Wednesday, 3 July 2024
ดาวเทียมสอดแนม

‘เกาหลีเหนือ’ แจ้ง ‘ญี่ปุ่น’ เตรียมปล่อย ‘ดาวเทียมสอดแนม’ ครั้งที่ 3 เมินคำเตือน ‘เกาหลีใต้-สหประชาชาติ’ ปะทุความตึงเครียดในภูมิภาค

(21 พ.ย. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์ และ สำนักข่าวสเตรตส์ไทมส์ รายงานว่า หน่วยยามชายฝั่งของญี่ปุ่นแถลงว่า ได้รับแจ้งจากทางการเกาหลีเหนือ ว่ามีกำหนดจะปล่อย ดาวเทียมสอดแนม ในช่วงวันที่ 22 พ.ย. ถึงวันที่ 1 ธ.ค. ทั้งยังระบุด้วยว่า จะมีเส้นทางมุ่งหน้าไปยังทะเลเหลืองและทะเลตะวันออก

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลเกาหลีใต้แถลงเตือนว่า จะใช้มาตรการตอบโต้ หากเกาหลีเหนือเดินหน้าปล่อยดาวเทียมสอดแนมครั้งใหม่ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3

ภายหลังความพยายาม 2 ครั้งแรกเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาล้มเหลว จากนั้นประกาศอีกว่าจะปล่อยดาวเทียมสอดแนมเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนต.ค. แต่สุดท้ายก็เลื่อนออกไปกระทั่งแจ้งกำหนดล่าสุด

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พ.ย. ประณามถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐอเมริกาจะขายขีปนาวุธหลายร้อยลูกให้กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ทั้งยังตำหนิว่า ‘เป็นการกระทำที่อันตราย’ ที่ทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาค และนำมาซึ่งการแข่งขันทางอาวุธครั้งใหม่

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ยังระบุจากกระทรวงกลาโหมเกาหลีเหนือด้วยว่า จะเพิ่มมาตรการสร้างการป้องปราม และตอบสนองต่อความไม่มั่นคงในภูมิภาคที่มีต้นตอมาจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร

‘เกาหลีเหนือ’ กร้าว!! พร้อมเปิดศึก หลังส่งดาวเทียมสอดแนมสำเร็จ ด้าน ‘โสมขาว’ โต้กลับ ฉีกข้อตกลง-ยกระดับกองกำลังตามชายแดน

(23 พ.ย. 66) ‘เกาหลีเหนือ’ เปิดเผยว่า จะคืนชีพทุกมาตรการทางทหารที่เคยระงับไปภายใต้ข้อตกลงปี 2018 กับ ‘เกาหลีใต้’ ที่ออกแบบมาเพื่อลดสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนร่วมระหว่าง 2 ชาติ พร้อมประกาศเดินหน้าประจำการกองกำลังที่เข้มแข็งกว่าเดิม และอาวุธใหม่ๆ ไปยังแนวชายแดนติดกับเกาหลีใต้

ถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมเกาหลีเหนือ มีขึ้น 1 วัน หลังจากเกาหลีใต้ระงับบางส่วนในข้อตกลงทางทหารระหว่าง 2 ชาติเกาหลี เมื่อปี 2018 เพื่อเป็นการประท้วงกรณีที่เปียงยางปล่อยดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่วงโคจร และบอกว่าจะยกระดับสอดแนมทางทหารตามแนวชายแดนที่ติดกับเกาหลีเหนือ ให้มีการป้องกันอย่างหนาแน่นมากยิ่งขึ้น

“นับตั้งแต่บัดนี้ กองทัพของเขาจะไม่อยู่ภายใต้พันธสัญญาของข้อตกลงทางทหารเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน อีกต่อไปแล้ว” ถ้อยแถลงระบุ “เราจะถอนมาตรการต่างๆ ทางทหาร ที่ใช้ป้องกันความตึงเครียดทางทหารและความขัดแย้งในทุกขอบเขต ทั้งทางภาคพื้น ทะเลและอากาศ และประจำการกองกำลังที่ทรงอานุภาพกว่าเดิม รวมถึงยุทโธปกรณ์ทางทหารชนิดใหม่ๆ ในภูมิภาคตามแนวเส้นแบ่งเขตทางทหาร”

เกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ว่า ‘ฉีกข้อตกลง’ ที่เรียกว่า ‘ความตกลงทางทหารแบบครอบคลุม’ (Comprehensive Military Agreement) และบอกว่าโซลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดทั้งมวล หากเกิดการปะทะที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้"

