Monday, 1 July 2024
ดำเนินคดี

ส.ต.ท. ทารุณทหารหญิง มอบตัวแล้ว 'บิ๊กโจ๊ก' ลั่น!! ดำเนินคดีไม่มีข้อยกเว้น

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม จากกรณีอดีตทหารหญิง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นนายจ้างของตนบังคับใช้แรงงานดูแลรับใช้ และทำร้ายร่างกาย เช่น ถูกตบตีตามร่างกาย ถูกเครื่องชอร์ตไฟฟ้าชอร์ตตามร่างกาย ใช้ไม้หน้าสามตีที่ใบหน้า เป็นต้น ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ตามที่ปรากฏในข่าวและสื่อต่างๆ ไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร/รอง ผอ.ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงต้องเร่งทำความจริงให้กระจ่าง และกำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร.ออกสืบสวนคิดตามดีอย่างเร่งด่วน และให้นำผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ร่วมกับสหวิชาชีพ เพื่อพิจารณารายละเอียดพฤติการณ์ให้ครบถ้วน

จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 และจากการสอบสวนปากคำ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ทราบว่าตนเองรู้จักกับผู้ต้องหามาเป็นเวลาหลายปี โดยก่อนหน้านี้ตนได้มาช่วยผู้ต้องหาทำงานที่ร้านกาแฟ ก่อนจะปิดตัวลงในภายหลัง เนื่องจากขายไม่ดี ต่อมาผู้ต้องหาแจ้งว่า จะฝาก น.ส.เอ เข้ารับราชการทหาร โดยเรียกเงินค่าดำเนินการ จำนวน 5 แสนบาท ซึ่งตนนั้นได้จ่ายให้แล้วบางส่วน เหลือยอดหนี้ที่ผู้ต้องหาต้องการอีก 240,000 บาท โดยได้หักออกจากเงินเดือนหลังเข้ารับราชการแล้ว เหลือเพียงเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน จากนั้นผู้ต้องหาได้ย้าย น.ส.เอ ไปช่วยราชการ และยังบังคับให้ น.ส.เอ มาทำงานอยู่ที่บ้านของผู้ต้องหา

โดยทำหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน ขับรถ ดูแลเรื่องอาหารการกิน และอื่นๆ ตามที่ผู้ต้องหาสั่ง เมื่อ น.ส.เอ ทำสิ่งใดไม่ถูกใจ ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทุบตีตามร่างกาย ใช้ไม้หน้าสามตีตามเนื้อตัว ใช้เครื่องชอร์ตตามร่างกาย ต่อมาผู้ต้องหาได้บังคับให้ น.ส.เอ ลาออกจากทหาร และขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะทำร้ายร่างกายอีก น.ส.เอ จึงยื่นหนังสือลาออกจากราชการ เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหายังบังคับและทำร้ายร่างกาย นส.เอ ต่อมา น.ส.เอ ได้ขอความช่วยเหลือจากทางบ้านเพื่อให้พาเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุด

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (20 สิงหาคม) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้เดินทางลงพื้นที่ สภ.เมืองราชบุรี ติดตามคดีดังกล่าว

ขณะที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ผู้ต้องหา ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี โดยพนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ผู้ต้องหาว่า เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยการข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของบุคคลนั้นเอง หรือผู้อื่น โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือ ส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ

ผบ.ตร.ส่งชุดเฉพาะกิจ ศปทส.ตร. นำโดย รองต่อศักดิ์ฯ ร่วมกับ ตำรวจภาค 2 เร่งตรวจสอบคดี สารซีเซียม 137 สูญหาย ทำความจริงให้ปรากฏ ย้ำดำเนินคดีผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทุกราย หวั่นผลกระทบต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึง กรณี สารซีเซียม 137 สูญหายไปว่า “ คดีนี้ได้รับรายงานจากตำรวจว่า เมื่อ 7 มี.ค.66 เวลา 08.00 น. บริษัท เนชั่นแนล พาวเวอร์ แพลนท์ 5 เอ ตรวจพบว่าสารซีเซียม 137 สูญหายไปและ 10 มี.ค.66 ได้มาแจ้งความที่ สภ.ศรีมหาโพธิ ต่อมา 19 มี.ค.66 สำนักงานปรมณูเพื่อสันติ ได้ตรวจพบรังสีจากการหลอมของโรงงาน ที่ กบินทร์บุรี พื้นที่ สภ.ศรีมหาโพธิ   พงส.ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ คดีอาญาที่ 363/2566 ในความผิดฐาน “ในกรณีที่เกิดอันตรายหรือเสียหายอันเกิดจากการประกอบกิจการตามใบอนุญาต ผู้รับอนุญาตมีหน้าที่ระงับเหตุเบื้องต้นตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี และต้องแจ้งเหตุดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบทันที รวมทั้งต้องให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไข บรรเทาหรือระงับซึ่งอันตรายหรือความเสียหายนั้น”  ตาม พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ฯ  มาตรา 100, 126 และ 143  คดีอยู่ระหว่างสอบสวนและร่วมประชุมกับคณะกรรมการจังหวัด เพื่อเรียก บริษัทฯ มาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายต่อไป


