Sunday, 8 June 2025
คาทอลิก

‘โป๊ปฟรานซิส’ ผู้นำแห่งศรัทธา สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคริสตชน

(21 เม.ย. 68) สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำของวันจันทร์ (21 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส หรือ โป๊ปฟรานซิส ประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก ได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบ ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคริสตชนทั่วโลก

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งมีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ แบร์โกกลิโอ ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระสันตะปาปาลำดับที่ 266 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ทรงสละตำแหน่ง ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ และองค์แรกจากภายนอกยุโรปในรอบกว่า 1,200 ปี

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีแห่งการทรงงาน โป๊ปฟรานซิสเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณที่เรียบง่าย อ่อนน้อม และมุ่งมั่นในการปฏิรูปคริสตจักร ทรงยึดหลักแห่งความเมตตา การให้อภัย และความเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของมนุษย์ทุกศาสนา

หนึ่งในสาส์นที่ทรงเน้นย้ำเสมอ คือ ความห่วงใยต่อคนยากไร้และผู้ถูกกดขี่ในสังคม พระองค์ทรงเดินทางเยือนประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างสะพานแห่งสันติภาพและความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม

ทางสำนักวาติกันจะมีการประกาศกำหนดการพระราชพิธีฝังพระศพอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ โดยมีผู้นำระดับโลกและผู้นับถือศาสนาคริสต์คาทอลิกทั่วโลกร่วมไว้อาลัย

“เราจำพระองค์ได้ในฐานะศิษยาภิบาลแห่งประชากรของพระเจ้า ผู้ทรงรักและฟังเสียงของผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่เรา” คำแถลงจากวาติกันระบุ

เกิดอะไรขึ้นภายหลังการสิ้นพระชนม์ของ ‘สมเด็จพระสันตะปาปา’ พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เพื่อเลือกผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวคาทอลิกทั่วโลก

(27 เม.ย. 68) จากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตำแหน่งประมุขผู้นำสูงสุดของชาวคาทอลิกทั่วโลกว่างลง จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญของวาติกันอีกครั้งที่จะจัดให้มีการเลือกสมเด็จพระสันตะปาปา (Pope) พระองค์ใหม่ในคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกขึ้น เป็นกระบวนการที่มีชื่อเรียกว่า Conclave (คองเคลฟ) ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะพระสันตะปาปาเป็นผู้นำสูงสุดของศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลก และมีบทบาทสำคัญทั้งทางจิตวิญญาณและการบริหารงานต่างๆของศาสนจักร 

ใดๆdigest ขอนำท่านผู้อ่านไปรู้จักกับกระบวนการที่เกิดขึ้นภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปารวมไปถึงพิธีสำคัญของโลกพิธีหนึ่งมี่มีความสำคัญมากกับผู้คนนับพันล้านคนทั่วโลกกันครับ 

เมื่อพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ จะเกิดกระบวนการที่เป็นระเบียบและสืบทอดกันมายาวนานในศาสนจักรคาทอลิก เพื่อจัดการช่วงเวลาสำคัญนี้ ทั้งด้านจิตวิญญาณ พิธีกรรม และการบริหารซึ่งสามารถแบ่งสิ่งที่เกิดขึ้นออกเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้

1. การยืนยันการสิ้นพระชนม์ โดยพระคาร์ดินัลคาเมอเลงโก (Camerlengo)ซึ่งรับหน้าที่ดูแลศาสนจักรระหว่างที่ไม่มีพระสันตะปาปา จะเป็นผู้ยืนยันว่าพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์แล้วอย่างเป็นทางการ โดยธรรมเนียมดั้งเดิม (ในอดีต) คาเมอเลงโกจะเรียกชื่อพระสันตะปาปา 3 ครั้งเพื่อดูว่ามีการตอบหรือไม่ ปัจจุบันจะใช้วิธีทางการแพทย์ประกอบด้วย เมื่อตรวจสอบแล้วว่าแน่ชัด คาเมอเลงโกจะสั่ง ทำลายแหวนประจำตำแหน่งของพระสันตะปาปา หรือที่รู้จักกันในนามแหวนแห่งชาวประมง (Ring of the Fisherman) เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสารในนามพระองค์

