Monday, 21 April 2025
ดิไอคอนกรุ๊ป

‘The iCon Group’ ร่อนคำชี้แจง 5 เซเลปดัง!! ไม่มีหุ้น-อำนาจบริหาร

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘The iCon Group’ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงกรณีศิลปิน ดารา พิธีกร ชื่อดังหลายราย ที่ได้มีส่วนร่วมกับทางบริษัท ว่า

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ขอชี้แจงว่า คุณบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พรีเซ็นเตอร์ ROOM COFFEE และคุณโดม ปกรณ์ ลัม พรีเซ็นเตอร์ BOOM COLLAGEN ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์สินค้า ทำการตลาดสินค้าของบริษัท คิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน

ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

และ

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ขอชี้แจงว่าคุณกันต์ กันตถาวร, คุณแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และคุณมิน พีชญา วัฒนามนามนตรี ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ช่วย ทำการตลาดสินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัดจึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน

ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

‘ดิไอคอน’ จุดตั้งต้นบูรณาการความชั่วร้ายสามฝ่าย นักธุรกิจ-ข้าราชการ-นักการเมือง ร่วมเอี่ยว ‘สินบนเทวดา’

ดูขนาดธุรกิจธุรกรรม 'ขายตรง' ของ 'ดิไอคอนกรุ๊ป' กำลังเป็นข่าวดังข่าวร้อนในขณะนี้แล้วก็นับว่าจากปี 2561 ถึงปัจจุบันเติบใหญ่มาก ๆ จนเกิดการตั้งคำถามว่าขายของอย่างเดียวหรือมีลักษณะขายสมาชิก..แบบแชร์ลูกโซ่ด้วยหรือไม่ ?

ดูขนาดธุรกิจของ 'ดิไอคอนกรุ๊ป' หน่อย..มีสมาชิกในระดับต่าง ๆ กว่า 368,257 ราย แบ่งเป็น 
-'ร้านค้าปลีก' distributor (ลงทุน 2,500 บาท) จำนวน 285,833 ราย (714,582,500 บาท)
- 'หัวหน้าทีม' Supervisor (ลงทุน 25,000 บาท) 43,976 ราย (1,099,400,000 บาท) 
-'ตัวแทนจำหน่าย' Dealer (ลงทุน 250,000 บาท) 31,972 ราย (7,993,000,000 บาท) และ
- 'ตัวแทนจำหน่าย (เล็ก)' Mini Dealer : 6,476 ราย

ยอดผู้เสียหายที่ไปลงทุนร่วมงานด้วยตอนนี้ไปแจ้งความพันกว่าราย ความเสียหาย 4-500 ล้านบาท ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทางตำรวจเปิดให้แจ้งความได้ทั่วประเทศ

งานนี้ดูเหมือนว่าทางตำรวจเอาจริงเอาจัง ภายใต้การนำของ ผบ.ตร.คนใหม่ 'บิ๊กต่าย' พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ โดยมี พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี 'บิ๊กอ้อ' ผช.ผบ.ตร.และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช 'บิ๊กก้อง' ผบช.ก.ว่าที่ผบ.ตร.ในอนาคต เป็นโต้โผดูแลคดี..

ภาวนาให้คดีนี้ไม่ถูกโอนไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ที่มี 'เทวดา' สิงสถิตอยู่หลายองค์..อยากให้ตำรวจภายใต้การนำของ 3 บิ๊กได้โชว์ฟอร์มทำคดีพิสูจน์น้ำยากู้ชื่อตำรวจ..เพราะดูแล้วขณะนี้การแทรกแซงจากการเมืองน่าจะน้อยกว่าการโอนคดีไปให้ดีเอสไอ..

