Monday, 9 June 2025
ณัฐวุฒิ_ใสยเกื้อ

‘ณัฐวุฒิ’ ปล่อยคนหนุ่มสาวแสดงฝีมือเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล แต่เล็งจัดคาร์ม็อบทิ้งทวนเดือนต.ค.อีกรอบ พร้อมประกาศจัดชุมนุมใหญ่ก่อนสิ้นปี รอแค่วันโควิดซาเท่านั้น

6 ต.ค. 64 -  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กล่าวระหว่างไปร่วมกิจกรรมรำลึก 6 ตุลา 2519 เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี ที่ลานประติมากรรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่า การต่อสู้ของนักศึกษาประชาชนในการเรียกร้องประชาธิปไตย แม้จะต่างยุคต่างสมัย แต่ก็ยังเป็นเรื่องเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอำนาจนอกเครือข่ายยังคงมีอิทธิพลเหนือระบบการเมือง และพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย จึงมีการต่อสู้เกิดขึ้น การสูญเสียในช่วงที่ผ่านมาและการรำลึก 45 ปี จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่หมายถึงสังคมไทยที่จะต้องหาข้อยุติร่วมกันให้ได้ ซึ่งหากยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องนี้การต่อสู้ก็ยังคงอยู่ และเมื่อเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้พลังของคนหนุ่มสาวและคนในอดีต จะเป็นพลังที่อำนาจรัฐเอาชนะไม่ได้ จึงอยากให้ฝ่ายรัฐยอมรับความเปลี่ยนแปลง เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคม และหากการเปลี่ยนแปลงอยู่ในส่วนที่ถูกต้อง ก็จะนำไปสู่อนาคตและสังคมที่ดีกว่า แล้วก็จะทำให้คนที่มีความเห็นต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

นายณัฐวุฒิ เปิดเผยถึงการนัดชุมนุมในเดือนตุลาคม ด้วยว่า ในเดือนนี้จะมีกิจกรรมของคนหนุ่มสาวหลายวัน ดังนั้นกลุ่มตนเองต้องชะลอกิจกรรม เพื่อให้การเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวเป็นจุดศูนย์รวมของการขับเคลื่อน และมองว่าข้อจำกัดเรื่องของ Covid-19 คงเป็นอุปสรรคในการนัดชุมนุมทางการเมือง คาร์ม็อบจึงเป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์ที่สุดในความคิดของตนตอนนี้ ซึ่งภายในเดือนตุลาคมก็น่าจะมีการจัดคาร์ม็อบอีกครั้งช่วงปลายเดือน มั่นใจว่าหากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายลง จะเห็นการชุมนุมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะนัดโดยใครหรือจัดขึ้นโดยฝ่ายไหนก็ตาม และเมื่อถึงวันนั้นก็จะเข้าร่วม ไม่ว่าจะในฐานะเป็นแกนนำหรือผู้เข้าร่วม และเมื่อประเมินจากบรรยากาศทางการเมืองแล้ว คาดว่าการชุมนุมใหญ่จะเกิดขึ้นในปีนี้แน่นอน ส่วนที่ขณะนี้แกนนำหลายคนถูกจับกุมและยังไม่ได้รับการประกันตัว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการต่อสู้ เพราะคนที่ยังอยู่ก็ยังคงยืนยันอุดมการณ์เดิม และจะเป็นการสร้างพลังการต่อสู้ให้มากขึ้น

‘เต้น-ณัฐวุฒิ’ โบ้ย ‘พธม.’ ต้นเหตุเกิดรัฐประหารปี 49 หากวันนั้นหยุดชุมนุมหลังยุบสภา บ้านเมืองคงไปอีกทาง

(19 ก.ย. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ความขัดแย้งของสังคมไทย มาตลอด 16 ปี การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ในช่วงปี 2548 - 2549 แม้จะมีขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์การเมืองได้ ถ้ากลุ่ม พธม. ยุติการชุมนุมไปหลังจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภา บ้านเมืองอาจไปอีกทางหนึ่ง และจะไม่มาสู่หนทางนี้ได้ กระทั่งเมื่อกองทัพและเครือข่ายชนชั้นนำทำรัฐประหาร จึงกลายเป็นการเริ่มนับหนึ่งของมหากาพย์ความขัดแย้ง ก่อวิกฤตความแตกแยกของสังคมไทยยาวนานมาจนถึงวันนี้

