Wednesday, 23 April 2025
ชาวกะเหรี่ยง

‘ดร.ทมิตา’ เล่าถึงพระเมตตาของ ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ หลังทรงพระราชทานสัญชาติไทยแก่ชาวกะเหรี่ยง-ชาวมอญ

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘dr.tammytiktok’ หรือ ‘ดร.ทมิตา วนาพิทักษ์กุล’ ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานสัญชาติไทยให้แก่ชาวกะเหรี่ยง และชาวมอญในอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ โดย ดร.ทมิตา กล่าวว่า…

“โอชุงลาไซค่ะ (แปลว่า สวัสดีค่ะ) ดิฉัน ‘ดร.ทมิตา วนาพิทักษ์กุล’ สาวกะเหรี่ยงบ้านๆ คนหนึ่ง ที่ได้รับ ‘สัญชาติไทย’ จากสถาบันพระมหากษัตริย์ เด็กกะเหรี่ยงที่ไม่มีสัญชาติ เด็กกะเหรี่ยงที่ไม่มีทุนการศึกษา พ่อแม่ยากลำบากจนไม่มีคำไหนที่จะสามารถบรรยายได้ แต่สิ่งที่เราบรรยายจากหัวใจของเราได้ คือ กราบขอบพระคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 และราชวงศ์ทุกๆ พระองค์ ที่ยังสานต่อด้วยการดูแลประชาชน คนที่ไร้สัญชาติในอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์อีกมากมาย และจนถึงทุกวันนี้ทั้งนายอำเภอ ทั้งผู้ใหญ่ที่ใจดีทุกท่าน ก็ยังคงสานต่อสิ่งเหล่านี้อยู่ ทั้งชาวกะเหรี่ยง ชาวมอญ ก็ยังคงได้รับโอกาสดีๆ เหมือนที่ ดร.คนนี้ได้รับเช่นกัน

สิ่งสำคัญที่น้องๆ คนรุ่นหลังอาจจะไม่รู้ เพราะหนูโตขึ้นมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกให้พวกหนูหมดแล้ว แต่คนรุ่นก่อนอย่างพี่ที่ผ่านการใช้ชีวิตที่ยากลำบากมา ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีทีวีดู แต่มีหนึ่งสถาบันฯ ที่เข้ามาช่วยซัพพอร์ต คือ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ วันนี้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เราไม่ว่า… แต่ขออย่ามาเหยียบ อย่ามาย่ำสถาบันฯ นี้เลยค่ะ เพราะยังมีคนอีกมากมายที่รักและยังคงธำรงไว้ เทิดเกล้า เทิดกระหม่อม ขออย่าไปยุ่งเลยค่ะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเรารู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้น ทำดีเพื่อพ่อหลวงของเรา รับผิดชอบตัวเองตามรอยพระราชดำรัส เศรษฐกิจพอเพียง ไม่มีคำว่าเศรษฐกิจไม่ดีค่ะ ถ้าหากว่าวันนี้เรารับผิดชอบตัวเอง ขอบคุณค่ะ”

'ชาวกะเหรี่ยง' พลัดถิ่นประท้วงตำรวจมะกัน หลังยิงสวน 'เด็กกะเหรี่ยง' วัย 13 ดับ

ชุมชนผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงออกมาไว้อาลัยต่อการเสียชีวิต Nyah Mway เด็กวัยรุ่นชายชาวกะเหรี่ยงวัยเพียง 13 ปี ที่ถูกตำรวจสหรัฐฯ ยิงเสียชีวิต เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นขโมย และใช้อาวุธปืนเล็งตำรวจ

เหตุสลดเกิดขึ้นที่เมืองยูทิกา ในรัฐนิวยอร์ก เมื่อเวลา 22.15 น. ของคืนวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุลักขโมย โดยมีผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวเอเชีย 2 คน หนึ่งในผู้ต้องสงสัยพกพาอาวุธปืน จึงได้ออกลาดตระเวนตามท้องถนนในเมือง และได้พบกับ Nyah Mway และเพื่อน ๆ ที่เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงฉลองจบชั้นเกรด 8 พอดี 

ตำรวจจึงสั่งให้กลุ่มของ Nyah Mway หยุดเพื่อจับกุมตัว เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นคนร้ายที่กำลังตามหา แต่ทว่า Nyah Mway ขัดขืนและวิ่งหนี ตำรวจจึงวิ่งไล่ และเห็นเขากำลังชักอาวุธคล้ายปืนออกมา ตำรวจจึงตัดสินใจยิงสวนทันทีเข้าที่ทรวงอก ทำให้ Nyah Mway บาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ส่วนอาวุธที่ Nyah Mway พกมา ทราบในภายหลังว่าเป็นเพียงปืนปลอมเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้แก่ นายแอนดรูว์ ซิทรินิติ, นาย บรูซ แพทเตอร์สัน และ นาย ฮัสเนย์ รับราชการตำรวจมาแล้วตั้งแต่ 2-6 ปี ถูกสั่งให้พักงานโดยได้รับค่าแรงเพื่อการสอบสวนเป็นการภายใน 