ถ้อยแถลงของเกาหลีเหนือ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากพวกเขายิงขีปนาวุธลูกหนึ่งใส่ทะเลทางตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี เมื่อช่วงค่ำของวันพุธที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ในขณะที่กองทัพเกาหลีใต้ บอกว่าดูเหมือนการยิงดังกล่าวจะประสบความล้มเหลว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า การตัดสินใจของเกาหลีใต้ ในการระงับข้อตกลงบางส่วน เป็นการตอบโต้ที่รอบคอบและอดทนอดกลั้นแล้ว อ้างถึงกรณีที่เกาหลีเหนือไม่ยึดถือข้อตกลงดังกล่าว

“การระงับข้อตกลงบางส่วนของเกาหลีใต้ จะเป็นการคืนชีพความเคลื่อนไหวในการสอดแนม และลาดตระเวนตามแนวเส้นแบ่งเขตทางทหารในฝั่งของเกาหลีใต้” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าว

‘ความตกลงทางทหารแบบครอบคลุม’ (Comprehensive Military Agreement) เป็นข้อตกลงที่จัดทำขึ้นในยุคของอดีตประธานาธิบดี ‘มุน แจอิน’ แห่งเกาหลีใต้ ซึ่งได้เดินทางไปประชุมซัมมิตทวิภาคีกับผู้นำ ‘คิม จองอึน’ ที่กรุงเปียงยาง เมื่อปี 2018 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติ

แต่มีนักวิจารณ์จำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าข้อตกลงฉบับนี้ควรถูกยกเลิก เพราะเป็นการลดทอนศักยภาพของโซล ในการติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือตามแนวชายแดน อีกทั้งโสมแดงเองมีการละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงด้วย

เกาหลีเหนือ ระบุเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ถึงการประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมสอดแนมดวงแรกของประเทศขึ้นสู่วงโคจร ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากนานาชาติ โทษฐานที่ละเมิดมติของสหประชาชาติ ที่ห้ามเปียงยางจากการใช้เทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้เพื่อรับโครงการขีปนาวุธ

เกาหลีใต้ เชื่อว่า ดาวเทียมเกาหลีเหนือเข้าสู่วงโคจร แต่ต้องใช้เวลาสักพักสำหรับการประเมินว่า ดาวเทียมดวงนี้ สามารถปฏิบัติการได้ตามปกติหรือไม่

การปล่อยดาวเทียม เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจาก 2 หนแรกประสบความล้มเหลว และมีขึ้นตามหลังจากที่ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เยือนดินแดนรัสเซีย โดยระหว่างนั้น ประธานาธิบดี ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ รับปากว่าจะช่วยเกาหลีเหนือในการสร้างดาวเทียม

พวกเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ บอกว่า การปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือนั้น มีความเป็นไปได้อย่างที่สุด ว่าจะเกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือทางเทคนิคจากรัสเซีย ภายใต้ความเป็นพันธมิตรที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ระหว่าง 2 ชาติ ที่ได้เห็นเปียงยางจัดหากระสุนปืนใหญ่หลายล้านลูกให้แก่รัสเซีย

ในขณะที่ รัสเซียและเกาหลีเหนือ ปฏิเสธว่าไม่มีข้อตกลงด้านอาวุธใดๆ แต่บอกว่าความร่วมมือระหว่าง 2 ชาติ กำลังแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ

‘เกาหลีเหนือ’ โว!! ‘ดาวเทียมสอดแนม’ ส่องได้ทุกซอกทุกมุม เย้ย ‘มะกัน’ เก็บภาพได้ยันหลังคา ‘ทำเนียบขาว-ตึกเพนตากอน’

(28 พ.ย. 66) ‘KCNA’ สำนักข่าวกลางเกาหลี รายงานว่า ดาวเทียมสอดแนม ‘Malligyong-1’ ที่เพิ่งส่งขึ้นฟ้าไปตัวล่าสุด สามารถถ่ายภาพอาคารทำเนียบขาว, อาคารเพนตากอน และฐานทัพอากาศ ที่เก็บเครื่องบินขนส่งนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ และภาพถ่ายเหล่านั้น ก็อยู่ในมือ ‘คิม จอง-อึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือเรียบร้อยแล้ว

ปฏิบัติการพัฒนาดาวเทียมสอดแนม เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของหน่วยงาน Pyongyang General Control Center of the National Aerospace Technology Administration ที่ใช้ตัวอักษรย่อว่า ‘NATA’

ที่ล่าสุดสามารถส่งดาวเทียม ‘Malligong-1’ ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่ล้มเหลวมาแล้วถึง 2 ครั้งในปีนี้

โดยเกาหลีเหนืออ้างว่า ดาวเทียมสอดแนมดวงล่าสุด สามารถถ่ายภาพสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ได้หลายแห่ง อาทิ อาคารทำเนียบขาว, อาคารเพนตากอน, ฐานทัพเรือนอร์ฟอล์ก และฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ในรัฐเวอร์จิเนีย