16 ปีผ่านไป ตัวละครหลักในเหตุการณ์ยังคงอยู่ครบ ทั้งฝ่ายการเมือง กองทัพ และเครือข่ายอำนาจชนชั้น ขณะเดียวกัน 19 กันยา 49 และผลพวงจากเหตุการณ์นั้น ก็ให้กำเนิดตัวละครใหม่ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งขบวนการหนุ่มสาว ที่ออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน เกิดการเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีนักประชาธิปไตยเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา เครือข่ายชนชั้นนำและกองทัพที่มีอิทธิพลสำคัญในมหากาพย์ความขัดแย้งนี้ ก็ไม่ได้รอดพ้นจากความเสียหายที่ก่อไว้ เพียงยังทรงตัวอยู่บนรอยปริร้าวของตัวเองได้ชั่วคราว แต่วันหนึ่งความเสียหายร้ายแรงจะลุกลามไปถึง

'ณัฐวุฒิ' อ้อน!! ปชช. เทคะแนนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย หวังหยุดกลไกสืบทอดอำนาจ เชื่อยุบสภาอย่างเร็วหลังเอเปก

(6 ต.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมองภาพการเมืองใหญ่เวลานี้ไม่มีทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะยอมปล่อยมือจากอำนาจ ด้วยความสำนึกว่าได้สร้างความเสียหายไว้กับประเทศ มีแต่จะหาช่องทางรักษาอำนาจ และลากดึงกันไปข้างหน้า ตนเชื่อว่าความขัดแย้งภายในกลุ่ม 3 ป. ยังมีอยู่จริง แต่คงไม่ข้ามพ้นผลประโยชน์ทางการเมือง และทางอำนาจที่ผูกไว้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการยุบสภาอย่างเร็วก็หลังการประชุมเอเปค แต่ไม่ใช่การยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นเพียงการช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะสุดท้ายพรรคฝ่ายรัฐบาลก็ได้เปรียบ

“สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องรู้เท่าทัน และต้องตัดสินใจร่วมกันให้ได้ว่าถึงที่สุด ก้าวแรกในการเอาชนะอำนาจนี้คืออะไร สำหรับผมเชื่อว่า การเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และเทคะแนนให้พรรคการเมืองหนึ่งในฝั่งประชาธิปไตยชนะ เพื่อยืนค้ำไว้ก่อน และร่วมมือกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย จัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ยุติกลไกการสืบทอดอำนาจ คือทางเลือกที่เป็นไปได้ที่สุดในขณะนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

'วิโรจน์' ยินดีร่วมงาน ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าผ่านร่างกฎหมาย คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง-ทำงานเพื่อ ปชช.ด้วยกัน

(21 ส.ค. 66) จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยผ่านรายการคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย (พท.) แล้ว โดยเรื่องนี้บอกผู้ใหญ่ของพรรคเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม

ในช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย (พท.) อยากให้พรรคทำสำเร็จในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับ อยากให้มีการผ่าน พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งจะส่งผลให้ญาติของผู้เสียชีวิตในคดีสลายการชุมนุม 2553 ที่ราชประสงค์และแยกคอกวัว สามารถฟ้องศาลได้โดยตรง

นายณัฐวุฒิระบุว่า ผมได้ฝากฝังกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ส.ส.ว่าถ้าพรรคจะเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งต้องเสนอ และต้องเสนอเป็นลำดับต้น ๆ ด้วย ถ้าไม่เสนอเจอผมแน่ แต่ถ้าเสนอกฎหมายนี้ผมขอทั้ง 141 เสียงของพรรค พท. เข้าเสนอชื่อ ผลักดันกฎหมายนี้สำเร็จ และจะขอ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ช่วยด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงนั้นเป็นความมุ่งมั่นที่อยู่ในหัวใจของผมอยู่แล้ว พี่เต้นประสานผมมาได้ทุกเมื่อครับ ผมพร้อมร่วมมือกับพี่เต้นอย่างเต็มที่