2.  การประกาศ Sede Vacante และการดูแลศาสนจักร Sede Vacante แปลว่า “ที่นั่งว่าง” เป็นช่วงเวลาที่ตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลง และในช่วงเวลานี้ตราประจำตำแหน่งขององค์พระสันตะปาปาจะเปลี่ยนชั่วคราว โดยมีภาพร่ม (ombrellino) และกุญแจสองดอกไขว้กันโดยในช่วงเวลานี้พระคาร์ดินัลทั้งโลกจะได้รับการแจ้งให้เดินทางมายังกรุงวาติกัน และไม่มีใครสามารถออกกฎหมายศาสนาใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงอะไรในเชิงนโยบายจนกว่าจะมีพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

3. พิธีฝังพระศพและการเตรียม Conclave โดยในช่วงพิธีฝังพระศพร่างของพระสันตะปาปาจะถูกนำไปวางไว้ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร เพื่อให้ประชาชนร่วมไว้อาลัยและมีการประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีพิธีที่เรียกว่า Novemdiales ซึ่งคือพิธีภาวนา 9 วัน เพื่ออุทิศให้พระสันตะปาปาหลังจากนั้น พระศพจะถูกฝังในถ้ำใต้มหาวิหารนักบุญเปโตร หรือสถานที่อื่นตามแต่อดีตพระสันตะปาปาได้ทรงแสดงเจตจำนงไว้ก่อนสิ้นพระชนม์

จากนั้นการเตรียมการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ (Conclave) ก็จะเริ่มขึ้น

ความสำคัญของ Conclaveต่อชาวคริสตชนคาทอลิกกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลก 

1. พระสันตะปาปาคือผู้สืบตำแหน่งต่อจากนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นอัครสาวกของพระเยซูและถือว่าเป็นพระสันตะปาปาองค์แรก จึงถือว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญอย่างยิ่งของชาวครทอลิกทั่วโลก 

2. เมื่อพระสันตะปาปาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์หรือสละตำแหน่ง ต้องมีการเลือกองค์ใหม่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความว่างเปล่าในผู้นำและรักษาเสถียรภาพของศาสนจักร และเป็นการรักษาเอกภาพของศาสนจักรเอาไว้ 

3. เป็นกระบวนการที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์และเอกภาพของศาสนจักร
เพราะการเลือกต้องผ่านการพิจารณาโดยพระคาร์ดินัล ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากพระสันตะปาปาองค์ก่อน เป็นกระบวนการที่ต้องใช้การอธิษฐานขอการนำทางจากพระผู้เป็นเจ้า

กระบวนการของ Conclave อย่างเป็นลำดับ มีอะไรบ้าง

1. เกิดภาวะ"Sede Vacante"(ตำแหน่งว่างของพระสันตะปาปา) ขึ้นเมื่อพระสันตะปาปาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์หรือสละตำแหน่ง  พระคาร์ดินัลคาเมอเลงโก (Camerlengo) ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนจะรับผิดชอบการบริหารศาสนจักรชั่วคราวจนกว่าจะได้พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ 

2. จัดการนัดประชุม Conclave ที่วาติกัน
ซึ่งพระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีจากทั่วโลกจะถูกเรียกให้มาชุมนุมกันภายใน 15-20วันหลังจากตำแหน่งว่างลง แต่ละรูปมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งได้จนกว่าจะได้พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

3. พระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์เลือก (Electors) จะเข้าไปในโบสถ์น้อยซีสทีน (Sistine Chapel)ซึ่งตั้งอยู่ภายในวาติกัน

พิธีเริ่มด้วยคำว่า "Extra omnes!" (ทุกคนออกไป!) เหลือเฉพาะผู้มีสิทธิ์เลือกเท่านั้น

4. กระบวนการลงคะแนนจะต้องได้เสียง 2ใน 3 ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมดจึงจะถือว่าได้รับเลือก  โดยมีการลงคะแนนวันละ 2 ครั้งเช้า-บ่าย  และหากยังไม่สามารถเลือกได้ จะมีการเผาบัตรเลือกตั้งพร้อมสารเคมีทำให้เกิดควันสีดำ (Fumata nera)เพื่อแสดงว่ายังไม่มีผู้ได้รับเลือก

และหากเลือกได้แล้ว ควันจะเป็นสีขาว (Fumata bianca) พวยพุ่งออกจากปล่องควันของโบสถ์น้อยซิสทีนพร้อมเสียงระฆังสัญญาณ

5. จะมีการถามผู้ได้รับเลือกว่า “ยอมรับหรือไม่” และ “จะใช้พระนามใด”
 เมื่อผู้ได้รับการเลือกตั้งได้ยอมรับแล้ว จะถือเป็นพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการทันที และจะสวมชุดขาวออกมาแสดงตัวที่ระเบียงหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter’s Basilica)