อีกทั้งยังสามารถเก็บรายละเอียดได้ถึงขนาดที่สามารถระบุได้ว่า เป็นเครื่องบินขนส่งนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ 4 ลำ และเครื่องบินขนส่งของอังกฤษอีก 1 ลำ ในภาพที่ถ่ายจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ โดยดาวเทียมสอดแนม

สื่อเกาหลีเหนือรายงานด้วยว่า ผู้นำ คิม จอง-อึน พอใจในผลงานของทีมนักพัฒนาดาวเทียมสอดแนมครั้งนี้เป็นอย่างมาก และได้จัดงานเลี้ยงฉลองให้กับนักวิทยาศาสตร์ของ ‘NATA’ เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศชื่นมื่น พร้อมนำภาพถ่ายจากดาวเทียมสอดแนมเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ มาแบ่งกันดู

ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาประณามโครงการดาวเทียมสอดแนมของทางเปียงยางในทันที โดยกล่าวหาว่า เป็นแค่เพียงความพยายามในการ ‘สร้างโฆษณาชวนเชื่อ’ ของระบอบคิม จอง-อึน ที่จะยิ่งทำให้การเผชิญหน้าในบริเวณชายแดน 2 ฝั่งของเกาหลี มีแต่จะตึงเครียดยิ่งขึ้น

อีกทั้งไม่เชื่อในศักยภาพของดาวเทียมเกาหลีเหนือ ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการสอดแนมได้ เพราะเป็นเพียงคำเคลมจากรัฐบาลเปียงยางเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีการปล่อยภาพจริงออกมาเป็นหลักฐาน

สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญในกองทัพเกาหลีใต้ ที่แสดงความเห็นว่า ดาวเทียม ‘Malligyong-1’ อาจประสบความสำเร็จในการเข้าสู่วงโคจรของโลกได้ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันจะมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะถ่ายภาพ และส่งข้อมูลกลับมายังโลก และเชื่อว่าน่าจะใช้เทคโนโลยีทางดาวเทียมของ ‘รัสเซีย’ ช่วยมากกว่า

อีกทั้งมาตรการคว่ำบาตรของ ‘องค์การสหประชาชาติ’ ต่อเกาหลีเหนือ ยังครอบคลุมไปถึงการพัฒนาดาวเทียมด้วย เพราะเป็นเทคโนโลยีสำคัญส่วนหนึ่งในโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

‘ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์’ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ ประท้วงการครอบครองดาวเทียมสอดแนมกลางที่ประชุมสภาความมั่นคงว่า “เกาหลีเหนือมีแรงจูงใจที่ชัดเจน ในการพยายามพัฒนาศักยภาพเทคโนโลยีขีปนาวุธนิวเคลียร์ของตนผ่านโครงการดาวเทียม ที่ขัดกับข้อตกลงของสหประชาชาติอย่างร้ายแรง เป็นการแสดงพฤติกรรมอย่างไร้สำนึกที่ขัดต่อกฎหมายความมั่นคง ที่เป็นการข่มขู่คุกคามประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศสมาชิกอื่น ๆ”

ด้าน ‘คิม ซุง’ เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติ ที่น้อยครั้งมากจะปรากฏตัวในที่ประชุมสมัชชาความมั่นคง ก็ได้ออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนเช่นกันว่า “ไม่มีชาติใดในโลกที่กำลังเผชิญวิกฤติด้านความมั่นคงเท่าเกาหลีเหนือ ซึ่งชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาต่างหาก ที่กำลังข่มขู่คุกคามเกาหลีเหนือด้วยอาวุธนิวเคลียร์”

ดังนั้น รัฐบาลเปียงยางก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะพัฒนา ผลิต หรือ ครอบครองอาวุธที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกา ที่ถือว่าเป็นประเทศคู่สงคราม

และดาวเทียมสอดแนมคือหนึ่งในเทคโนโลยีนั้น เมื่อสหรัฐอเมริกามีได้ ทำไมเกาหลีเหนือจะมีบ้างไม่ได้ แถมรัฐบาลทำเนียบขาวก็เคยใช้ดาวเทียมส่องหลังคาบ้านเกาหลีเหนือมาหลายครั้งแล้ว เกาหลีเหนือก็เลยขอส่องกลับบ้าง ก็ไม่ถือว่าเป็นการโกงแต่อย่างใด

เพียงแต่ ‘Malligong-1’ ของเกาหลีเหนือจะส่องได้จริงดังที่เคลมหรือเปล่า ยังเป็นปริศนา จนกว่า ผู้นำ คิม จอง-อึน จะอนุมัติให้ปล่อยภาพหลักฐานออกสื่อ เพื่อให้ทุกชาติหายสงสัย

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top