นอกเหนือจากโจทย์การดำเนินการธุรกิจที่ผิดกฎหมายบิดเบี้ยวเกิดความเสียหายของดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งตำรวจจะต้องดำเนินการแล้ว ยังมีโจทย์ด้านอื่น ๆ ที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการหรือบูรณาการแก้ไขหรือชำระสะสาง

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงจุดเริ่มต้น  ความเป็นไปของธุรกิจขายตรงของดิไอคอนกรุ๊ป กระทั่งเกิดกรณี 'เทวดาสคบ.' ระดับน้อยใหญ่ ทั้งเจ้าหน้าที่และฝ่ายการเมือง ต้องสะสางกวาดบ้านตัวเองครั้งใหญ่

ภาพรวมการบริหารจัดการกรณีการขายตรง,แชร์ลูกโซ่,การคุ้มครองผู้บริโภค ที่กระจายบทบาทความรับผิดชอบไปอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ถึงเวลาที่จะต้องทบทวนยกเครื่องกันอีกครั้งหรือไม่..?

กรณีดิ ไอคอน กรุ๊ป..ทุกฝ่ายได้แลเห็นกันอีกครั้งว่าการทุจริตคอร์รัปชัน การติดสินบน การรีดไถ..นั้นเกิดขึ้นจากการบูรณาการความชั่วร้ายสามฝ่าย..นักธุรกิจ-ข้าราชการ-นักการเมือง.. ซึ่งขณะนี้ฝ่ายนักการเมืองกำลังถูกลากไส้หนักกว่าฝ่ายอื่น โดยเฉพาะกรณี 'สินบนเทวดา'...

รูปเรื่องของเทวดาสคบ./สินบนเทวดา..สรุปได้สั้น ๆ เพียงว่า มีนักการเมืองที่มีความรู้เรื่องแชร์ลูกโซ่ผู้หนึ่งมีโอกาสได้เข้าถึงผู้มีอำนาจเมื่อปลายปี 2562 และมีตำแหน่งแห่งที่เป็นกึ่ง ๆ ข้าราชการการเมือง และได้มีปฏิสัมพันธ์กับ 'บอส' หนุ่มคนดัง จนต่อมาเกิดคลิปเสียงอย่างน้อย2คลิปเรื่องเม็ดเงินและการดูแล..

แต่ไฮไลต์จริง ๆ เหนือนักการเมืองผู้นี้ยังมีลูกพี่ที่เรืองอำนาจสุด ๆในขณะนั้น ซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวกับที่คุณเอกภพ สายไหมต้องรอด ระบุว่าชอบรับสินบนเป็นเงินดิจิทัล ตระกูล USTD..ซึ่งข่าวไม่ระบุว่าเงินดิจิทัลนี้ใช้เล่นม้าออนไลน์ได้หรือไม่..??

แม้เมื่อ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา 'บอสพอล' ได้โพสต์ข้อความกราบเท้าขอโทษขออภัยนักการเมืองชื่อส. ยืนยันว่าไม่เคยให้เงินกับนักการเมืองคนนี้แม้แต่บาทเดียว พร้อมเดตไลน์ขอให้สื่อลบคลิปดังกล่าว...แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ทันการณ์...ทีมทนายอเวนเจอร์ได้ปฏิบัติการให้ 'ลุงป้อม' ตรวจสอบนักการเมืองชื่อส.ว่าเป็นบุคคลในคลิปลับหรือไม่...

งานนี้ปืนใหญ่ถล่มดิ ไอคอน กรุ๊ป...แต่สะเก็ดระเบิดโดนบ้านในป่าเบื้องต้นพบว่า..ออกอาการบาดเจ็บสาหัส..มากกว่าบอสพอล,บอสแซม,บอสกันต์,บอสมิน...

