Sunday, 20 April 2025
ต่อศักดิ์_สุขวิมล

‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล’ รองผบ.ตร. ผู้อาวุโสลำดับที่ 4 ผงาดรับตำแหน่ง ‘ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 14’

(27 ก.ย.66) มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 14 แทน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม

การประชุมเริ่มต้นตั้งแต่ 14.00 น. ก่อนที่ประชุมจะมีมติในเวลา 16.28 น. ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 ซึ่งเป็นผู้อาวุโส ชิงตำแหน่งในลำดับที่ 4 ซึ่งเป็นลำดับสุดท้าย

วาระการประชุมแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในวันนี้อยู่ในวาระที่ 65 ซึ่งเป็นวาระสุดท้าย แต่ได้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน เป็นวาระแรก โดยระหว่างการพิจารณาได้เชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ผู้ชิงตำแหน่งที่มาร่วมประชุมกันเพียง 2 คน ออกจากห้องประชุม เพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาเรื่องคุณสมบัติก่อนลงมติ

ทั้งนี้ ลำดับอาวุโสของ รอง ผบ.ตร. 4 นาย ที่เป็นผู้ชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในวันนี้ คือ ลำดับที่ 1 พล.ต.อ.รอย, ลำดับที่ 2 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, ลำดับที่ 3 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และลำดับที่ 4 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

ภายหลังการประชุม ก.ตร.แล้วเสร็จ และมีรายงานว่า มติที่ประชุมแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.คนที่ 14

จากนั้นในเวลา 17.05 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ประธานในที่ประชุม ก.ตร.ได้เดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

ขณะที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ในฐานะ โฆษก ตร. กล่าวว่า การประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 10/2566 วันนี้ได้คัดเลือกแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ โดยพิจารณารายชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนทางธุรการ เพื่อนำความกราบบังคมทูล จึงยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ในวันนี้

บิ๊กเคลียร์!! 'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' กอดเอวจับมือ ลงตัว!! จากนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' เดินหน้า ทิ้งคำว่า 'ผบ.ตร.' สักคำรบ

เช้าวันศุกร์ที่ 29 ก.ย. คอการตำรวจ คอการเมืองได้เห็นภาพสองบิ๊กสีกากี … ‘บิ๊กต่อ’ กับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยืนกอดเอวกันในห้องทำงานของ ‘บิ๊กต่อ’ ที่กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษหรือคอมมานโด เมืองทองธานีแล้ว...หลายคนก็คงจะรู้สึกดีประมาณว่า...เสือสองตัวน่าจะอยู่ในถ้ำเดียวกันได้แล้ว วงการตำรวจก็น่าจะดีขึ้น

แต่อีกกลุ่มที่อาจจะซาดิสม์เล็กน้อย ก็อาจจะมองว่า...นี่มันมวยล้มต้มคนดูกันชัดๆ นี่หว่า...เพราะไม่กี่วันก่อน ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังประกาศเปรี้ยงว่า มีข้อมูลในมือเยอะ เปิดเผยเมื่อไหร่ตายกันยกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่เลย..ไหงอยู่ดีๆ จับมือจูบปากกันซะแล้ว!! 

ครับ ก็สุดแท้แต่มุมมองของแต่ละท่าน…

ถ้าถามมุมมองของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ก็ต้องมองแบบนักวิเคราะห์ว่า … ทันทีที่ มติ ก.ตร.ออกมา 9:1:2 เห็นชอบให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บิ๊กต่อ’ ผงาดสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 14 ‘บิ๊กโจ๊ก’ เองก็คงรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร...การที่จะสวมบท ‘โจ๊ก อัคนี’ อย่างที่ทนายอนันตชัยตั้งฉายาให้ก็มีแต่จะเผาไหม้ตัวเอง ผ่อนเกียร์เร่งลง ประเมินสถานการณ์ต่างๆ ใหม่อีกรอบน่าจะเป็นการดีต่อชีวิตที่สิบของแมว…

