'3 ฟันเฟือง' เดินเครื่องเศรษฐกิจไทยสะดุดหนัก โจทย์ใหญ่ที่รัฐต้องรีบแก้ไข ก่อนจะถึงทางตัน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) เดือนพฤษภาคม ทั้งในปัจจุบัน และอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงจากเดือนก่อน จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย ที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และมีพฤติกรรมระมัดระวังการใช้จ่าย
ความกังวลของผู้บริโภค ต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ต้องมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย เลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็น และคุ้มค่ามากขึ้น ประครองเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ภาพอนาคตทางเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน ดัชนีความเชื่อมั่นของฝั่งผู้ประกอบการร้านค้าปลีก ก็ลดลงจากเดือนก่อน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
เครื่องจักรหลัก ที่จะช่วยเดินเครื่องเศรษฐกิจ ก็ติดขัด เครื่องจักรตัวแรก 'การส่งออก-นำเข้า' คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ปรับลดตัวเลขประมาณการการขยายตัว เหลือเพียง 0.5-1.5% ลดลงจากที่เคยตั้งเป้าไว้ 3.7% จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการค้ากับประเทศจีน เราเสียเปรียบดุลการค้ามาก ในปี 2565-2566 ติดลบถึงปีละ 1.29 ล้านล้านบาท
สินค้าจีนทะลักเข้ามาขายในประเทศ ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ธปท. ประมาณการว่า 41% ของธุรกิจค้าปลีก ได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ส่งผลให้ต้องมีการปรับลดราคา เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้
เครื่องจักรตัวที่สอง 'การใช้จ่ายภาครัฐ' การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีของภาครัฐ ยังคงล่าช้า และใช้อย่างจำกัด เนื่องด้วยการต้องรอจัดสรรงบประมาณ ให้กับ ‘โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท’ ส่วนที่สามารถเบิกจ่ายได้ก็เหลือเพียงเล็กน้อย ต่อให้สามารถเข็นโครงการแจกเงินดิจิทัลออกมาได้ ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด เพราะเม็ดเงินในโครงการ ส่วนใหญ่ก็เป็นเงินงบประมาณภาครัฐประจำปี 2567 และ 2568 ซึ่งเป็นเม็ดเงินตัวเดียวกันที่เตรียมจะมีการเบิกใช้จ่ายอยู่แล้ว
เครื่องจักรตัวที่สาม 'การลงทุนของภาคเอกชน' ข่าวการประกาศปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์ ของ 2 ค่ายญี่ปุ่น รวมทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรมเปิดเผยตัวเลข ไตรมาสแรก ปี 2567 มีโรงงานปิดกิจการสูงถึง 367 แห่ง เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา (ไตรมาสแรก 2564-2567) พนักงานถูกเลิกจ้างมากถึง 10,066 คน ซึ่งกระทบความเชื่อมั่นในการลงทุนค่อนข้างมาก ต่างประเทศที่จะมาลงทุนโรงงานใหม่ๆ ยังมีไม่มากนัก
เมื่อ 3 เครื่องจักรหลักที่ใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นอันสะดุด ราคาน้ำมันเริ่มคุมไม่ไหว ดีเซล พุ่งทะยานเกินระดับ 33 บาทต่อลิตร ย่อมกระทบต่อภาคธุรกิจขนส่ง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ก็ยังอยู่ในภาวะราคาแพง ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล การบ้าน เล่มหนามากแล้ว คงต้องเริ่มทยอยส่งการบ้าน ก่อนที่วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ จะ ‘เอาไม่อยู่’