ขายตรง - แชร์ลูกโซ่ ขายภาพลักษณ์หรู ชีวิตสบาย หายนะ!! เศรษฐกิจไทย มีแต่หนี้ ที่ไร้อนาคต

(27 ต.ค. 67) แชร์ลูกโซ่ ? The ICON Group ที่เหล่าบรรดา บอส-แม่ทีม กำลังถูกจับกุมดำเนินคดี และเป็นกระแสทุกหน้าสื่อในขณะนี้ มูลค่าความเสียหาย ยังสรุปตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ ยอดรวมผู้เสียหายที่เข้ามาให้ปากคำแล้ว 8,137 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 2,412 ล้านบาท แต่คาดการณ์ว่าน่าจะแตะหลักหมื่นล้านบาท หรือสูงกว่านี้

ความเสียหายจาก หลอกลวงลงทุนของบริษัท ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ส่งผลให้มีการขยายผล สืบค้นข้อมูลบริษัทต่างๆ ที่ลักษณะการดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกัน กระทบกับธุรกิจขายตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ธุรกิจขายตรงในปี 2566 มีมูลค่า 60,000 ล้านบาท ยังคงซบเซา ดูได้จากยอดขายของบริษัทส่วนใหญ่ที่ยังคงมียอดขายที่การเติบโตที่ติดลบอยู่ ส่วนกำไรนั้นก็ลดลงจากปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบกับสภาพเศรษฐกิจมาถึงปัจจุบัน 

ธุรกิจที่เน้นขายภาพลักษณ์ หน้าตา ความหรูหรา ผลตอบแทนที่สูง เพื่อชักชวนคนมาร่วมลงทุนธุรกิจ ซึ่งเราแทบไม่รู้จักสินค้าที่บริษัทแห่งนี้นำมาขาย นอกจากการจัดเวทีการแสดง พร้อมเหล่าบรรดา ดารา นักร้อง สลับกันขึ้นเวที บอกเล่า ถึงการใช้ชีวิตสุดหรู ท่องเที่ยวต่างประเทศ อาหารมื้อหลักหมื่น กระเป๋าแบรนด์เนมใบละแสน

ความเสียหายที่เกิดขึ้น กระทบเป็นวงกว้าง ผู้ร่วมลงทุน ย่อมสูญเงินไปกับภาพฝันชีวิตที่แสนสบาย หลายๆราย ทั้งกู้หนี้ ยืมสิน มาลงทุน โดยคาดหวังผลตอบแทนที่จะตามมา ตอนนี้...กลับมาสู่ภาพจริง ที่มองไม่เห็นอนาคต พร้อมแบกภาระหนี้ที่มี การเงินขาดสภาพคล่อง เงินดิจิทัล ก็คงช่วยไม่ได้

สัญญาณหนี้เสีย-หนี้ค้างชำระ ยังคงพุ่งไม่หยุด ฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ภาพรวมของกลุ่มธนาคารใหญ่ในประเทศไทย ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 กำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ก็ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังเติบโตไม่ได้ตามที่คาดหวัง 7 ธนาคาร จาก 9 ธนาคารใหญ่ NPL ล้วนปรับเพิ่มขึ้น

ยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้าน-รถ เพิ่มขึ้นทุกเซ็กเมนต์ บ้านต่ำ 3 ล้านบาททะลุ 70% บ้านระดับ 5 ล้าน อนุมัติเงินกู้แค่ 50% ขณะที่เช่าซื้อยอดวูบทั้งรถใหม่-รถเก่า ร้องขอมาตรการอสังหาฯ เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการอนุมัติสินเชื่อ เพราะลูกค้ายังคงไม่มีศักยภาพชำระหนี้ 

ผู้ประกอบการรายใหญ่ อาจจะพอเห็นแสงรำไร จากมติ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ธนาคารทุกแห่งประกาศ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง มีผลตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นต้นไป คงจะพอช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่รายเล็กๆ ที่ใช้สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต ก็ยังคงต้องแบกดอกเบี้ยกันต่อ

ภาพฝัน งานสบาย รายได้ดี ไม่เคยมีอยู่จริง หากมีช่องทางที่สร้างรายได้ไม่จำกัด ลงทุนได้ผลตอบแทนสูง เขาคงเก็บเงียบไม่มาบอกหรอก เก็บเป็นความลับ สร้างความรวยให้ตัวเอง ไม่ดีกว่าเหรอ? การทำงานหารายได้ ทุกอย่างล้วนต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย หยุดเอาภาพลักษณ์ หน้าตา มาเป็นเครื่องวัดความสำเร็จ กันซะที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top