ส่วนประเด็นว่า...การไปกินข้าวล้างใจและกอดเอวกันนั่น ใครชวนใครกันแน่ อันนี้ข่าวลึกยังไม่แจ้งชัด แต่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เชื่อจากรายงานข่าวส่วนตัวว่า ‘บิ๊กต่อ’ เป็นคนเชิญชวน เป็นการสนองนโยบายของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่บอกบิ๊กต่อว่าอยากเห็นภาพความรักความสามัคคีกันระหว่างสองบิ๊ก...บังเอิญว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ ก็อยากลดดีกรีความร้อนแรงลงพอดี...ทุกอย่างก็ลงตัว

อย่างไรก็ตาม ภาพกอดเอวจับมือกันดังกล่าว กล่าวกันอย่างถึงที่สุดก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า จากนี้ไปความขัดแย้งขัดแข้งขัดขาขัดผลประโยชน์กันในสตช.จะลดระดับลง หรือคดีสำคัญต่างๆ ที่งัดกันมาเล่นจะหายวับไปกับตา...เพียงแต่เดือนสองเดือนนี้คงจะลดความร้อนแรงลงบ้าง...ฝ่ายบิ๊กโจ๊กที่คิดจะดับเครื่องชนก็คงเบาเครื่องลง…

ประเด็นต่อมา...ถามว่าปลายปีหน้า 2567 เมื่อ ‘บิ๊กต่อ’ ลงจากตำแหน่งแล้ว ‘บิ๊กโจ๊ก’ ซึ่งจะเป็นรองผบ.ตร.ที่อาวุโสลำดับที่ 1 มีโอกาสขึ้น ผบ.ตร.หรือไม่...คำตอบคือ…มี แต่ไม่มาก...และต้องย้ำว่าอาวุโสสูงสุดไม่ใช่หลักประกันการันตีว่าจะต้องได้ แต่หากว่าปีนี้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.ที่อาวุโสลำดับ 1 ได้ขึ้น ผบ.ตร. โอกาสของบิ๊กโจ๊กในปีหน้าจะมีมาก เพราะถือว่าปีนี้ได้ใช้หลักอาวุโสนำร่อง...ความชอบธรรมของบิ๊กโจ๊กที่จะขึ้นย่อมมีมาก แต่น่าเสียดายที่ พล.ต.อ.รอย ท่านวืดไปแล้ว...!!

สรุปว่า...จากนี้ไปจนถึง 2574 ปีเกษียณ ‘บิ๊กโจ๊ก’ มีเวลาอีกไม่น้อย แต่ก็ต้องบริหารโอกาสของตัวเองให้ดี เพราะสถานการณ์ต่างๆ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...จาก 'โจ๊ก หวานเจี๊ยบ' เป็น 'โจ๊ก อัคนี' เห็นทีจะต้องกลับสู่สามัญ...เป็น โจ๊ก ธรรมดา ใส่ไข่แค่ฟองเดียวก็พอแล้ว…

ค่าของคน อยู่ที่เป็นคนของใคร...ปล่อยให้เขาว่ากันไป...แต่ค่าของโจ๊กต้องอยู่ที่ผลของงาน...สวมวิญญาณไม่ต้องหมกมุ่นกับตำแหน่ง ผบ.ตร. และเกมอำนาจดูสักตั้ง...ฟ้าดินน่าจะเข้าใจและเคียงข้าง!!

‘บิ๊กต่อ’ ปรามโซเชียล หยุดลือเรื่องส่วยสติกเกอร์ไร้หลักฐาน ชี้!! ทำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียหาย

(9 พ.ย. 66) จากกรณีที่รถบรรทุกดินตกบ่อการไฟฟ้าบริเวณถนนสุขุมวิท 64/1 จนถนนพังเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่สัญจรไปมาเป็นวงกว้าง ก่อนที่ต่อมามีการพบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าว มีสติกเกอร์รูปดาวสีเขียว อักษร B ติดอยู่ที่กระจกหน้ารถ

จนมีการตั้งข้อสงสัยว่ารถดังกล่าวเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์ตามที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล ออกมาแฉว่ามีหน่วยงานรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ดังกล่าว แลกกับการให้รถบรรทุกเหล่านี้สามารถวิ่งนอกเวลาที่กฎหมายกำหนด และบรรทุกน้ำหนักเกินได้

