Thursday, 4 July 2024
ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

สตม.ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 12 พ.ย.65

ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ประจำปี พ.ศ.2565 (APEC 2022 Thailand) ในห้วงระหว่างวันที่ 14 - 19 พ.ย. 65 ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร., และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่กำชับให้ สตม. ดำเนินการระดมกวาดล้าง สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ   อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กำลังจะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งทำให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์    ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. จึงดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค  โดยมีเป้าหมายหลัก เป็นคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว ให้ขยายผลการจับกุมทุกรายเพื่อให้ทราบถึงผู้ร่วมกระทำความผิด เครือข่ายของผู้กระทำความผิด และให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด/เครือข่ายของผู้กระทำความผิด ต่อไป

'ตม.เชียงราย' สกัดจับรถขนแรงงานต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สาย

(7 ม.ค. 66) พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายรับรายงานว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สายไปส่งจังหวัดเชียงใหม่จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กิตติธร นาคเกลี้ยง รองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, ร.ต.อ.รัชภูมิ ฤทธิศร รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย นำกำลังชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายร่วมกับสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง 5 ติดตามไปถึงบริเวณถนนหมายเลข 1063 ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมือง พบรถปิกอัป 3 คันขับตามกันมามุ่งหน้าไปทางอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงขับรถไล่สกัดบังคับรถทั้ง 3 คันให้จอดเพื่อทำการตรวจค้น

.

คันแรกเป็นรถปิกอัปโตโยต้าวีโร่สีดำ ทะเบียนเชียงใหม่โดยมีนายใจเป็นคนขับรถนำทางคอยดูต้นทาง

.

คันที่ 2 รถปิกอัปโตโยต้าวีโก้ทะเบียนเชียงใหม่ โดยมีนายวันเป็นคนขับรถขนแรงงานชาวเมียนมามา 10 คน เป็นชาย 6 หญิง 2 เด็ก 2 คน 

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเดินหน้าปราบปรามจับกุมต่างด้าวที่กระทำผิดในไทย ล่าสุดจับกุม 4 คดี

วันนี้ (22 ก.พ.67) เวลา 11.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.กต.10 ปฏิบัติราชการ บก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.รัฐไกร ประยูรศร รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. สตม.รวบนักลงทุนชาวจีนตามหมายจับเลี่ยงภาษีมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. จับกุม Mr.Wang (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 60/2567 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี  

พฤติการณ์แห่งคดี Mr.Wang ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้ร่วมกันกับพวกนำสินค้าเบ็ดเตล็ด อาทิเช่น กระเป๋า ผ้าพันคอ ชุดผ้าปูที่นอน กรอบโทรศัพท์ เก้าอี้ กล่องพลาสติก โคมไฟ ไม้เซลฟี่ ข้าวโพด (ป๊อบคอร์น) ฯลฯ เข้ามาในราชอาณาจักร ตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ โดยสำแดงการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จำนวน 31 ฉบับ เป็นใบขนสินค้าสั่งการตรวจ "ให้เปิดตรวจ" เพื่อนำไปทำการตรวจปล่อยที่เขตปลอดอากรเอ็มที ฟรีโซน โดยวิธีการมัดลวด และพนักงานศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากรได้บันทึกการตรวจรับของดังกล่าวเข้าไปเก็บในเขตปลอดอากรแล้ว แต่ในระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 พนักงานศุลกากรได้เข้าทำการตรวจสอบหลังการตรวจปล่อย ณ เขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน ในบริษัทดังกล่าว พบข้อเท็จจริงว่าสินค้าเบ็ดเตล็ดที่บริษัทฯ ได้นำเข้ามาตามใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 31 ฉบับนั้น ไม่ได้มีการเก็บรักษาไว้หรือคงเหลืออยู่ในเขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน และจากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าและส่งออกของบริษัทฯ จากระบบ CUSTOMS INFORMATION SYSTEM (CIS) ไม่พบว่าบริษัทฯ ได้มีการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าโอนย้ายชำระภาษีอากร (ประเภท P) เพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรเพื่อใช้หรือจำหน่ายในราชอาณาจักร และไม่มีการจัดทำใบขนสินค้าขาออก เพื่อส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร อีกทั้งไม่พบหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรหรือหลักฐานการชำระภาษีอากรสำหรับของดังกล่าวเพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรในกรณีอื่นใด โดยได้ประเมินราคาและค่าภาษีอากร สินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ ดังกล่าวมีราคารวมทั้งสิ้น 15,337,963.62 บาท อากรขาเข้ารวม 2,701,946.79 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 1,262,793.72 บาท ซึ่งพนักงานศุลกากรได้แจ้งให้บริษัทฯ จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทฯ ก็ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานศุลกากรเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของบริษัทฯ เป็นความผิดฐานเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เมื่อบริษัทฯ ได้รับทราบผลการตรวจสอบแล้ว มิได้แจ้งความประสงค์จะขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร แต่บริษัทฯ เพิกเฉย ไม่มาติดต่อขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร กรมศุลกากรจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบริษัทฯ และ Mr.Wang รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว หลังจากที่ศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับแล้ว จากการสืบสวนของ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า Mr.Wang ได้เดินทางไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. ไปตรวจสอบ    ผลการตรวจสอบพบ Mr.Wang จึงได้แสดงหมายจับและทำการจับกุม

