Monday, 28 April 2025
ชวนลงทุน

‘สองผัวเมีย’ ชิ่งหนี!! หลังชวน ‘ออมเพชร’ โกงเงินไปหลายสิบล้าน ล่าสุดได้คืนมาบางส่วน ผู้เสียหายเพียบ คาดมูลค่าอาจถึง 100 ลบ.

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี มีผู้เสียหายและพนักงานร้านเพชรชื่อดังย่าน จ.สมุทรสาคร ที่เปิดขายเพชร-ทอง ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ถูกเจ้าของร้านซึ่งเป็นสองสามีภรรยาปิดร้านหนีไปทำให้พนักงานร้านเพชรมืดแปดด้าน มิหนำซ้ำ สองสามีภรรรยายังค้างส่งของเพชรให้ลูกค้ากว่า 300 ราย  รวมมูลค่าความเสียหายหลาย 50 ล้านบาท ตอนนี้ชิ่งหนีหายเข้ากลีบเมฆ พนักงานและผู้เสียหายได้รวมตัวกันร้องดำเนินคดีกับกองบังคับการปราบปรามและร้องขอความช่วยเหลือจากทนายความตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวจ.อุดรธานีได้รับการประสานงานจาก นายภาณุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” ว่าสามารถติดตามเพชรของ น.ส.นุจรี ที่ซื้อไว้กับ น.ส.นันทิดา ได้แล้วบางส่วน ที่เป็นแห่งหนึ่งที่สองสามีภรรยาสั่งออเดอร์มาเพื่อนำมาไลฟ์สดเพื่อให้กับลูกค้า แต่สุดท้ายไม่ส่งคืนให้ โดยไปติดตามได้จากน้าสาวที่ จ.อุดรธานี เป็นเลสข้อมือทองคำขาวล้อมด้วยเพชรแท้ จำนวน 4 ชิ้น และแหวนเพชรอีก 4 วง ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นลูกค้าสายมูเป็นเลสข้อมือรูปร่างพญานาคและงู รวมมูลค่าทั้งหมดเกือบ 800,000 บาท

นายภาณุมาศ เปิดเผยว่า ตนได้รับการประสานงานจากทนายไพศาลและคุณนุจรี ผู้เสียหายว่า ร้านเพชรออนไลน์ที่ จ.สมุทรสารคร ของนายเสรี กับนางสาวนันทิดา เจ้าของร้านเพชรชื่อดังที่จังหวัดสมุทรสาคร และมาทำธุรกิจร้านอาหารและร้านกาแฟที่ จ.อุดรธานี ซึ่งหลังจากได้รับการประสานจึงลงพื้นที่ตามหา เพราะเรามีเบาะแสว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนมาประกอบธุรกิจร้านอาหารที่ เมื่อเข้าไปสอบถามที่ร้านอาหารพบว่ามีเพียงแต่พนักงานอยู่ และพนักงานแจ้งกลับมาว่าเจ้าของไม่ได้เข้าร้านมาประมาณ 3-4 วัน แล้วพนักงานเองก็ยังไม่ได้เงินเดือนด้วย จึงได้ไปสอบถามไปทางผู้จัดการร้าน ชื่อคุณ “จ” ให้ช่วยประสานญาติแตะติดต่อนัดเจอพูดคุย ซึ่งทางญาติทราบต่อมาว่าเป็นน้าของคุณนันทิดาก็ออกมาพบและเมื่อสอบถามหาผู้ต้องหาทั้ง 2 คน น้าก็ปฏิเสธไม่รู้ว่าอยู่ไหน และส่วนเรื่องเพชรน้าสาวก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้เป็นคดีความและเป็นข่าวไปแล้ว

เมื่อสอบถามด้านน้าสาวบอกว่า เคยเห็นเครื่องเพชรแบบนี้ที่ร้านส่งมา ทางน้าสาวก็ตอบกลับมาว่าเครื่องเพชรนี้มีอยู่กับตน โดยตอนนั้นหลานคือนางสาวนันทิดานำมาฝากไว้ แล้วฝากความบอกด้วยว่าเครื่องเพชรจำนวนนี้เป็นขอนุจรี เดี๋ยวนุจรีจะมาเอา จากนั้นหลานก็ไม่กลับมาอีกเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน น้าจึงมอบเครื่องเพชรในตนส่งมอบต่อให้คุณนุจรีต่อไป โดยวันนี้ตนจะนำเครื่องเพชรส่งคืนให้เจ้าของต่อไปโดยนัดส่งมอบที่กองปราบที่กรุงเทพฯต่อไป

รมว.กต.เผยเยือนออสเตรเลียกระชับความร่วมมือรอบด้าน ทั้งความมั่นคงมนุษย์-อาหาร-พลังงาน-หลักสูตรส่งเสริมปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมชวนลงทุนในประเทศไทย 

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยระหว่างการเดินทางเยือนนครแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย 'เพนนี หว่อง' เชิญเดินทางเยือน และได้มีการวางแผนการเยือนล่วงหน้าแล้วกว่า 3 เดือน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และส่งเสริมความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ระหว่างไทย และออสเตรเลีย ให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ก่อนที่การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือ Thailand-Australia Biennial Foreign Ministers’ Meeting ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี ระหว่างไทย-ออสเตรเลียจะเริ่มต้นขึ้นว่า พัฒนาการความร่วมมือไทย-ออสเตรเลียนั้น ฝ่ายออสเตรเลียพร้อมสนับสนุนประเทศไทย ทั้งการจัดสรรงบประมาณจำนวน 222.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย สำหรับโครงการ Mekong-Australia Partnership ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทั้งด้านการฝึกอบรม การบริหารจัดการน้ำ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งยังพร้อมสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม OECD Southeast Asia Regional Programme หรือ SEARP ของไทย ซึ่งเน้นบทบาท และความมุ่งมั่นของไทยในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ และออสเตรเลีย ยังพร้อมจะร่วมมือกับประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเกษตร อาหาร ยา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม

นายมาริษ ยังเปิดเผยอีกว่า ในการประชุมฯ ดังกล่าว ยังได้หารือเรื่องการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความมั่นคงของมนุษย์ อาหาร และพลังงาน ให้เป็นรูปธรรม โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดกับประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ และในภูมิภาค โดยตนเองได้นำเสนอศักยภาพ และข้อได้เปรียบของประเทศไทย ซึ่งมีที่ตั้งในทำเลยุทธศาสตร์ สามารถเสริมสร้างความเชื่อมโยง ระหว่างออสเตรเลียกับภูมิภาคเอเชียตะวันออก, เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ โดยได้ยกตัวอย่าง EEC ที่ท่าเรือระนอง ตลอดจนโครงการ Landbridge ให้ได้รับทราบ พร้อมทั้งยังได้เชิญชวนให้ฝ่ายออสเตรเลียมาลงทุน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ได้ให้ความสนใจ และเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีท่ามกลางการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ 

นายมาริษ ยังเปิดเผยอีกว่า ก่อนประชุมฯ ดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ได้นำชมสถาบัน Australian Institute for Machine Learning หรือ AIML ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ โดยเน้นประโยชน์ด้าน พลังงาน การจัดการข้อมูล และการคำนวณ ซึ่งตนเห็นว่า ภารกิจและความเชี่ยวชาญของสถาบันฯ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรม และ Workforce สำหรับอนาคต โดยคำนึงถึงการหาสมดุล ระหว่างการจัดเก็บข้อมูลกับความเป็นส่วนตัว จึงได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทย ประจำออสเตรเลียแสวงหาแนวทางส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่าง AIML กับสถาบันการศึกษาในไทย เพื่อจัดตั้ง School of AI ในการพัฒนาบุคลากร องค์ความรู้ และเทคโนโลยี AI ที่มีความรับผิดชอบ (Responsible AI) ต่อไป

ทั้งนี้ ประเทศออสเตรเลีย เป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 10 ของออสเตรเลีย ซึ่งระหว่างไทยและออสเตรเลียนั้น มูลค่าการค้ารวมกว่า 19,054.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้ดุลการค้ากว่า 5,375.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และประเทศไทย มีการส่งออกไปออสเตรเลียประมาณ 12,214.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าสำคัญได้แก่ รถยนต์, อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เม็ดพลาสติก และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ส่วนประเทศไทย มีการนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย จำนวนราว 6,839.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ พืช และผลิตภัณฑ์จากพืช สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะ และผลิตภัณฑ์ถ่านหิน และเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ เป็นต้น

นอกจากนั้น ประเทศไทย มีภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการลงทุนในออสเตรเลียโดยรวมประมาณ 7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาทิ ปตท.สผ., บริษัทมิตรผล, บริษัทราช เครือไมเนอร์ และบริษัทบ้านปู และออสเตรเลียเอง มีการลงทุนในประเทศไทย จำนวนประมาณ 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาทิ บริษัท Linfox, บริษัท Anca Manufacturing 

สำหรับตัวเลขด้านการท่องเที่ยวนั้น มีนักท่องเที่ยวออสเตรเลีย เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยรวม 687,745 คน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทย ไปท่องเที่ยวที่ออสเตรเลียรวม 107,320 คน รวมทั้งยังมีคนไทยในออสเตรเลีย จำนวน 113,751 คน แบ่งเป็นเป็นนักเรียน-นักศึกษา 25,887 คน โดยถือเป็นประเทศที่มีจำนวนนักเรียน-นักศึกษาในออสเตรเลียมากเป็นอันดับ 7 รองจากจีน, อินเดีย, เนปาล, โคลอมเบีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม รวมถึงยังมีร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย ประมาณ 2,200 ร้าน และคนออสเตรเลียในประเทศไทย ประมาณ 35,000 คน ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top