ยินดีที่จะได้ร่วมกันกับพี่เต้นนะครับ

ยินดีต้อนรับครับพี่ แล้วเรามาทำงานเพื่อประชาชนร่วมกันครับ

“นายณัฐวุฒิ ต้องออกมาชี้แจง (เรื่องเงินบริจาค 42 ล้าน) เพราะการชุมนุมเมื่อปี 2552 ต่อเนื่องปี 2553 ณัฐวุฒิ รับผิดชอบทางการเงิน โดยผมกับพี่วีระ ยินยอมโดยดุษฎี”

'จตุพร' สาปแช่งคนเลวอมเงินบริจาคขอให้ฉิบหาย เปิดชื่อ 'ณัฐวุฒิ' ดูแลเงินม็อบปี 52-53 บี้รีบแถลงอธิบายให้สิ้นกังขาเพื่อหยุดปลุกปั่นคนอม 42 ล้าน ระบุไม่เคยยุ่งเงินม็อบ ชี้เลิกชุมนุมไม่เคยมีรายงานให้รับรู้ใช้จ่ายอะไร ลั่นให้เวลาติ่งเพื่อไทยลบโพสต์ 7 วัน ถ้าเมินเฉยเจอฟ้อง ถึงเป็นร้อยเป็นพันคดีก็จะฟ้อง

เมื่อวันที่ (9 ต.ค. 67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ระบุ 'นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ' เป็นแกนนำ นปช. มีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคม็อบปี 52-53 ส่วนมีใครอมเงิน 42 ล้านหรือไม่ ควรออกมาอธิบายข้อเท็จจริง ให้พวกติ่งพรรคเพื่อไทยหยุดพฤติกรรมก่อกวนใส่ร้าย

นายจตุพร กล่าวว่า พวกติ่งเพื่อไทยนำคำพูดของ 'หนุ่มโคราช' มาขยายความถามถึงเงินบริจาค 42 ล้านช่วงคนเสื้อแดงชุมนุมหายไปไหน ซึ่งตนเคยบอกให้ไปถามทักษิณ ชินวัตรว่า มอบหน้าที่ให้ใครดูแล และยังบอกเป็นนัยอีกว่า ตนกับนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีต ประธาน นปช. ไม่ได้ดูแลเรื่องเงิน แต่ตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมายังถูกยัดข้อหา กล่าวร้าย รุมยำกินฟรีตนอยู่ทุกวัน

"ผมอยากบอกว่า หลายวันที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ ต้องออกมาชี้แจง (เรื่องเงินบริจาค 42 ล้าน) เพราะการชุมนุมเมื่อปี 2552 ต่อเนื่องปี 2553 ณัฐวุฒิ รับผิดชอบทางการเงิน โดยผมกับพี่วีระ ยินยอมโดยดุษฎี ไม่มีใครไปติดใจอะไร อีกอย่างตลอดการชุมนุมไม่เคยถามว่า ใช้จ่ายเรื่องอะไร ไม่ว่าเงินจะมาในรูปแบบใดก็ตาม และหลังการชุมนุม (ณัฐวุฒิ) ก็ไม่เคยมารายงานว่าใช้จ่ายเรื่องอะไรบ้าง ผมกับพี่วีระ ไม่เคยไปสอบถาม ข้อเท็จจริงมีอยู่เท่านี้"

นายจตุพร กล่าวว่า ถึงวันนี้พวกติ่งเพื่อไทยไปขุดเรื่องราวเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาร่วม 14 ปี แล้วแต่งเสริมเป็นนิยายว่า ตนเอาเงิน 42 ล้านไป ซึ่งตนหวังให้นายณัฐวุฒิ คนดูแลเงินได้ชี้แจงติ่งเพื่อไทยให้รับรู้ เพราะตนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเงินบริจาคด้วย แต่พวกติ่งยังเหิมเกริมอีก ดังนั้น ตนให้เวลา 7 วันลบโพสต์ต่าง ๆ ที่กล่าวหาตน ถ้าไม่ทำจะฟ้องทุกคนเป็นร้อยเป็นพันคดีก็จะทำ

"ผมหวังให้คนมีหน้าที่ดูแลเงินได้อธิบาย แต่ไม่อธิบาย ส่วนการชุมนุมปี 2557 เป็นอีกคนดูแลเรื่องเงิน ซึ่งไม่ใช่ผมอีก แต่ที่ผมจะบอกว่า ถ้าข้อมูลพวกเวรชาติชั่วพวกนี้เป็นจริง ทำไม บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยจึงไม่พูดตอบโต้ เพราะทุกคนรู้เต็มอก แล้วผมไม่เคยติดใจและยังไม่เคยสอบถามด้วยว่า ใช้อะไรไปบ้าง เพราะ (การชุมนุม) มีความตายมากขนาดนั้น จึงไม่มีอารมณ์ไปสนใจอะไรอื่น"

