Sunday, 8 June 2025
ฉ้อโกงออนไลน์

'บิ๊กป้อม' ตามติด กวาดล้าง 'ฉ้อโกงออนไลน์' สั่ง!! สตช. เร่งรัดคดีให้ถึงต้นตอโดยเร็ว

‘พล.อ.ประวิตร’ ประชุม ติดตามกวาดล้าง 'การฉ้อโกงออนไลน์' สั่ง สตช. เร่งรัดคดีให้ถึงต้นตอ ลดความเดือดร้อน ประชาชน โดยเร็วที่สุด

(9 ธ.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชน ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้มีการหารือ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหา การฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดย พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบแนวทางยุทธศาสตร์เพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จากรายงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรี แล้วประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ได้แก่ 

1. กลยุทธ์ด้านการป้องกัน 
2. กลยุทธ์ด้านการยับยั้ง 
และ 3. กลยุทธ์ด้านการปราบปราม 

ผบ.ตร.สรุปผลงานรอบ 1 เดือน ขับเคลื่อนนโยบาย 10 ข้อ เน้นหนัก 4 ข้อ จับกุมอาญา 39,273 คดี ปราบปรามคดีออนไลน์ ยาเสพติด อาวุธปืน มาตรการท่องเที่ยวสนองนโยบายรัฐบาล และขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win (Police’s Home) พร้อมฝากเว็บ “ฉลาดโอน” ป้องกันภัยฉ้อโกงออนไลน์

วันนี้ (9 พ.ย.66)  ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สรุปผลการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการ 10 ข้อ 4 นโยบายเน้นหนัก และนโยบาย “Quick Win” (Police’s Home) ในห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา (1 - 31 ต.ค.66)   ซึ่ง ผบ.ตร. ได้ลงเร่งรัด ลงพื้นที่ ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้เป็นผลอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ดังนี้

1. การบังคับใช้กฎหมายและอาชญากรรม
1.1 สถิติคดีอาญา 4 กลุ่ม (เฉพาะเดือน ต.ค.66) 43,512 คดี จับกุมได้ 39,273 คดี คิดเป็น 90.25% แบ่งเป็น
- คดีเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย 1,329 คดี จับกุม 1,107 ราย
- คดีเกี่ยวกับทรัพย์ 4,918 คดี จับกุม 3,657 คดี
- คดีฐานความผิดพิเศษ(ค้ามนุษย์,ลิขสิทธิฯ) 767 คดี จับกุม 375 คดี
- คดีที่รัฐเป็นผู้เสียหาย  28,362 คดี จับกุม 29,180 คน

1.2 ตร.ได้สั่งการให้ ระดม กวาดล้างฯ ในห้วงวันที่ 9 - 11 ต.ค.66 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยผลการระดมกวาดล้าง ได้ทำการตรวจค้น จำนวน 3,224 จุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1,593 ราย  ของกลางเป็นอาวุธปืนรวมจำนวน 2,008 กระบอก แบ่งเป็น
 - อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 219 กระบอก
 - อาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 1,789 กระบอก (แบลงค์กัน จำนวน 528 กระบอก / บีบีกัน 202 กระบอก)
 - กระสุนปืนจำนวน 75,973 นัด
และได้ทำการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าถึงในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน รวม 291 บัญชี

2. นโยบายเน้นหนัก
2.1 มาตรการดูแลนักท่องเที่ยว ดำเนินการตามนโยบาลรัฐบาลโดยการฟรีวีซ่า จีน คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน เพิ่มการขยายระยะเวลาอยู่ในไทยให้รัสเซีย (ผ.90) ระงับการแจ้งใช้บัตร ตม.6 ด่าน ตม. สะเดา โดยสถิติคนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศไทย ภาพรวม 2566 (1 ม.ค.-1 พ.ย.66)  26,257,809 ราย โดยมีคนมาเลเซีย จีน ลาว อินเดีย เกาหลีใต้ เข้าประเทศสูงสุด 5 อันดับแรก และคาดว่าจะจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอยากต่อเนื่อง

2.2 ยาเสพติด เน้นหนักมาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติด เฉพาะเดือน ต.ค.66 จับกุมคดียาเสพติดได้ถึง 16,418 คดี ผู้ต้องหา 16,102 ราย พร้อมสั่งการให้ขยายผลสืบสวนถึงเครือข่าย และใช้มาตรการริบทรัพย์ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 

2.3 อาชญากรรมออนไลน์ ยังคงขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปราม ควบคู่กับการให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนในการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ โดยมีสถิติรับแจ้งความออนไลน์ (ตั้งแต่ 1 มี.ค.65-31 ต.ค.66) เป็นคดีออนไลน์ 354,635 คดี อายัดได้ทัน 1,316 ล้านบาท  ความเสียหายรวม 48,137 ล้านบาท โดยมี 3 ประเภทคดีสูงสุดได้แก่ คดีหลอกซื้อขายสินค้าและบริการฯ(ไม่เป็นขบวนการ), หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน, หลอกให้กู้เงิน 

