Saturday, 14 June 2025
จัสตินบีเบอร์

รู้จัก 'Ramsay Hunt Syndrome' โรคที่ทำ 'จัสติน บีเบอร์' อัมพาตครึ่งหน้า

หมอเผยโรค "รัมเซย์ ฮันต์ ซินโดรม" ที่ "จัสติน บีเบอร์" ป่วย ทำอัมพาตครึ่งหน้า เกิดจากไวรัสชนิดเดียวกับอีสุกอีใส เชื้อยังฝังในร่างกาย ทำให้เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ ที่ทำหน้าที่คุมกล้ามเนื้อใบหน้า การรับรส ย้ำอาการไม่เกิดทันทีทันใด มีอาการอื่นก่อนหน้า

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึง จัสติน บีเบอร์ ที่ออกมาโพสต์ถึงอาการอัมพาตครึ่งหน้า จากการป่วย "รัมเซย์ ฮันต์ ซินโดรม (Ramsay Hunt Syndrome)" ว่า โรคนี้เกิดจาก Varizella Zoster Virus ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกันกับที่ทำให้เกิดอาการของโรคอีสุกอีใส ซึ่งคนที่เคยเป็นโรคนี้แล้วตัวไวรัสอาจจะยังอยู่ในร่างกาย โดยไม่ก่อให้เกิดโรคได้หลายปี 

แต่เมื่อก่อโรคก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ทำให้เกิดโรค อาการของโรคจะเริ่มต้นจากอาการอักเสบทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะที่ ผู้ป่วยจะมีอาการปวด บวม แดง ร้อน ในตำแหน่งบริเวณใบหูของข้างที่เกิดอาการ หรืออาจจะมีไข้ต่ำๆ รู้สึกไม่สบายตัวร่วมด้วยได้

หลังจากนั้นจะพบตุ่มน้ำใส ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของไวรัสชนิดนี้ เกิดขึ้นที่บริเวณใบหู โดยตุ่มน้ำจะทำให้รู้สึกแสบๆ คันๆ หรือแสบร้อนมากกว่าตุ่มคันทั่วๆ ไป การอักเสบติดเชื้อดังกล่าวจะทำให้เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่ในการเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้า หูชั้นใน และการรับรสบางส่วนเกิดการอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการอัมพาตของใบหน้าครึ่งซีก หลับตาไม่สนิท ทำให้มีอาการเคืองตา หรือล้างหน้าแล้วแสบตาเนื่องจากน้ำสบู่เข้าตา เป็นต้น

นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า การขยับกล้ามเนื้อใบหน้าที่เป็นอัมพาตทำให้การพูด การออกเสียง การดื่มน้ำและรับประทานอาหารมีปัญหา อาการจะคล้ายกับอาการเส้นประสาทใบหน้าอักเสบชนิด Bell’s Palsy ซึ่งเป็นการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เช่นกัน แต่มักจะไม่พบสาเหตุชัดเจน และไม่มีอาการของผื่นหรือตุ่มน้ำใส เนื่องจากอาการอัมพาตของใบหน้าที่เกิดขึ้นเพียงครึ่งซีก ส่วนใหญ่จะค่อยๆ เป็นมากขึ้นในวันนั้นหรือข้ามวัน แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่ได้สังเกตอาการตอนเริ่มต้น ทำให้เข้าใจว่าอาการเกิดขึ้นทันทีทันใด ซึ่งจำเป็นต้องแยกจากอาการของกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองด้วย เนื่องจากเส้นประสาทดังกล่าวมีส่วนในการรับรส ทำให้การรับรสผิดปกติ และส่วนที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อในหูชั้นใน เช่น อาการหูอื้อ มีเสียงดังในหู หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วยได้

TMZ แฉเบื้องหลังการเงินพังทลายของ ‘จัสติน บีเบอร์’ ยอมขายลิขสิทธิ์เพลง 200 ล้านดอลลาร์..หนีวิกฤตหนี้

(16 พ.ค. 68) จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) ป็อปสตาร์ระดับโลกผู้เคยสร้างรายได้สูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ กำลังเผชิญภาวะทางการเงินอย่างหนัก จนต้องตัดสินใจขายลิขสิทธิ์เพลงของตนเองในเดือนธันวาคม 2022 ด้วยมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ผู้จัดการส่วนตัวอย่าง สกูตเตอร์ บราวน์ (Scooter Braun) จะพยายามแนะนำให้รอจนถึงต้นปี 2023 เพื่อประโยชน์ทางภาษี แต่บีเบอร์กลับเลือกขายทันทีเพราะมีปัญหาทางสภาพคล่อง

แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า บีเบอร์อยู่ในภาวะใกล้ล้มละลาย และเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่ขายแคตตาล็อกเพลงของตัวเอง ความรุนแรงของปัญหาทางการเงินเป็นตัวเร่งให้เขาตัดสินใจอย่างเร่งด่วน สารคดี 'TMZ Investigates: What Happened to Justin Bieber' ที่ฉายทาง Hulu เปิดเผยว่า ปัญหาด้านสุขภาพจิต การแต่งงาน ความสัมพันธ์กับคริสตจักร รวมถึงแรงกดดันในวงการบันเทิง ล้วนส่งผลกระทบต่อเส้นทางชีวิตและการเงินของเขา

หนึ่งในประเด็นที่น่าจับตาคือความเชื่อมโยงกับ ฌอน 'Diddy' คอมส์ ซึ่ง TMZ ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีอิทธิพลบางอย่างต่อจัสตินในช่วงวัยรุ่น รายงานชี้ว่าผู้คนใกล้ชิดเริ่มตั้งคำถามถึงลักษณะความสัมพันธ์ระหว่าง Diddy กับจัสตินในช่วงเริ่มต้นอาชีพ แม้จะไม่มีข้อกล่าวหาโดยตรง แต่ก็เป็นอีกจุดที่สารคดีเปิดเผยเพื่อให้สังคมตั้งคำถามกับโครงสร้างอำนาจเบื้องหลังวงการเพลง

TMZ Investigates ยังชี้ให้เห็นว่าปัญหาทางการเงินของบีเบอร์ไม่ใช่กรณีโดดเดี่ยวในวงการเพลง แต่เป็นผลสะสมของการถูกแวดล้อมด้วยผู้มีอิทธิพล การใช้ชีวิตหรูหราที่เกินตัว และความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่ไม่ได้รับการเยียวยาอย่างจริงจัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top