ความสำคัญและลึกซึ้งทางจิตวิญญาณของพิธี Conclave นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกผู้นำองค์กร หากแต่เป็น การอธิษฐานขอการนำทางจากพระเจ้าเพื่อให้ได้ผู้นำที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ รวมทั้ง Conclave นั้นดำเนินการด้วย การประชุมแบบปิดล้อม (con-clave มีความหมายตรงตัวว่า “ด้วยกุญแจ") แสดงถึงการละจากโลกภายนอก เพื่อมุ่งสู่ความเงียบและการไตร่ตรอง

กล่าวโดยสรุป Conclave ก็คือการเลือกพระสันตะปาปาใหม่ผ่านการอธิษฐาน ไตร่ตรอง และลงคะแนนเสียง โดยพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิ์ โดยเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ทรงนำทางในกระบวนการนี้นั่นเอง โดย Conclave ครั้งล่าสุดที่กำลังจะถูกจัดให้มีขึ้นในครังนี้ พระคาร์ดินัลชาวไทยที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมเพื่อเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ในปี 2025 คือ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช โดยท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลโดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในปี ค.ศ. 2015 และยังมีอายุต่ำกว่า 80 ปี จึงมีสิทธิ์เข้าร่วมลงคะแนนเสียงตามกฎของวาติกัน

พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ ถือเป็นบุคคลสำคัญของคริสตจักรคาทอลิกไทยทีเตรียมบินไปวาติกัน เลือกตั้งพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ท่านจะเป็นหนึ่งในคณะพระคาร์ดินัลประมาณ 120–135 องค์ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในพิธี Conclave เพื่อเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ที่จะถูกจัดขึ้นอย่างลับสุดยอดนั่นเอง

วาติกันได้ผู้นำองค์ใหม่ ‘เลโอที่ 14’ อดีตบิชอปแห่งเปรู ชาวอเมริกันองค์แรกในประวัติศาสตร์ ทรงประกาศวิสัยทัศน์ ‘สันติภาพและความรัก’ สะท้อนจิตวิญญาณของฟรานซิสผู้ล่วงลับ

(9 พ.ค. 68) สมเด็จพระสันตปาปาองค์ใหม่ 'เลโอที่ 14' ปรากฏพระองค์ครั้งแรกต่อหน้าฝูงชนหลายพันคนในจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี หลังควันขาวพวยพุ่งจากโบสถ์ซิสติน แสดงสัญญาณว่าพระคาร์ดินัลลงคะแนนเสียงเลือกผู้นำคาทอลิกคนใหม่ได้เรียบร้อย ภายในเวลาเพียง 1.5 ชั่วโมง

สมเด็จพระสันตปาปาเลโอที่ 14 หรือ โรเบิร์ต พรีโวสต์ วัย 69 ปี อดีตบิชอปแห่งเปรู และเป็นชาวอเมริกันจากเมืองชิคาโก ทรงเลือกพระนามที่สื่อถึงความต่อเนื่องของหลักคำสอนทางสังคม โดยยึดแนวทางผสมผสานระหว่างการสานต่อนโยบายของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสและการยึดถือประเพณีของวาติกัน

ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรก พระองค์เน้นย้ำคำว่า 'สันติภาพ' และเรียกร้องให้คริสตชนทั่วโลกร่วมกันสร้างสะพานแห่งการสนทนา พร้อมย้ำว่าพระเจ้าทรงรักทุกคนและความชั่วร้ายจะไม่ชนะ จากนั้นเสียงโห่ร้อง “ลีโอน! ลีโอน!” ดังกึกก้องไปทั่วจัตุรัส

ผู้คนจากหลากหลายประเทศเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ โดยหลายคนกล่าวถึงความหวังที่มีต่อพระสันตปาปาองค์ใหม่ว่าจะนำความมั่นคงมาสู่คริสตจักรในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลก ทั้งด้านสังคม เทคโนโลยี และศาสนา

แม้ทรงมาจากสหรัฐฯ แต่สมเด็จพระสันตปาปาเลโอที่ 14 หลีกเลี่ยงการอ้างถึงชาติบ้านเกิดอย่างชัดเจน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นสัญญาณของการเป็นพระสันตปาปา 'ของโลก' ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยหลายฝ่ายคาดหวังว่าพระองค์จะทรงสร้างสมดุลระหว่างการปฏิรูปกับการรักษาเอกลักษณ์ของคริสตจักรคาทอลิก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top