Monday, 21 April 2025
คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม

‘อัครเดช’ จี้!! หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้โกดังอยุธยา หวั่น!! 'จงใจเผาทำลาย-กำจัดหลักฐาน' กากสารเคมีอันตราย

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า สถานที่เกิดเหตุดังกล่าวไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นโกดังที่เก็บสารเคมีและอาจมีวัตถุอันตรายที่รับมาจากโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อกำจัด ซึ่งที่ผ่านมาทาง กมธ.อุตสาหกรรมได้รับการร้องเรียนจากสส.ในพื้นที่รวมถึงประชาชนและได้เคยลงพื้นที่ร่วมกับทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการที่ได้เคยลงพื้นที่ไปพบว่าในสถานที่ดังกล่าวน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการของเสียเคมีวัตถุที่อาจเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายเช่นการกองเก็บและการกำจัดที่อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีความเห็นว่า ผู้ที่ครอบครองจะต้องดำเนินการจัดการกับเคมีวัตถุที่ได้กองเก็บไว้ให้ถูกต้องตามวิธีและตามกฎหมาย

“ดังนั้นกรณีที่เกิดเพลิงไหม้นี้ ผมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวเร่งดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอุบัติเหตุ หรือจงใจเผาเพื่อกำจัดกากสารเคมีอันตรายดังกล่าว ” นายอัครเดช กล่าว

ประธาน กมธ.การอุตสาหกรรม ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทาง กมธ.อุตสาหกรรม ได้ดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.โรงงาน ที่มีเนื้อหาครอบคลุมถึงสถานที่จัดเก็บกากสารเคมีผิดวิธี โดยมีการมีเพิ่มโทษทางอาญา และเพิ่มเบี้ยปรับ เพราะที่ผ่านมากฎหมายยังมีช่องว่าง เช่นโทษอาจไม่ครอบคลุมถึงเจ้าของที่ดินที่ให้เช่า หรือโทษอาญาที่ไม่หนักแน่นพอจึงทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมาย โดยในสัปดาห์หน้าทาง กมธ. จะได้นำร่าง พ.ร.บ.โรงงานฉบับที่ได้มีการศึกษาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ที่กรรมาธิการอุตสาหกรรมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อศึกษาแก้ไขปัญหานี้ซึ่งเป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดราชบุรีมาแล้วและทำร่างกฎหมายเสร็จพอดีในช่วงนี้เข้ายื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระนำไปสู่การพิจารณาเพื่อแก้พรบ.โรงงานต่อไปเพื่อจะได้แก้ปัญหาการลักลอบการกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมผิดวิธีและสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนและส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย

‘กมธ.อุตฯ’ เร่งขยายปม-ความคืบหน้าไฟไหม้โรงงาน หลังสงสัยเหตุ ‘ระยอง-อยุธยา’ อาจเป็นการวางเพลิง

(15 พ.ค. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (กมธ.) สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงกรณีกากแคดเมียมที่จะมีการพิจารณาในที่ประชุม กมธ. ว่า วันนี้ กมธ.อุตสาหกรรม ได้เชิญปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, กรมโรงงาน, กรมเหมืองแร่, กรมควบคุมมลพิษ ตลอดจน ปปง., ป.ป.ท. ร่วมหารือว่า มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ในการดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการ เนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้วเกี่ยวกับการขนย้ายกากแคดเมียม ส่วนวันนี้จะติดตามความคืบหน้าในการขนย้ายกากแคดเมียมว่าแล้วเสร็จกี่จุด จำนวนกี่ตัน

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สำหรับเบื้องต้นในกรุงเทพฯ มีการขนย้ายเสร็จแล้ว จึงจะสอบถามคืบหน้าว่าที่ จ.สมุทรสาคร จ.ระยอง มีการขนย้ายแล้วเสร็จหรือไม่อย่างไร

ส่วนกรณีเรื่องใบอนุญาตของโรงงานนั้น ประธานกมธ.การอุตสาหกรรม? กล่าวว่า เนื่องจากมีใบอนุญาตโรงงานค้างอยู่จำนวนมาก โดยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาได้เชิญอธิบดีกรมโรงงานมาชี้แจง พบว่าปัญหาที่พบส่วนใหญ่เกิดจากเอกสารไม่ครบถ้วน จึงต้องมีการส่งกลับไปให้บริษัทยื่นเอกสารมาเพิ่ม แต่คาดว่าจะมีการส่งกลับมาที่กรมแล้ว หากเอกสารครบทางอธิบดีก็จะเริ่มออกใบอนุญาตโรงงาน หรือ รง.4 ให้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทาง กมธ.การอุตสาหกรรม ก็ได้ให้ความเห็นว่า การออกใบ รง.4 ตามที่ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรมฯ เร่งรัดไปนั้น เป็นเรื่องจำเป็น เพราะประเทศจะต้องตอบรับการลงทุนจากนักลงทุน