เรื่องผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่กองบัญชาการสอบสวนกลางถึงประเด็นดังกล่าว ว่าจะสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นนี้อย่างไร 

ซึ่งพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวมีกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่กำกับดูแลรับผิดชอบ และมีหน้าที่ตรวจสอบประเด็นดังกล่าวแล้ว ว่าสติกเกอร์ที่ปรากฏที่บริเวณหน้ารถบรรทุกเกี่ยวข้องกับการกล่าวหาว่าตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ใดหรือไม่ โดยตนเองไม่จำเป็นต้องสั่งการ เพราะมีการแบ่งหน้าที่กันแล้ว ทุกคนรู้หน้าที่ แต่การกล่าวหาว่าสติกเกอร์ดังกล่าว เป็นส่วยสติกเกอร์ ที่สังคมเรียกกันนั้น ควรจะมีหลักฐาน หากกล่าวหาโดยเลื่อนลอย แม้จะเป็นการข้อสังเกตของสังคม แต่ก็ทำให้องค์กรตำรวจหรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม

อย่างไรก็ตามยืนยันว่า หากตรวจสอบพบว่าสติกเกอร์ดังกล่าวเป็นส่วยสติกเกอร์เรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจจริง ตนเองในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่เอาไว้ แต่ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่ได้มีการสั่งการประเด็นใดเป็นพิเศษ พร้อมยืนยันที่ผ่านมาเน้นย้ำข้าราชการตำรวจมาโดยตลอดว่า จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น

'บิ๊กต่อ' ยัน!! ไม่เห็นด้วยนำตำรวจจีนเข้ามาดูแล นทท.จีนในไทย ย้ำ!! ตร.ไม่เคยนำเสนอรัฐบาล เชื่อเป็นความเข้าใจผิดในการสื่อสาร

(13 พ.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะ ถึงประเด็นเล็งนำตำรวจจีนมาร่วมลาดตระเวน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ว่า…

แนวคิดดังกล่าวไม่มีทางเกิดขึ้น และได้รับการยืนยันแล้วว่าทุกฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจจีนเข้ามาในราชอาณาจักร เพราะมีผลกระทบในหลายมิติ หากเริ่มต้นนำตำรวจจีนเข้ามาในประเทศไทยในวันนี้ อนาคตก็จะต้องให้ตำรวจจากชาติอื่นๆ เข้ามาด้วย และตำรวจไทยก็จะไม่มีบทบาทหน้าที่อย่างเหมาะสม

ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องช่วยกันพัฒนาศักยภาพของตำรวจไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อให้สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวได้ แต่กระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความเข้าใจผิดในการสื่อสาร ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน คณะกรรมาธิการจัดทำหนังสือขอให้รัฐบาลชี้แจงประเด็นดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนกับทุกฝ่ายในการปฏิบัติ

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยสอดคล้องกันว่า ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจจีนเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวจีนในไทย เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย และตำรวจไทยมีศักยภาพในการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวเพียงพอ แต่กรณีที่เกิดขึ้นในอิตาลีนั้น เชื่อว่าเกิดจากปัญหาด้านการสื่อสารทางภาษา จึงมีการนำตำรวจจีนมาช่วย แต่สำหรับประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาดังกล่าว ยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ

พร้อมยืนยันว่า แนวคิดดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้เป็นผู้เสนอ หรือร้องขอไปยังรัฐบาล เชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดในการสื่อสาร โดยยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยมีการพูดคุยกันในประเด็นการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกับทางการจีน เพราะเมื่อเกิดเหตุอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับจีน ก็จำเป็นที่จะต้องมีการประสานข้อมูลคนร้ายและข้อมูลคดีกัน และที่ผ่านมามีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกำหนดผู้ประสานงาน ซึ่งมักจะเป็นตำรวจจีนที่ดูแลสถานทูตจีนประจำประเทศไทย อาจทำให้เกิดความสับสนขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top