Tuesday, 22 April 2025
ฉ้อโกงประชาชน

รวบผู้ต้องหาต่างด้าวหนีคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายร่วม 600 ล้านบาท

ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการกับนายจง (นามสมมติ) คนต่างด้าวซึ่งเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับและต้องการตัวไปดำเนินคดี ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา นายจง ได้ร่วมกับเพื่อนเปิดบริษัทและจ้างพนักงานมาทำหน้าที่โทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อหลอกให้มาร่วมลงทุน โดยอ้างว่าบริษัทเป็นบริษัทที่สามารถทำบัตรเครดิตได้จำนวนมาก มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 600 ล้านบาท และนายจงได้หลบหนีมายังประเทศไทย กก.1 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนและตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า 

นายจง ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปถึงวันที่ 20 ก.ย. 2566 จึงได้เสนอขอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายจง

รวบสามีภรรยาแดนมังกร ฉ้อโกงประชาชน ชักชวนซื้อเหรียญเว็บพนันออนไลน์ หอบเงินหนีซุกไทย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

สืบเนื่องจากได้รับการประสานงานจาก สำนักงานกงสุล(ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุนหมิง และสถานฑูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ ราย   

1. MR.YANG หรือ นาย หยาง (นามสมมติ) อายุ 38 ปี    
2. MS.ZENG หรือ นาง เจิ้ง (นามสมมติ) อายุ 36 ปี    
ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในลักษณะฉ้อโกงประชาชนฯ  มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท แล้วหลบหนีการจับกุมเข้ามายังประเทศไทย 

จึงได้สั่งการให้  พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม.,ร.ต.อ.อดิศร บุญชุ่ม รองสว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พร้อมพวก ทำการสืบสวนติดตามจับกุม MR.YANG หรือนาย หยาง และ MS.ZENG หรือ นางเจิ้ง จนทราบว่า ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่คอนโด ในพื้นที่สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และ ผบก.สส.สตม.ได้อนุมัติเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรฯของ MR.YANG หรือนาย หยาง และ MS.ZENG หรือ นางเจิ้ง ไว้แล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 09.00 น. จึงได้เดินทางไปเพื่อตรวจค้น เมื่อไปถึงห้องพัก พบ MR.YANG หรือนาย หยาง ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับประเทศจีน และถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรฯ ออกมาจากห้อง  จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอทำการตรวจค้น โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดย MR.YANG สมัครใจพาตรวจค้นห้อง จึงทำการตรวจค้นพบ MS.ZENG หรือ นางเจิ้ง ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับประเทศจีน และถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรฯ อาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวด้วย จึงได้ทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง จึงได้แจ้งทั้ง 2 ราย ถึงการถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรของบุคคลต่างด้าวฯ และตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ เงินสดสกุลเงินไทยและสกุลเงินอื่นกว่า 6 สกุลเงิน มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท

ตำรวจไซเบอร์ รวบแล้ว!! ขบวนการสินเชื่อทิพย์ กู้เงิน 2 ล้าน แต่เสียเงิน 3 ล้าน

สืบเนื่องจากกรณีขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์สินเชื่ออนุมัติไว หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งแอบอ้างว่าเป็นกลุ่มนายทุนที่เปิดเพลทฟอร์มบริการให้กู้เงินผ่านระบบกู้เงินออนไลน์ ผู้เสียหายซึ่งกำลังต้องการเงินกู้ 2 ล้านบาท จึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จผ่านในระบบคอมพิวเตอร์ ผู้เสียหายยินยอมให้ข้อมูลและปฏิบัติตาม เพราะเชื่อว่าจะได้รับเงินกู้ตามจำนวนที่ต้องการ เป็นเหตุให้หลงเชื่อโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มร้าย รวม 4 บัญชี รวมการโอนทั้งหมด 23 ครั้ง ได้รับความเสียหายกว่า 3,500,0000 บาท

ต่อมาวันที่ 13 มิ.ย. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 สืบสวนติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวกำลังเดินทางมาด้วยรถไฟขบวน 171 ปลายทางลงสถานีรถไฟยะลา จึงได้ร่วมกันวางแผนและเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้พบ นางดวงดาว อายุ 45 ปี บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน

“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ สถานีรถไฟยะลา ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย การเงินมีปัญหา ปรึกษาสถาบันการเงินแหล่งสินเชื่อที่มีตัวตน น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อำนาจ  ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, ได้สั่งการ ว่าที่ พ.ต.ต.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.หญิง ธรา เมืองแก้ว สว.กก. 1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

‘ฌอน บูรณะหิรัญ’ เฮ!! ศาลนนทบุรี พิพากษา ‘ไม่มีความผิด’ เผย!! อดทนรอมา 4 ปี กรณีโดนกล่าวหาว่า อมเงินช่วยไฟป่า

เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.67) ‘ฌอน บูรณะหิรัญ’ พิธีกรและนักสร้างแรงบันดาลใจ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่า ฉ้อโกงประชาชน ปมเงินบริจาคช่วยเหลือไฟป่าที่เชียงใหม่ โดยได้ระบุว่า ...