อีกทั้งกล่าวว่า ถึงวันนี้พวกคนอุบาทว์นำเรื่องเงิน 42 ล้านมาปั่นสนุกสนานกันใหญ่ ส่วนอีกคนหนีไปอยู่ลาว แล้วท้าตีท้าต่อยกับตน ดังนั้น ตนให้เวลา 7 วันลบโพสต์และใครยังปั่นความเท็จเรื่องเงินบริจาคจะถูกฟ้องให้หมด เพราะเรื่องอื่นวิจารณ์ตนได้ แต่เรื่องอมเงินบริจาคเป็นคนเลวที่สุด

นายจตุพร ย้ำว่า นายณัฐวุฒิ ที่มีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคต้องออกมาชี้แจง ซึ่งไม่เกี่ยวกับตนหรือพี่วีระ แล้วยังไม่เคยสงสัยอะไร และไปเกี่ยวข้องเรื่องเงินด้วย ดังนั้น ต้องไปถามที่ปรึกษานายกฯ อย่างไรก็ตาม ถ้าแกนนำพรรคเพื่อไทยโผล่ออกมาอธิบายด้วยแล้ว ตนจะได้อธิบายให้หนักกว่านั้นอีก แม้ตนจะมีขีดเส้นไว้ว่าอะไรควรพูด ไม่ควรพูดก็ตาม

"ผมบอกได้เลยว่า คนมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินบริจาคคือ ณัฐวุฒิ ไม่ใช่ผมและพี่วีระ เหตุที่ระบุชื่อพี่วีระ เพราะวันนั้น สามเกลอแทบจะเบ็ดเสร็จการชุมนุมในทางปฏิบัติ แต่เรื่องผ่านมา 14 ปี พวกชาติชั่วหนีคดีมาสร้างเรื่องเท็จปลุกปั่นใส่ร้าย โดยคนมีหน้าที่เรื่องเงินกลับไม่ออกมาอธิบายเลย"

นายจตุพร สาปแช่งคนอมเงินบริจาคช่วงชุมนุมคนเสื้อแดงว่า ขอให้ฉิบหาย อีกทั้งเรื่องนี้ตนเคยฟ้องอดีตดาราเป็นคดีหมิ่นประมาท ใส่ความเป็นตัวอย่างมาแล้วและชนะคดีในศาล นอกจากนี้ ถ้ามีข้อเท็จจริงว่า ตนอมเงินจริงแล้ว พวกแกนนำเพื่อไทยต้องเรียงหน้าออกมาถล่มตนตลอดเวลา 14 ปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว

"พวกเขารู้กันหมดเรื่องเงินบริจาค ใครมาเบิกก็ไปที่ณัฐวุฒิคนเดียว ไม่ได้มาเบิกที่ผมเลย ซึ่งเป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่ผ่านมา 14 ปีโยนใส่เฉยเลย แล้วผมไปยุ่งอะไร แต่คนที่รับผิดชอบกรณีชุมนุมก็มีชีวิตอยู่ทั้งนั้น ย่อมรู้ถึงการอมเงินที่เป็นเรื่องอุบาทว์ชาติชั่วนี้

นายจตุพร เรียกร้องว่า หากเรื่องราวไม่ได้เป็นตามที่ตนพูด และถ้านายณัฐวุฒิ ไม่ได้รับผิดชอบ มีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคจากการชุมนุมแล้ว ต้องออกมาแถลงเรื่องราว โดยตนไม่ได้ใส่ร้ายอะไรใคร ดังนั้น หากเห็นว่า ไม่ใช่ให้ออกมาเถียง

“เมื่อวันนี้ พะ-นะ-ท่าน เป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้ว ช่วยอธิบายให้พวกบรรลัย คนพวกนี้ที่ปั่นเรื่องเท็จใส่ร้ายด้วย” นายจตุพร บี้ให้นายณัฐวุฒิ ไม่ควรนิ่งเงียบ ต้องแถลงชี้แจงความจริงให้ปรากฏด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top