Wednesday, 23 April 2025
คณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม

‘อัครเดช’ จี้ ‘เศรษฐา’ เร่งแก้ปัญหา กากสารเคมีอุตสาหกรรม ชี้!! บังคับใช้กฎหมายหย่อนยาน ต้องรีบจัดการ หวั่นก่อปัญหาระยะยาว

(28 เม.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เมื่อวานนี้ ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่นายกรัฐมนตรีจะได้ไปเห็นสภาพปัญหาจริงที่เกิดขึ้นว่า เรื่องกากสารเคมีอุตสาหกรรมเป็นปัญหาใหญ่และกระทบกับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ทราบอยู่แล้วว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะที่จังหวัดระยอง และหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ก็อาจจะเกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำขึ้นได้อีกในอนาคต ดังนั้นตอนนี้เป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีจะได้กำชับหน่วยงานรัฐได้เร่งสำรวจโรงงานประเภทนี้ทั้งหมดทั่วประเทศ และเข้าไปบริหารจัดการ

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ปัญหาในระยะยาว ที่จะต้องมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จริงจัง เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหาเรื่องการกำกับดูแลผู้ประกอบ กรณีการที่ประกอบกิจการรับกำจัดกากของเสียจากอุตสาหกรรมไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานของภาครัฐ ต้องดำเนินการจริงจัง ต้องไม่ปล่อยให้เกิดความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมาย การรับสินบน การทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องเร่งไปดำเนินการจัดการ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เป็นปัญหาในระยะยาวได้” นายอัครเดช กล่าว

ประธาน กมธ.อุตสาหกรรม ยังได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีอีกว่า ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญสำหรับกรณีที่จังหวัดระยอง นายกรัฐมนตรีต้องเร่งให้การเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากควันพิษ หรือผลกระทบจากสารพิษ เพราะปัจจุบันเข้าใจว่าการแก้ปัญหาในพื้นที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งสะท้อนได้จากการที่ประชาชนยังมีการออกมาร้องเรียนถึงความล่าช้าจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม และจังหวัดระยอง ฉะนั้นตอนนี้นายกรัฐมนตรีต้องลงมากวดขันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงมาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเร่งด่วน และที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ในพื้นที่อื่นอีก เพราะถือว่าที่จังหวัดระยองเป็นบทเรียนที่สำคัญที่ผู้ประกอบการกำจัดกากสารเคมีอุตสาหกรรมแล้วทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ จะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ดี

“ดังนั้นต้องมีมาตรการการรองรับกรณีแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก รวมถึงต้องเร่งดำเนินการกับกากสารเคมีที่เหลืออยู่ ตลอดจนต้องดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนี้อย่างจริงจัง ว่าเกิดเพราะอะไร มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่” นายอัครเดช กล่าว

‘อัครเดช’ ชี้เป็นเรื่องดี ที่ตำรวจจับ ‘ผู้บริหารโรงงานกากอุตสาหกรรม’ ได้ แต่ยังห่วงอีกโกดังใน ‘อ.อุทัย’ จะเกิดเหตุซ้ำรอย หากมีการอายัด ‘กากสารเคมี’

(2 มิ.ย.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม และ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาโรงงานกากอุตสาหกรรมที่เกิดเหตุไฟไหม้ที่โกดังเก็บสารเคมี จ.ระยอง และ จ.อยุธยา ได้แล้วและนำตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในกรณีนี้ ทำให้ประชาชนมีความสบายใจ

ประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม ระบุอีกว่า สิ่งที่ประชาชนและกรรมาธิการอุตสาหกรรมยังมีความเป็นห่วง คือโรงงานเก็บกากสารเคมีอีกแห่งใน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการประชุมร่วมกัน ของทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรรมาธิการอุตสาหกรรม ได้ทราบว่าที่โรงงานใน อ.อุทัย มีจำนวนกากสารเคมีอันตรายในปริมาณที่มากกว่าใน อ.ภาชีเสียอีก ซึ่งหากเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมไปดำเนินการอายัดก็อาจจะเกิดเหตุไฟไหม้เหมือนกับอีก2โรงงานที่ผ่านมาได้อีก ดังนั้นเมื่อได้มีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการและรัฐมนตรีอุตสาหกรรมกำกับดูแลก็ทำให้ประชาชนอุ่นใจก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการต่อไปคือนอกจากให้มีการดำเนินคดีแล้ว ก็ต้องเฝ้าระวังที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยาต่อไปด้วย รวมถึงควบคุมไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไหม้กากเคมีอุตสาหกรรมที่มีลักษณะคล้ายกับจังหวัดระยองและอยุธยา

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า จากการที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้มีการสำรวจโรงงานหรือโกดังที่มีการกองเก็บกากเคมีอุตสาหกรรมอันตรายทั่วประเทศนั้น ทำให้หน่วยงานราชการทุกส่วนมีความตื่นตัวในเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าข้อสังการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ นี้จะเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก และถือว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะมีโรงงานในลักษณะนี้อีกมากน้อยเพียงใด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top