วันนี้ที่ผมอดทนรอคอยมาตลอด4ปี ศาลนนทบุรีพิพากษายกฟ้อง 

จากความเป็นจริง คือ ผมได้นำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมาจากการบริจาคของทุกท่านไปช่วยเรื่องไฟป่าแล้วอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ด้วยความเคารพต่อศาล 4 ปีที่ผ่านมาท้าทายมากๆสำหรับผม และ ครอบครัว

ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัว เพื่อน แฟน ๆ ที่ไม่แม้แต่สงสัยในตัวผม ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม อยู่เคียงข้างผมมาตลอด 
ขอบคุณทนาย และ ที่ปรึกษาทุกท่านที่เมตตาเอ็นดูผม 

ที่สุดคือคำพิพากษาของศาลว่า ผมไม่มีความผิด

ตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้แชร์เรื่องราวให้ทุกคนฟังนะครับ

I’ve been fighting a silent battle for the last 4 years… today the court dismissed all charges and ruled “not guilty”. 

All the allegations and rumors have been proven wrong. The truth is, I did help with forest fire prevention in northern Thailand and I did help hospitals during covid 19. 

The last 4 years have been tough but as the saying goes “tough times don’t last, tough people do.” I can’t wait to tell you guys all about it.

สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรสวมบัตรประชาชนไทย พบประวัติฉ้อโกงประชาชน นานกว่า 14 ปี ความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

กก.4 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนคนต่างด้าวทำการสวมบัตรประชาชนไทย พบว่า  Mr.Yu (นามสมมติ) อายุ 59 ปี สัญชาติจีน มีพฤติการณ์ต้องสงสัยสวมบัตรประชาชนไทยในชื่อนายยงยุทธ์ จึงได้มีหนังสือไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เพื่อสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล อัตลักษณ์ ประวัติการกระทำผิดของ Mr.Yu รับแจ้งว่า Mr.Yu มีประวัติกระทำความผิดในสาธารณรัฐประชาชนจีน ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน โดยพฤติการณ์คือ Mr.Yu ได้เปิดบริษัทประกอบกิจการโรงแรม และได้ชักชวนหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหายเข้ามาร่วมลงทุน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท แล้วได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย กก.4 บก.สส.สตม. จึงได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Mr.Yu ส่งให้กับกรมการปกครองเพื่อตรวจสอบ ต่อมากรมการปกครอง ได้มีคำสั่งเพิกถอนบุคคลชื่อนายยงยุทธ์ ออกจากฐานระบบทะเบียนราษฎร์ 

จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. ทราบว่าหลังจากที่ Mr.Yu ได้เดินทางออกจากประเทศไทยทางจังหวัดสระแก้วเพื่อไปยังประเทศกัมพูชา จากนั้นได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ แล้วได้สวมบัตรประชาชนไทยในชื่อนายยงยุทธ์ อาศัยอยู่ในประเทศไทย มานานกว่า 14 ปี โดยพักอาศัยอยู่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันและปรามปรามการทุจริตทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่ส่วนการสอบสวนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ นำหมายค้นของศาลแขวงพระนครเหนือเข้าตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ Mr.Yu พร้อมบัตรประชาชนไทยชื่อนายยงยุทธ์ ซึ่ง Mr.Yu ให้การรับสารภาพว่าได้หลบหนีเข้ามาที่ประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติและทำการสวมบัตรประชาชนไทย เมื่อปี พ.ศ.2553 และได้อยู่ในประเทศไทยมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับในส่วนการกระทำความผิดในเรื่องของการสวมบัตรและการใช้บัตรประชาชนที่ได้มาจากการกระทำความผิด กรมการปกครองได้พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว      

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

แรงงานไทย 250 ชีวิต ฝันสลาย!! หวังได้บินไปทำงาน หารายได้ ที่ต่างประเทศ สุดท้ายรอเก้อ!! ไม่มีตั๋วเครื่องบิน ถูกหลอก สูญเงินรวมกันกว่า 12 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 68) เวลา 21.00 น. ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนหน้า ในอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทางด้านกลุ่มแรงงานไทยทั้งชายหญิงเกือบ 50 ชีวิต หอบกระเป๋าเดินทาง รวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนของ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากที่ผู้เสียหายทั้งหมด ได้ทำการโอนเงินให้กับหญิงสาวรายหนึ่ง เพื่อจะได้ไปทำงานการเกษตรและอุตสาหกรรมในประเทศปลายทางคือ อิสราเอล โดยมีการนัดกำหนดเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิในช่วงสี่ทุ่มของคืนนี้ แต่พอใกล้เวลาผู้เสียหายทั้งหมดไปเช็กตั๋วเดินทางกลับไม่พบข้อมูลการจองตั๋วเที่ยวบินเพื่อเดินทางแต่อย่างใด จึงพากันมาแจ้งความในครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำ

นางสลิลทิพย์ หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชาว จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า บุตรชายตนได้รับการติดต่อจากคนรู้จักกันบอกปากต่อปากกันมาชักชวนให้ไปทำงานด้านการเกษตร มีรายได้ดี จึงตอบตกลงและโอนเงินจำนวน 60,000 บาท ให้กับ น.ส.ออย ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนในการจัดหาคนงานไปทำงาน โดยนัดบินในค่ำคืนนี้จึงพากันเดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่พอมาถึงไม่พบว่ามีการจองตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด พอถาม น.ส.ออย กลับได้รับคำตอบว่าติดต่อคนที่รับงานและรับเงินไปไม่ได้ ซึ่งมีผู้เสียหายประมาณ 250 คน

เช่นเดียวกับ นายธนายุทธ อายุ 36 ปี ชาว จ.สกลนคร ได้โอนเงินไป 120,000 บาท และเหมารถเดินทางมาจากสกลนคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ได้รับการชักชวนติดต่อจาก น.ส.ออย และได้มีการโอนเงิน เพื่อหวังได้ไปทำงาน เนื่องจากมีการระบุเชิญชวนว่าหากไปทำงานจะได้รับเงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ 70,000 บาทโดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมเงินกว่าสองแสนบาท แต่จะต้องจ่ายก่อน 120,000 บาท ที่เหลือหักจากเงินเดือน ที่ตนเองหลงเชื่อใจเพราะมีการบอกกันปากต่อปากว่าสามารถพาไปทำงานได้จริง มีคนเคยไปแล้วหลายคน จึงหลงเชื่อโอนเงิน จนมีการนัดหมายให้มาเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิในคืนนี้เพื่อเดินทาง ซึ่งตนเองก็มารอตั้งแต่เช้าจนใกล้ถึงเวลากลับไม่มีไฟลต์หรือตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด

ขณะที่ น.ส.ออย อายุ 28 ปี หญิงสาวนายหน้าที่จัดหาและชักชวนกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดว่าจะพาไปทำงานในออสเตรีย และเป็นบุคคลที่ผู้เสียหายทั้งหมดโอนเงินผ่านบัญชี ซึ่งเจ้าตัวก็เดินทางมาขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้ด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่าเธอก็ตกเป็นผู้เสียหาย พร้อมกล่าวว่า ตนเองไปรู้จักกับรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันคนหนึ่ง ชื่อว่า ฟ้า ได้มาชักชวนว่าสามารถพาคนไทยไปทำงานที่ประเทศออสเตรียได้ หากตนสามารถหาคนไปทำงานที่ออสเตรียได้ จะได้ค่าตอบแทนหัวละ 2,000 บาท ส่วนใครที่จะไปทำงานจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตั้งแต่ 30,000–60,000 บาท หรือบางคนหนึ่งแสนถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แล้วแต่ระยะเวลาที่จะอยู่ทำงานที่นั่น

น.ส.ออย กล่าวต่อว่า น.ส.ฟ้า ได้อ้างบอกตนว่า ทำงานในสถานทูตออสเตรียประจำประเทศไทย โดยทุกครั้งที่มีเงินของผู้เสียหายเข้ามาผ่านบัญชีของตนแล้ว ตนก็จะเบิกเงินฝากเป็นเช็คให้กับ น.ส.ฟ้าโดยนัดมอบกันที่หน้าสถานทูตออสเตรีย ซึ่งรวมผู้เสียหายแล้วประมาณ 250 คน รวมเป็นเงินที่นำฝากผ่านเช็คให้กับ น.ส.ฟ้า ไปรวมกว่า 12 ล้านบาท หลังจากที่ส่งมอบเงินและเอกสารของผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว ทาง น.ส.ฟ้า บอกว่าจะจัดการการเดินทางทั้งหมดให้ ซึ่งมีกำหนดการเดินทางในค่ำคืนนี้ โดยให้ผู้เสียนำพาสปอร์ตมาแสดงที่เคาน์เตอร์ของสายการบินเท่านั้น จึงนัดผู้เสียหายทั้งหมดมาเจอกันที่สนามบิน จนใกล้เวลาไปเช็กบอร์ดดิ้งการ์ดหรือตั๋วเครื่องบินกลับไม่พบข้อมูลการเดินทางไม่มีรายชื่อแต่อย่างใด พอโทรฯ กลับไปหา น.ส.ฟ้า กลับติดต่อไม่ได้ จึงพาผู้เสียหายทั้งหมดมาพบตำรวจ

ขณะที่ ร.ต.อ.ชนธัญ พรหมรักษา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ออกมาแนะนำกลุ่มผู้เสียหาย เบื้องต้นผู้เสียหายจะต้องแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่มีการโอนเงิน แต่เนื่องด้วยผู้เสียหายมีจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก จึงมีการแนะนำให้กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อสะดวกกับการทำสำนวนคดี

โดยผู้เสียหายทั้งหมดนัดรวมตัวเตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามใน วันจันทร์ที่ 6 ม.ค. 68 ในเวลา 10.00 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top