2. สตม.รวบนักท่องเที่ยวไต้หวัน “OVERSTAY” (32 วัน) หนีหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ มากบดานเมืองพัทยา  : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จับกุม MR.LIU (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม พื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
​ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่าพบคนต่างด้าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึกเบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.LIU (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) และมักจะลักลอบกบดานใน พื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปยัง สำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (ไต้หวัน) รับแจ้งว่า MR.LIU เป็นบุคคลตามหมายจับของทางการไต้หวัน ในความผิด ฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า MR.LIU จะมาท่องเที่ยวในย่านถนนคนเดินวอล์คกิ้งสตรีท (WAILKING STREET) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบ MR.LIU จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

3. สตม.รวบแม่ค้าออนไลน์ชาวเมียนมาแอบไลฟ์สดขายของหนีภาษีของกลาง 200 รายการ : ตม.จว.สมุทรสาคร จับกุม นางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้, ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักย่าน ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร  จ.สมุทรสาคร

ตม.จว.สมุทรสาคร ได้สืบสวนทราบว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา มีพฤติการณ์ลักลอบขายสินค้าหนีภาษีทางช่องทางออนไลน์ จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึก เบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าว พักอาศัยอยู่ในบ้านพักย่าน     ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยได้มีการไลฟ์สดและโพสต์ขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก ซึ่งตัวสินค้า มีความผิดทางกฎหมาย จึงขอหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบนางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง เป็นกลุ่มสินค้าประเภทอาหารเสริม วิตามิน น้ำมันหรือสเปรย์    ฉีดเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งไม่มีฉลากภาษาไทย และเครื่องหมาย อย. ร่วม 200 รายการ และจากการตรวจสอบเอกสารของนางมิ พบใบอนุญาตทำงานระบุประเภทกรรมกร แต่มาลักลอบขายสินค้าออนไลน์ และไม่ได้ทำงานตามประเภทที่ได้รับอนุญาตไว้ตามกฎหมาย จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

4. ตม.3 ระดมเข้ม X-RAY พื้นที่เสี่ยง 25 จุด ปูพรมตรวจค้นสถานบริการ ร้านอาหาร คาราโอเกะ รวบ 4 คนไทย 7 ต่างด้าว ลอบทำงานผิดกฎหมาย : บก.ตม.3 มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก ของประเทศไทย รวม 25 จังหวัด ได้ดำเนินการสืบสวน รวบรวมข้อมูล การกระทำผิดกฎหมายของคนต่างด้าวรวมถึงคนไทย ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบกระทำผิดกฎหมาย ลักลอบทำงาน เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต รับคนต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ หลบหนีเข้าเมือง อยู่เกินกำหนดอนุญาต ซึ่งคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย อาจก่ออาชญากรรมอื่น ๆ สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ บก.ตม.3 จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อวางแผนระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด
​หลังได้รับรายงาน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด บก.ตม.3 ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด  ซึ่งในห้วงเดือน มกราคม 2567 - ปัจจุบัน ได้ดำเนินการตรวจค้น ตรวจสอบ เป้าหมายในพื้นที่ทั้งหมด 25 จุดเสี่ยง มีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 11 ราย แบ่งเป็น คนต่างด้าวสัญชาติลาว 4 ราย สัญชาติกัมพูชา 3 ราย และคนไทย จำนวน 4 ราย

ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 11 รายข้างต้น ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน, ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยได้ประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตพ้นจากการจับกุม รวมถึงความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของคนต่างด้าวยังถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และนอกจากนี้ในส่วนของเจ้าของสถานที่ที่ให้คนต่างด้าวพักอาศัย แต่ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 38 ก็ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีด้วย

​บก.ตม.3 ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และจะยังคงดำเนินมาตรการเข้มข้น ต่อเนื่องในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน จับกุม การกระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ 

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา สนธิกำลังกับตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ รวบเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) , พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 นำกำลัง ตม.จว.สงขลา ผนึกกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะเดา , เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) บช.ก , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. คลองแงะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) บช.ก. เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2567 เวลาประมาณ 14.50 น. ได้ร่วมกันจับกุม MR.CHEONG KOK WAI  อายุ 43 ปี สัญชาติ มาเลเซีย  

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ได้รับการประสานว่ามีบุคคลต้องสงสัยตามหมายจับ ผ่านพรมแดนเข้ามายังประเทศไทย จึงขอให้ตำรวจ สภ.สะเดา ตั้งจุดสกัด ต่อมาได้พบรถเก๋งยี่ห้อ Mercedes-benz  ติดแผ่นป้ายทะเบียน WA868W จึงตามไปถึงบริเวณแยกไฟแดงควนสะตอ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้หยุดรถและแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ พบ MR.CHEONG KOK WAI สัญชาติมาเลเซีย ได้เชิญตัวมายัง สภ.สะเดา ตรวจสอบพบหมายจับดังกล่าว สอบถาม MR.CHEONG KOK WAI ผู้ถูกจับกุมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การในชั้นจับกุม

พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สงขลา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ผบช.สตม.มีนโยบายให้เข้มงวดคัดกรองตรวจสอบประวัติบุคคล ไม่ให้มีผู้กระทำความผิดกฎหมายเข้ามาสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยได้ จึงขอฝากข้อมูลถึงประชาชน หากพบเบาะแสสามารถแจ้งได้ที่สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top