านั้นแล้วตั้งแต่หลังงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ เพราะต้องการไปติดตามสถานการณ์ระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน 

ทรัมป์ได้กล่าวก่อนขอตัวออกจากงานประชุมว่า "พวกเราจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับผู้นำชาติสมาชิกแสนวิเศษ แต่ผมจะต้องขอตัวบินกลับก่อน ด้วยเหตุที่เป็นที่รู้กัน และผมหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจ" 

แม้จะรู้ถึงเหตุจำเป็นของทรัมป์ แต่คณะทูตยูเครนก็อดแสดงความน้อยใจไม่ได้ ที่เห็นว่าทรัมป์ลดลำดับความสำคัญของสงครามในยูเครน ซึ่งนอกจากจะไม่พูดถึงแล้ว ทรัมป์ยังใช้สิทธิ์ฐานะชาติสมาชิกหลัก ขอให้ยับยั้งแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุม G-7 ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนด้วย โดยให้เหตุผลว่าถ้อยแถลงของเซเลนสกี้ต่อต้านรัสเซียมากเกินไป ที่อาจกระทบกับวาระการเจรจาระหว่างทรัมป์ กับปูติน ที่กำลังดำเนินอยู่

ซึ่งเป็นข้ออ้างที่จะให้พูดแบบตรง ๆ ก็คือ เหมือนดีดเซเลนสกี้ออกจากงาน เพราะหากเทียบกับการเจรจาระหว่าง สหรัฐ-อิหร่าน ที่ก็ยังดำเนินอยู่เหมือนกัน แต่อิสราเอลก็ยังยกพลไปโจมตีทางอากาศอิหร่านได้โครม ๆ ไม่เห็นทรัมป์จะว่าอะไรเลย

เท่ากับว่าทริปนี้ เซเลนสกี้มาเพื่อถ่ายรูปกับเจ้าภาพ และ กลับบ้านมือเปล่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่การทูตยูเครน ถึงกับแสดงอาการถอดใจว่า ในสัปดาห์หน้าที่จะมีงานประชุมกลุ่มประเทศสมาชิก NATO ที่กรุงเฮก หากเซเลนสกี้จะเดินทางไปขอเข้าประชุมด้วย มันจะคุ้มหรือไม่ แม้ผู้นำเยอรมันจะออกมายืนยันว่า ทรัมป์จะเดินทางไปร่วมงานประชุม NATO ด้วยอย่างแน่นอนก็ตาม 

ถึงชาติพันธมิตรยุโรปจะปลอบใจเซเลนสกี้ และยืนยันว่ายังไงก็อยู่ข้างยูเครน แต่สำหรับเซเลนสกี้แล้ว มันไม่มีความหมายเลยถ้าสหรัฐอเมริกาไม่ลงมาช่วยสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง อย่างที่โจ ไบเดน เคยให้มาก่อน 

ซึ่งเซเลนสกี้ก็ต้องทำใจว่า ช่วงกระแสพีคสุดของยูเครนได้ผ่านไปแล้ว ต่อให้ในวันนี้ผู้นำสหรัฐยังเป็นโจ ไบเดน ก็ใช่ว่ายูเครนจะได้รับการสนับสนุนเหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้กระแสไหลมาที่ตะวันออกกลางหมดแล้ว และผลลัพธ์ของสงครามระหว่าง อิสราเอล-อิหร่าน อาจกลายเป็นจุดพลิกขั้วอำนาจในตะวันออกกลางได้นานอีกหลายสิบปีทีเดียว

เมื่อเป็นเช่นนี้ เซเลนสกี้ ต้องถอยกลับไปต่อคิวใหม่ เพราะหัวแถวไม่ว่างซะแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top