 2.4 การสร้างขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา การมอบรางวัลอัศวินแหวนเพชร, การมอบรางวัลสืบ ภ.2, มอบเงินวิจัย รร.นรต., การมอบพระประจำหน่วยคอมมานโด, การตรวจสถานีตำรวจ สภ.หนองปลิง จว.นครสวรรค์, สภ.แม่ยาว จว.เชียงราย, ด่าน ตม.เชียงแสน  และลงพื้นที่ความมั่นคง จว.ปัตตานี, จว.ยะลา

3. นโยบาย Quick Win “Police’s Home : เราดูแลคุณ เพื่อให้คุณดูแลประชาชน”
3.1 การปรับทรงผมและมอบเสื้อกั๊ก
- ผบ.ตร.ได้ลงนามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจเมื่อแต่งเครื่องแบบ พ.ศ.2566 ปรับแก้ไขให้มีความเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ  เจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ หรือภารกิจแต่ละหน่วย โดยให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยพิจารณาตามความเหมาะสมได้เอง เช่น การปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง ฝ่ายสืบสวนหาข่าว หรือป้องกันปราบปรามยาเสพติด
- ผบ.ตร.มอบเสื้อกั๊กสะท้อนแสง สีเขียวอมเหลืองแบบใหม่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันปราบปราม ที่ปฏิบัติงานในสถานีตำรวจ นำร่องพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หรือพื้นที่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เพื่อให้ตำรวจใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

3.2 การลดขั้นตอนการรายงาน
โดยการจัดสรรกำลังให้เพียงพอกับการปฏิบัติหน้าที่ สร้างระบบและมาตรฐานการปฏิบัติงาน ลดภาระงานทบทวนระเบียบ คำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 หรือการรายงานที่ไม่จำเป็น (โดยให้รายงานเหตุฯ ศปก.เพียงแห่งเดียว) หรือไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่

3.3 การจัดหาบ้านพัก
สั่งการให้ทุกส่วนสำรวจข้อมูลห้องพักอาศัยข้าราชการตำรวจทุกแห่ง ดำเนินการผู้ที่หมดสิทธิพักอาศัย และจัดสรรให้กับข้าราชการตำรวจผู้มีสิทธิต่อไป พร้อมสำรวจความต้องการห้องพัก ศึกษา การก่อสร้างที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจเพิ่มเติม 

3.4 การแต่งตั้ง
ผบ.ตร.ได้ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ โดยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ในระดับ ผบช. ถึง ผบก. เป็นการแต่งตั้งที่โปร่งใส และได้รับการชื่นชมอย่างดีจากทุกภาคส่วน ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคใหม่ และสั่งการให้การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในระดับ รอง ผบก.ถึง สว.ในทุกหน่วยให้ถือปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 อย่างเคร่งครัด ให้คำนึงถึงประโยชน์ทางราชการ ภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนความสุขของประชาชนเป็นสำคัญ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาอาชญากรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ปัญหายาเสพติด อาชญากรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นต้น 

3.5 การจัดตั้งศูนย์อาชญากรรมพิเศษ 11 ศูนย์ 
ผบ.ตร. ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 600/2566 เรื่องการมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ รอง ผบ.ตร., จตช., ผู้ช่วย ผบ.ตร และรอง จตช. ในงานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและศูนย์ปฏิบัติการ ตร. โดยยกเลิกศูนย์ฯ ของเดิม 8 ศูนย์ คงเหลือศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจ 11 ศูนย์  มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร.ขับเคลื่อน โดยเน้นให้กำลังพลได้ทำหน้าที่ต้นสังกัดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ด้านอื่นๆ การออกแนวทางรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย และการขับเคลื่อนป้องกันปราบปรามหนี้นอกระบบและการดูแล รปภ. นักท่องเที่ยว และควบคุมสถานบริการฯลฯ

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ขอฝากประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ “ฉลาดโอน”  chaladohn.com ที่ช่วยเหลือประชาชน เพื่อป้องกันภัยการฉ้อโกงออนไลน์ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลมิจฉาชีพได้แก่ เลขบัญชีธนาคาร / เบอร์โทร / SMS หลอกลวง เว็บไซต์ฉลาดโอนช่วยให้ประชาชนมีเครื่องมือสำหรับใช้ในการตรวจสอบข้อมูลมิจฉาชีพ เป็นเสมือนศูนย์กลาง ในการตรวจสอบข้อมูลของมิจฉาชีพที่อยู่ทั้งในและนอกประเทศ โดยมี 4 ฟังก์ชั่นการทำงาน ได้แก่ ระบบเช็คก่อนโอนตรวจสอบข้อมูล / ระบบแจ้งคนโกง / ระบบช่วยรวมหลักฐาน รับฟัง จัดลำดับเหตุการณ์ / ระบบยืนยันตัวตนผู้ขาย โดยระบบจะเริ่มใช้งานได้ในวันที่ 8 พ.ย.66 เป็นต้นไป โดยพบว่า มีประชาชนเข้าไปเช็คคนโกงกว่า 3,389,840 ครั้ง เช็คตัวต้นผู้ขายกว่า 24,629 ครั้ง แจ้งคนโกงกว่า 410,900 ราย มีสมาชิกจำนวนกว่า 32,412 ราย

