‘ชนินทร์’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ยิ่งอยู่ยิ่งเจ๊ง ยิ่งแจกยิ่งจน!! หวั่นชาติล่ม จมอยู่ 8 ปี สร้างหนี้ 10 ล้านล้านบาท
วันที่ 10 ก.พ. 65 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนฯ ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับก๊วน 3 ป. ว่า การประชุมเพื่อแก้ปัญหาความยากจน เกิดขึ้นในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ นับครั้งไม่ถ้วน แต่เหตุใดตัวเลขผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
หากดูจากตัวเลขผู้ได้รับสิทธิ์ในปี 2560 อยู่ ที่ 7.7 ล้านคน เพิ่มจนมาสูงสุดที่ 14.6 ล้านคนในปี 2562 หรือคิดเป็น 22% ของคนทั้งประเทศ และหากพลเอกประยุทธ์ มีการขยายสิทธิ์ใหม่ในปี 2565 ภายหลังปรับกฎเกณฑ์ตามมติ ครม. ที่ตั้งเป้าผู้เข้าร่วม 20 ล้านคน หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศในทันที ในขณะที่ตัวเลขคนจนไม่ได้ลดลง ในเวลาเดียวกันพลเอกประยุทธ์ ก็เดินหน้ากู้จนหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 9.64 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 10 ล้านล้านบาท หรือ 59.57% ของจีดีพี สะท้อนให้เห็นว่าพลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศแบบกู้แหลก แต่สร้างผลขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจได้น้อย เพราะตัวเลขหนี้สวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคพลเอกประยุทธ์ ที่โตเฉลี่ยเพียง 1.66% นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศภายหลังจากทำการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน ขัดแย้งกับผลงานโดดเด่นในเรื่องของการกู้ และยังใช้งบประมาณไปกับโครงการประชานิยมรวมเกือบ 2 ล้านล้านบาท อาทิ
1.) งบประมาณที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ใช้ในโครงการประชานิยมในช่วงปี 2557-2561 ซึ่งมี 19 โครงการ ใช้งบประมาณรวม 8.78 แสนล้านบาท
2.) โครงการประกันราคาสินค้าเกษตร ตั้งแต่ปี 2562/63 - 2564/65 ใช้งบประมาณ 2.61 แสนล้านบาท
3.) โครงการต่าง ๆ ที่ออกมาในช่วงของการระบาดของโควิด-19 ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคโควิด-19 รวมมากกว่า 6 โครงการ ในปี 2563-2564 ทั้งคนละครึ่ง 4 เฟส, เราชนะ, ม.33 เรารักกัน, ยิ่งใช้ยิ่งได้, บัตรคนจน, เราเที่ยวด้วยกัน ใช้งบประมาณรวมทั้งหมดรวมกว่า 1.15 ล้านล้านบาท จากกรอบวงเงินที่กู้ได้ 1.5 ล้านล้านบาท
