Thursday, 15 May 2025
คอร์รัปชั่น

‘เซเลนสกี’ สั่งเด้ง ‘บิ๊กกลาโหม’ หลังถูกแฉปมคอร์รัปชัน ชี้!! ถึงเวลาต้องปรับโฉม ‘กลาโหม-กองทัพ’ ใหม่ทั้งระบบ

(4 ก.ย. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเผยเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เขาได้ปลดนายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พ้นจากตำแหน่งแล้ว โดยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในกระทรวงกลาโหมยูเครนครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เริ่มทำสงครามกับประเทศรัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวในวิดีโอเมื่อช่วงค่ำว่า “ผมได้ตัดสินใจที่จะปลดนายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งท่ามกลางการทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบมานานกว่า 550 วัน ผมเชื่อว่ากระทรวงกลาโหมต้องการแนวทางใหม่ๆ และการมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ กับทั้งกองทัพและสังคมโดยรวม”

นายเรซนิคอฟ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครนมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และมีส่วนช่วยให้ยูเครนได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากชาติตะวันตก มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยทำสงครามกับรัสเซีย อาทิ รถถังจากประเทศเยอรมนี จรวดหลายลำกล้อง HIMARS และเตรียมที่จะได้รับเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ที่ผลิตในสหรัฐฯ อีกด้วย

อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมของเขากลับถูกกล่าวหาว่ามีการคอร์รัปชัน และถูกสื่อท้องถิ่นของยูเครนกดดันอย่างหนักมาตั้งแต่เดือนมกราคม หลังมีข้อกล่าวหาว่าทางกระทรวงทำการจัดซื้อเสบียงในราคาสูงเกินจริง ถึงแม้ว่านายเรซนิคอฟจะไม่เกี่ยวพันกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง แต่นักวิจารณ์หลายคนให้ความเห็นว่าเขาควรแสดงความรับผิดชอบ และเมื่อเดือนที่ผ่านมา สื่อของยูเครนกล่าวหาว่า กระทรวงกลาโหมมีการคอร์รัปชันในเรื่องการจัดซื้อเสื้อกันหนาวให้กับกองทัพ ซึ่งตัวเขาออกมาแก้ต่างว่าเป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสี

ทั้งนี้ เซเลนสกีระบุอีกว่า เขาจะขอให้รัฐสภาแต่งตั้งนายรุสเท็ม อูเมรอฟ ประธานกองทุนแปรรูปรัฐวิสาหกิจสำคัญของยูเครน ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคนใหม่ในสัปดาห์นี้ โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีต้องส่งชื่อของนายอูเมรอฟให้กับรัฐสภา เพื่อพิจารณาก่อนมีการแต่งตั้ง

นายอูเมรอฟ ได้รับเสียงชื่นชมในประเทศยูเครน จากผลงานของเขาในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งควบคุมดูแลในเรื่องการแปรรูปกิจการของรัฐฯ ไปยังภาคเอกชน (privatisation) และพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอร์รัปชัน ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานกองทุนแปรรูปรัฐวิสาหกิจของยูเครน

'สี จิ้นผิง' เตือนพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเอาจริง จัดการปัญหาภายใน ไร้ระเบียบวินัย-คอร์รัปชัน

(16 ธ.ค. 67) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน กล่าวว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำเป็นต้อง “หันมีดเข้าหาตัวเอง” เพื่อแก้ไขปัญหาการไร้ระเบียบวินัยภายในพรรคและการทุจริตคอร์รัปชัน โดยเป็นการส่งสัญญาณใหม่ในการเดินหน้าปราบปรามเจ้าหน้าที่รัฐที่ประพฤติมิชอบ รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการทุจริต

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เขาได้ดำเนินการอย่างจริงจังในการปราบปรามการทุจริตในหมู่สมาชิกพรรค ไม่ว่าจะเป็น "เสือ" ซึ่งหมายถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทุจริต หรือ "แมลงวัน" ซึ่งหมายถึงเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐ

แม้การปราบปรามจะดำเนินไปอย่างเข้มงวด แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงเผชิญกับปัญหาการทุจริต โดยเฉพาะในกองทัพ เช่น กรณีที่รัฐมนตรีกลาโหม 2 คนถูกขับออกจากพรรคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก "ละเมิดวินัยร้ายแรง" ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกการทุจริตในจีน

ในสุนทรพจน์ที่เผยแพร่ในวันนี้ (16 ธันวาคม) ผ่านทางวารสารฉิวซื่อ ซึ่งเป็นนิตยสารหลักของพรรคฯ ปธน.สี จิ้นผิงได้กล่าวว่า พรรคต้องเด็ดขาดในการจัดการกับกลุ่มผลประโยชน์ องค์กรที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ หรือกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่พยายามหาผลประโยชน์หรือชักจูงสมาชิกพรรคให้ทุจริต

"เมื่อสถานการณ์และภารกิจที่พรรคเผชิญเปลี่ยนแปลงไป ย่อมเกิดความขัดแย้งและปัญหาภายในพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" ปธน.สี กล่าว "เราต้องกล้าหันมีดเข้าหาตัวเอง ขจัดอิทธิพลด้านลบเหล่านี้ให้ทันท่วงที เพื่อให้พรรคมีพลังและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ"

คำว่า "หันมีดเข้าหาตัวเอง" เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ที่ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวในการประชุมใหญ่กับหน่วยงานปราบปรามการทุจริตของพรรคในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน

การเผยแพร่เนื้อหานี้ในวันนี้เน้นย้ำถึงการเดินหน้าปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังและกว้างขวางขึ้น เพื่อเสริมสร้างระเบียบวินัยและกำจัดเจ้าหน้าที่ที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว รวมถึงผู้ที่สนับสนุนการทุจริต

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงกลาโหมจีนได้เปิดเผยว่า พลเรือเอกนายหนึ่งที่เคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการทหารกลาง หน่วยงานทางทหารที่สำคัญของจีน กำลังถูกสอบสวนในข้อหาละเมิดวินัยร้ายแรง

คณะกรรมการกลางเพื่อการตรวจสอบวินัยของพรรคฯ เปิดเผยว่า เมื่อปีที่แล้วมีเจ้าหน้าที่ของพรรคกว่า 610,000 คนที่ถูกลงโทษฐานละเมิดวินัย ซึ่งรวมถึง 49 คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่ารัฐมนตรีช่วยหรือผู้ว่าการมณฑล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top