“การที่ใบ รง.4 ออกช้า ก็กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ และการลงทุน แต่สิ่งสำคัญคือ หากให้ใบอนุญาตแล้ว ต้องไปกำกับผู้ประกอบการให้อยู่ในกฎหมายและปฎิบัติตามระเบียบ ไม่ใช่ว่าให้ใบอนุญาตไปแล้ว ขาดการกำกับดูแล ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการละเมิดกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม มลภาวะในชุมชน” นายอัครเดช กล่าว

ส่วนกรณีไฟไหม้โรงงานที่ผ่านมานั้น มีการบ่งชี้ว่าอาจจะมาจากการวางเพลิงหรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุ เกิดจากสภาวะอากาศที่ร้อนจัด เมื่อมีความร้อนเกิดขึ้นก็อาจเกิดได้บ่อยครั้ง ซึ่งเราไม่สามารถป้องกันได้แต่สิ่งที่สำคัญคือการควบคุมเพลิงให้ได้รวดเร็ว

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ดังนั้นวันนี้ กมธ.การอุตสาหกรรม จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเพลิง อาทิ ปภ., กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กรมการอุตสาหกรรม เข้ามาชี้แจงว่าเมื่อเกิดเพลิงไหม้ มาตรฐานในการประเชิญเหตุหรือแผนในการควบคุมเพลิงเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อดูความพร้อมในการควบคุมเพลิง

นายอัครเดช เสริมอีกด้วยว่า ส่วนกรณีที่เป็นเหตุวางเพลิงนั้น ในการเผาทำลายหลักฐาน หรือของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสงสัยว่าเหตุเพลิงไหม้ที่จังหวัดระยองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาจเกิดจากการวางเพลิง ซึ่งต้องเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดให้ได้ และคิดว่ากระบวนการสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงมาดำเนินคดีตามกฎหมายมองว่าเป็นสิ่งที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังเร่งดำเนินการอยู่

จากข้อซักถามที่ว่า จะมีการพัฒนาระบบแจ้งเตือนประชาชนอย่างไรบ้าง? นายอัครเดช กล่าวว่า ในส่วนของการเกิดเหตุเพลิงไม่ว่าจะเป็นกรณีการวางเพลิง หรืออุบัติเหตุ สิ่งที่สำคัญคือแผนในการเผชิญเหตุ จะมีการให้ข้อเสนอในที่ประชุมวันนี้ อย่างน้อยในกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ประชาชนควรจะได้รับข่าวสารและเตรียมตัว รวมถึงการปฎิบัติตัวอย่างไรหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ รวมถึงผู้ดำเนินการ จะต้องปฏิบัติอย่างไรระหว่างควบคุมเพลิง

‘อัครเดช’ ประสานความร่วมมือทูตพาณิชย์รัสเซีย เร่งดัน FTA ไทย-รัสเซีย เชื่อสร้างประโยชน์การค้า 2 ประเทศ

(11 ก.พ. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้หารือกับนาย Yuri Lyzhin ทูตพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์รัสเซีย และตัวแทนผู้ประกอบการของรัสเซีย เช่น นาย Ivan D. Ignatov จากบริษัท RUSAL และนาย Artem Asatur จากบริษัท Aluminium Association ที่ฝ่ายรัสเซียมีข้อเสนอในการจัดทำเขตการค้าเสรี(Free Trade Area) กับทางรัฐบาลไทย เพื่อส่งเสริมและยกระดับเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนในไทยของนักธุรกิจชาวรัสเซียให้มากขึ้น เนื่องด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของประเทศไทย ซึ่งตนเห็นด้วยและได้ตอบรับกับแนวคิดดังกล่าว พร้อมตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อศึกษาร่างกฎระเบียบและข้อตกลง FTA ไทย-รัสเซียด้านอุตสาหกรรมโลหะโดยเฉพาะอลูมิเนียมเพื่อยกระดับการค้าการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศโดยนำเสนอรัฐบาลผ่านสภาผู้แทนราษฎร

“ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยกับรัสเซียจะร่วมกันเจรจาผลักดัน FTA ไทย-รัสเซีย ให้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม หลังทั้งคู่เคยพยายามผลักดันร่วมกันมาตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้จนถึงปัจจุบัน โดยในครั้งนี้ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรมสภาผู้แทนราษฎรจะเข้ามาร่วมสนับสนุน เพื่อดำเนินการจัดทำข้อตกลง FTA ไทย-รัสเซีย ให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการ อันจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจและสร้างผลประโยชน์อันมหาศาลให้กับทุกภาคส่วนในประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการและภาคแรงงาน เพราะถ้า FTA ดำเนินการแล้วเสร็จจนมีผลบังคับใช้ ตนเชื่อว่ารัสเซียจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน ในทางเดียวกันผู้ประกอบการไทยก็จะสามารถส่งสินค้าไปขายในรัสเซียได้ปริมาณมากขึ้น เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับไทยได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top