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการเพิ่มเติม ให้สืบสวนสอบสวนทุกมิติทั้งประเด็น การสูญหายได้อย่างไร มีใครลักลอบเอาออกไป รวมทั้งแหล่งรับซื้อ การส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม มีใครต้องร่วมรับผิด รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 


โดยมอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจ ตร. มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปทส.ตร. รับผิดชอบทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. ตรวจสอบร่วมกับ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พิสูจน์หลักฐาน และ กรมควบคุมมลพิษ  ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ดำเนินการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีเอาผิด กับบุคคลที่กระทำผิดในกรณีนี้ ให้ครบทุกมิติ


โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า “ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยประเด็นสารซีเซียม 137 สูญหาย ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการแก้ปัญหา
   

ผบ.ตร.รับนโยบาย จึงได้ส่งชุดเฉพาะกิจร่วมกับตำรวจพื้นที่ และหน่วยงานเกี่ยวข้องไขข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอเวลาตำรวจทำงาน ยืนยันจะเร่งทำความจริงให้ปรากฎ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งดำเนินคดีบุคคลแอบอ้างเบื้องสูง และบุคคลสำคัญของไทยหลอกลวงผู้ประกอบการเกิดความเสียหาย

ตามที่ปรากฏในข่าวสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีกลุ่มทุนจีนสีเทา ชื่อ นายหยู ซิน ฉี(Mr.Yu Xin Qi)  สัญชาติจีน บุคคลดังกล่าวได้จัดตั้งสมาคมชื่อ “มณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย”และเป็นเจ้าของสมาคมสมาคมดังกล่าวมีลักษณะประกอบการดำเนินงานให้คำแนะนำการลงทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมและสถาบันต่างๆ ในการจัดตั้งสำนักงานเครือข่ายในประเทศไทยเชิญนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลที่มีชื่อเสียงของไทยไปประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมประชุม  จัดกิจกรรมขนาดใหญ่เช่นการประชุมส่งเสริมการลงทุนนิทรรศการตลอดจนให้บริการส่วนลดยานพาหนะในการเดินทางและบริการรับส่งสนามบินแบบวีไอพีแต่ นายหยู ซิน ฉี มีพฤติการณ์อันน่าสงสัยว่า ได้นำภาพถ่ายที่ตนเองถ่ายคู่กับบุคคลมีชื่อเสียงและบุคคลสำคัญ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำรูปถ่ายคู่ร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อไปสร้างความน่าเชื่อถือ  รวมถึงมีการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงผู้อื่นเข้ามาเป็นสมาชิกและเรียกเก็บเงินบริจาคเข้าสู่สมาคม มีผู้เสียหายที่ถูกแอบอ้างและถูกหลอกลวงจำนวนหลายราย


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จากการสืบสวนพบว่านายหยู ซิ นฉี มีพฤติการณ์การแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จริง  อีกทั้งมีการจัดตั้งสมาคมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีรายชื่อในสาระบบของกรมการปกครอง  ต่อมา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566  เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นศาลอาญาที่ 198/2566 ลง 17 กุมภาพันธ์ 2566 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 77/525 หมู่บ้านภัสสร 19 ซอย 52 ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร  พบ นายหยู ซิน ฉี  (Mr.Yu Xin Qi) สัญชาติจีน  แสดงตัวเป็นเจ้าบ้านและนำตรวจค้น ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางเพื่อตรวจพิสูจน์ จำนวน 11 รายการ ได้แก่


1.ป้ายไวนิลรูปและตราสมาคม จำนวน 2 ป้าย
2.ของชำร่วยที่ระลึกของสมาคม(กำไล) จำนวน 1 ชิ้น
3.ตราประทับ จำนวน 13 ชิ้น
4.ป้ายสมาคม จำนวน 1 ชิ้น
5.นามบัตรสมาคม จำนวน 2 กล่อง
6.บัตรประจำตัวสภาเครือข่าย จำนวน 1 ชิ้น
7.ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสมาคมมิตรภาพไทย-ฉ่านซี จำนวน 1 ชิ้น
8.นามบัตรกิตติมศักดิ์ จำนวน 40 ชิ้น
9.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสมาคม จำนวน 1 ชุด
10.หนังสือรับรองบริษัทฯ จำนวน 1 ชุด
11.กระเป๋าถือสมาคมแต้จิ๋ว จำนวน 1 ใบ

'การดำเนินคดีเกี่ยวกับการทำลายป้ายหาเสียงเลือกตั้ง'

ศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปจำนวนคดีและผลคำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับการทำลายป้ายหาเสียง......

