บทสรุปคนจนหมั่นเพียร สร้างรายได้โกยกำไร กลายเป็นเศรษฐี สวนทางคนไหว้ผี บูชาปีศาจ จนอนาถ วิทยาศาสตร์ไม่ช่วยอะไร
(16 ส.ค.66) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความเตือนสติถึงคนไทยที่ยังหลงติดกับวัฒนธรรมโง่ ๆ ผ่านเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ระบุว่า...
ผมยกตัวอย่าง 3 ครอบครัว...
ครอบครัวแรก คือคุณทวดทางคุณพ่อ เสื่อผืนหมอนใบมาจากจีน ล่องแม่น้ำท่าจีนกับคนจีนยุคนั้นไปปักหลักที่ อ.บางปลาม้า ขยันทำมาหากิน (คุณปู่ผมลูกจีน 100% ตั้งใจเรียนจนสอบได้ทุนในหลวง ไปจบแพทย์ Harvard)
ครอบครัว 2 ไทยแท้ที่ปากพนัง เห็นการทำนามีแต่จะจนลง ๆ ก็มานั่งอ่านเกษตรทฤษฎีใหม่ในหลวง ค่อย ๆ เอาที่ดินเพียง 17 ไร่ มาทำเกษตรหลากชนิด ตอนนี้ไฮไลต์คือส้มโอทับทิมสยาม ฐานะดีจนส่งลูกเรียนเกษตรที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว
ครอบครัว 3 เป็นไทยเชื้อสายอินเดีย มาไทยมือเปล่า แต่มุ่งหน้าเรียนรู้ทำด้านยา เภสัช เพราะมองว่าการรักษาโรคนั้นยังไงก็จำเป็น จนรุ่นลูกจบแพทย์ เปิดคลินิกใหญ่โตร่ำรวย หากรวมคนไทยเชื้อสายอินเดียอีกบ้าน คนนั้นไปขนาดเปิดโรงงานยาเอง ตอนนี้รายได้ปีละ 5-8,000 ล้านบาท
3-4 ครอบครัวนี้เป็นตัวอย่าง ไทยแท้ที่เคยยากจน
- คนไทยเชื้อสายจีนเสื่อผืนหมอนใบ
- คนไทยเชื้อสายอินเดียเดินเท้ามือเปล่ามาดินแดนสยาม
- แถมตอนนี้เริ่มมีเศรษฐีพม่าที่รวยจากในไทยมากขึ้น ๆ
ตัดกลับมาพวกแห่มานับถือภูติผีปีศาจ คนกลุ่มนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกไปไหว้ขอนไม้ / ไปไหว้หมา 2 หัว
คือ เป็นคนอ่อนแอ...
แทนที่จะกล้าเปลี่ยนตัวเองให้ขยัน หมายถึงขยันทั้งกาย ขยันทั้งการหมั่นหาความรู้ให้เก่ง กลับอ่อนแอนับถือทุกอย่างที่ไร้แก่นสาร แต่ไม่นับถือตัวเอง
นอกจากปัญหาใหญ่เกิดจากการศึกษาที่ไม่ทำให้คนเชื่อในความรู้ และคิดให้เป็นวิทยาศาสตร์แล้ว วัฒนธรรมความเชื่อโง่ ๆ ที่ยังกระจายอยู่ในหลายส่วนของสังคมไทยยังเป็นตัวบ่อนทำลายความเจริญของประเทศเป็นอย่างมาก
ไม่ต่างจาก เอาพระมาเจิมรถ แต่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย / ขับกระบะซิ่งบนถนน โดยยังมีดอกไม้ไหว้แม่ย่านางแปะหน้ารถ / ไปสักยันต์กลางศีรษะให้เป็นเจ้าคนนายคน แต่กลับเกียจคร้าน
ประเทศไม่เจริญเพราะคนเหล่านี้แหละครับ