เมื่อถูกถามว่าตำรวจทั้ง 3 นายนี้ มีโอกาสถูกดำเนินคดีหรือไม่ กรมตำรวจยูติกายอมรับว่าข้อมูลหลักฐานมีความซับซ้อน ที่ต้องรอผลการสืบสวนจากสำนักงานสืบสวนพิเศษแห่งรัฐนิวยอร์ก ว่าเหตุการณ์นี้ละเมิดกฎหมายของรัฐหรือไม่ แต่ทางตำรวจยูติกา ก็ได้แสดงความเสียใจต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และครอบครัวของเด็กและเยาวชนที่เสียชีวิต

เมื่อสื่ออเมริกันพยายามติดต่อครอบครัว Nyah Mway แต่ทางครอบครัวให้สื่อสารผ่าน เพจ GoFundMe ที่เป็นเพจระดมทุนช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยง ที่ประสงค์ลี้ภัยมายังสหรัฐอเมริกา โดยครอบครัวของ Nyah Mway คือหนึ่งในชาวกะเหรี่ยงหลายพันคนที่ลี้ภัยสงครามออกจากพม่า มาตั้งรกรากในสหรัฐฯ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว

สำหรับ เมืองยูติกา ในรัฐนิวยอร์ก กลายเป็นชุมชนของชาวกะเหรี่ยง และชนกลุ่มน้อยในพม่าที่ลี้ภัยมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ด้วยความหวังที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขในดินแดนแห่งเสรีภาพ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเศร้า จากการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชนต่อพวกเขาอีก 

เพจ GoFundMe ระบุอีกว่า Nyah Mway เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่ชอบไปขี่จักรยาน เล่นกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นเด็กดีของครอบครัว ไม่เคยทำตัวสร้างปัญหา หรือทำผิดกฎหมายมาก่อน  

นั่นจึงทำให้ชุมชนผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในเมืองยูติกาส่วนหนึ่งไปรวมตัวประท้วงกันที่ศาลาว่าการเมือง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในขณะที่กรมตำรวจยูติกากำลังแถลงข่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเด็กชายชาวกะเหรี่ยง 

โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ Nyah Mway พร้อมทั้งตะโกนว่า “No Justice, No Peace” หรือ "ไร้ความยุติธรรม ก็ไร้สันติ" ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แผ่นดินใดที่ยังไร้ซึ่งความยุติธรรม ก็ยากที่จะหาสันติภาพได้ ไม่ว่าแผ่นดินนั้นจะอยู่บริเวณไหนของโลกก็ตาม

จับ 'ลัทธิประหลาด' บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ สร้างเรื่องหลอกลวงให้คนนับถือ แถมมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง

(13 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อม นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) / นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า / นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) / นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ / นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ / พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี / พ.ต.ชาญณรงค์ อินลา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 9 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์ ตร.บก.ปทส. และกองพลทหารราบที่ 9 ลงพื้นที่ ปฏิบัติการตรวจยึดพื้นที่และดำเนินการจับกุมกลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่ บ้านองหลุ หมู่ 3 ตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี

นายวีระ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากพบกลุ่มคนไม่มีสัญชาติบุกรุกบริเวณตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยตั้งเต็นท์กระโจมใต้ต้นไม้เพื่อเป็นที่พักอาศัย ทราบว่ามีอาวุธปืนไว้คอยปกป้องคุ้มครองตนเอง พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และมีการประสานให้สมาชิกเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์มากขึ้นเป็นระยะ

โดยปฏิบัติการครั้งนี้ พบกลุ่มคนกะเหรี่ยงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จำนวน 30 คน ประกอบด้วย ผู้ชาย 11 คน ผู้หญิง 10 คน และเด็ก 9 คน พร้อมของกลาง อาทิ ปืน 5 กระบอก เสื้อเกราะ อาวุธมีด ดาบ เลื่อยยนต์ อุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้าง วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นกลุ่มลัทธิประหลาดที่หลอกลวงให้คนนับถือ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมของเจ้าลัทธิประหลาด อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วย สร้างปัญหา ความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นภัยต่อความมั่นคง

ทั้งนี้จะส่งผู้ต้องหาที่กระทำผิด ไปยังสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในข้อกล่าวหา 

1. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐานยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ตามมาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 ฐานเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน ตามมาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42 ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ตามมาตรา 19 (6) ประกอบมาตรา 44 ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป ตามมาตรา 19 (7) ประกอบมาตรา 45 ฐานเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 47

2. พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ฐานความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 11 ประกอบมาตรา 62 และ3.พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า ตามมาตรา 54,55 ประกอบมาตรา 72 ตรี

กรณีดังกล่าวนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มอบหมายให้นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อเป็นการรักษาผืนป่าให้คงอยู่ตลอดไป และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันดำเนินการจนประสบผลสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่ามียูทูบเบอร์ชาวกะเหรี่ยง รายหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ในยูทูบ ว่า หัวหน้าที่ถูกจับกุมมีหน้าที่คล้ายผู้ที่หลอกชาวกะเหรี่ยงทำบัตร โดยอ้างว่าสามารถเดินทางได้ 196 ประเทศ ชาวกะเหรี่ยงที่หลงเชื่อเสียเงินไปคนละ 5,000 บาท หลายราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top