วันนี้ (21 เม.ย.66) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร./ โฆษก ศูนย์รักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) เปิดเผยว่า ศลต.ตร.ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. ได้แถลงในการประชุมเปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการทำลายป้ายหาเสียง วานนี้ ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการทำลายป้ายหาเสียงทั้งหมด 639 ป้ายนั้น เกิดจากหลายสาเหตุ แยกออกเป็นเหตุจำนวน 54 คดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงปิดคดีบังคับใช้แรงงานเมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีนายจ้าง-ผู้สนับสุนน-คนนำพาต่างด้าว รวม 9 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและพัฒนา ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 14 ราย หลังแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีถูกหลอกมาทำงานตัดอ้อย และถูกนายจ้างยึดเอกสารหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกายและบังคับให้ทำงาน โดยมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เหตุเกิดที่ไร่อ้อยภายในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือแรงงานทั้งหมดได้พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้าง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น


​กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ รวมทั้งสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการให้ครบถ้วน จากการสืบสวนพบว่า นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ นายจ้าง ได้รับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานจากผู้รับจ้างขนแรงงานผิดกฎหมาย จากนั้นได้บังคับให้ทำงานในไร่อ้อย โดยยึดเอกสารประจำตัวทั้งหมด และมีการข่มขู่โดยใช้ทั้งอาวุธมีดและอาวุธปืน ทำให้แรงงานหวาดกลัวและยอมทำงาน โดยต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด และได้เงินสัปดาห์ละ 500 บาทต่อคน และต้องพักอาศัยด้วยกันอย่างแออัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวมจำนวน 9 คน แบ่งเป็นนายจ้าง 1 ราย ผู้สนับสนุน 2 ราย และคนนำพาต่างด้าวเขามาทำงานจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย
​1. นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ (นายจ้าง)
​ดำเนินคดีฐาน ค้ามนุษย์ และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​2. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร (ผู้ใหญ่บ้าน)
​3. ร.ต.อ.วชิร ชยธวัช (ลูกเขยของนายจิรายุทธฯ)
​ดำเนินคดีฐาน เป็นผู้สนับสนุนค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​4. นายสรไกร ศรีนานา
​5. นายนัฐวุฒิ วินกล่อม
​6. นายมนัส ทองเถาว์
​7. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร
​8. นายรณชัย เกิดสนอง
​9. นายอะวิน ไม่มีนามสกุล (สัญชาติเมียนมา)
​ดำเนินคดีฐาน ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้นพ้นจากการจับกุม

ตำรวจไซเบอร์ รวบแล้ว!! ขบวนการสินเชื่อทิพย์ กู้เงิน 2 ล้าน แต่เสียเงิน 3 ล้าน

สืบเนื่องจากกรณีขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์สินเชื่ออนุมัติไว หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งแอบอ้างว่าเป็นกลุ่มนายทุนที่เปิดเพลทฟอร์มบริการให้กู้เงินผ่านระบบกู้เงินออนไลน์ ผู้เสียหายซึ่งกำลังต้องการเงินกู้ 2 ล้านบาท จึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จผ่านในระบบคอมพิวเตอร์ ผู้เสียหายยินยอมให้ข้อมูลและปฏิบัติตาม เพราะเชื่อว่าจะได้รับเงินกู้ตามจำนวนที่ต้องการ เป็นเหตุให้หลงเชื่อโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มร้าย รวม 4 บัญชี รวมการโอนทั้งหมด 23 ครั้ง ได้รับความเสียหายกว่า 3,500,0000 บาท

ต่อมาวันที่ 13 มิ.ย. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 สืบสวนติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวกำลังเดินทางมาด้วยรถไฟขบวน 171 ปลายทางลงสถานีรถไฟยะลา จึงได้ร่วมกันวางแผนและเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้พบ นางดวงดาว อายุ 45 ปี บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน

“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ สถานีรถไฟยะลา ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย การเงินมีปัญหา ปรึกษาสถาบันการเงินแหล่งสินเชื่อที่มีตัวตน น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อำนาจ  ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, ได้สั่งการ ว่าที่ พ.ต.ต.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.หญิง ธรา เมืองแก้ว สว.กก. 1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top