ขอให้พี่น้องประชาชนตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ฉลาดโอนทุกครั้งก่อนโอนเงิน และหากมีข้อมูลมิจฉาชีพ กรุณาช่วยแจ้งข้อมูลให้เว็บไซต์ฉลาดโอนเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนท่านอื่นถูกหลอกโอนเงินเพิ่ม ทุกข้อมูลที่ท่านส่งมา ล้วนมีประโยชน์ และสามารถลดอาชญากรรมออนไลน์ในสังคมของเราได้ ผบ.ตร. มุ่งมั่นตั้งใจทำหน้าที่เพื่อให้สังคมสงบสุข และลดเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ให้เหลือน้อยที่สุด

เมียนมาโบ้ยความผิด 'ชาติเพื่อนบ้าน' ปราบแก๊งสแกมเมอร์ไม่ได้ ทำชายแดนรุนแรงขึ้น

(22 ม.ค.68) สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า ภายใต้แรงกดดันจากจีนที่ต้องการให้เมียนมาดำเนินการปราบปรามปัญหาแก๊งหลอกลวงออนไลน์ตามแนวชายแดน รัฐบาลทหารเมียนมาได้กล่าวหาว่าเป็นความผิดของประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ ที่ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ

รัฐบาลทหารเมียนมาออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนได้รับการสนับสนุนด้านไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตจากประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งกล่าวว่า มีองค์กรอาชญากรรมที่ดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งยังได้รับอาวุธ กระสุน และวัสดุก่อสร้างจากประเทศเพื่อนบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้ระบุชื่อประเทศโดยตรง แต่มีการคาดการณ์ว่าเป็นประเทศไทย

รัฐบาลเมียนมาขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ในแถลงการณ์ รัฐบาลทหารเมียนมาอ้างว่า แก๊งหลอกลวงตามแนวชายแดนดำเนินการโดยชาวต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจำเป็นต้องมีความร่วมมือร่วมกันในการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ โดยระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเมียนมาได้จับกุมชาวต่างชาติ 55,711 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ฐานเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงออนไลน์และได้ส่งตัวกลับประเทศต้นทางแล้ว

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารเมียนมายอมรับว่าไม่สามารถควบคุมพื้นที่ที่แก๊งเหล่านั้นตั้งอยู่ได้ เนื่องจากสถานการณ์ไม่มั่นคง พร้อมกล่าวหากลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธต่างๆ ว่าพัวพันกับปฏิบัติการของแก๊งเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีการกล่าวถึงนายซอ ชิต ทู หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์ชายแดนรัฐกะเหรี่ยง (BGF) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทหารเมียนมาและได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รับหน้าที่ดูแลบ่อนพนันและแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลเมียนมา และหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อนายซอ

ในขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (NUG) สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) และกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยระบุว่า กองกำลัง BGF ที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร รวมถึงกลุ่มพันธมิตรติดอาวุธเป็นผู้รักษาความปลอดภัยให้แก่แก๊งหลอกลวงออนไลน์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา และได้ประกาศความตั้งใจที่จะดำเนินการป้องกันไม่ให้เมียนมากลายเป็นศูนย์กลางของการฉ้อโกงออนไลน์ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน อินเดีย บังกลาเทศ ลาว และไทย ร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

ที่เมืองเมียวดี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนสำคัญระหว่างเมียนมาและไทย ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งรวมของแก๊งหลอกลวงออนไลน์ที่ดำเนินการโดยกลุ่มอาชญากรรมชาวจีน โดยมีจุดสำคัญในเมืองชเวก๊กโก่และ KK Park ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการหลอกลวงออนไลน์และการค้ามนุษย์ รวมถึงการบังคับใช้แรงงานและการทรมาน

ตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2021 ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ตามแนวชายแดนได้ผุดขึ้นมากมาย โดยหลายกลุ่มย้ายฐานจากรัฐฉานตอนเหนือมายังเมียวดี หลังจากที่รัฐบาลจีนและรัฐบาลทหารเมียนมาได้บุกปราบปรามแก๊งอาชญากรเหล่านี้

ชื่อของเมืองเมียวดีได้รับความสนใจอีกครั้งในเดือนที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานของกรณีซิงซิง ดาราจีนที่ถูกล่อลวงมายังประเทศไทยก่อนถูกแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชายแดนหลอกไปบังคับใช้แรงงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวชาวจีนยกเลิกการจองทัวร์นมายังประเทศไทย และสถานทูตจีนได้ออกประกาศเตือนการเดินทาง ขณะที่หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมมือในการปราบปรามการฉ้อโกงข้ามชายแดน

ก่อนหน้านี้  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการสื่อสารของรัฐบาลทหารเมียนมา นายเมีย ทุน อู ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีดิจิทัลอาเซียนในกรุงเทพฯ และให้คำมั่นที่จะร่วมมือกับสมาชิกอาเซียนในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติอย่างเต็มที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top