Wednesday, 3 July 2024
ขอพระราชทานอภัยโทษ

‘รศ.ดร.เจษฎ์’ เปิดขั้นตอน ‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษ ภายใต้กรอบที่มิควรให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

(1 ก.ย. 66) รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ขณะนี้ ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยสาระสำคัญจาก รศ.ดร.เจษฎ์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า…

เกี่ยวกับประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้นั้น ก็สืบเนื่องมาจาก ตัวนายทักษิณ หลังเดินทางมาถึงประเทศไทย และได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์แบบยังไม่ทันข้ามคืน ก็ถูกส่งตัวไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจ และทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า มีสิทธิ์ขอตั้งแต่วันแรกตามกระบวนการกฎหมาย

>> แต่คำถาม คือ แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? 
เพราะโดยปกติแล้ว ‘การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป’ ทางกรมราชทัณฑ์ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะถูกกระจายไปตามส่วนงานต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์ โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีการพิจารณาภายใต้เกณฑ์ที่กำหนดโดยกรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะมีระเบียบว่าด้วยระยะเวลาในการต้องโทษ และระเบียบว่าด้วยระยะเวลาในการชดใช้ หรือชำระตามโทษนั้นแล้ว

สมมตินายทักษิณ ได้รับโทษไปแล้ว 3-4 ปี ตามระเบียบขั้นต่อมา ก็จะไปอยู่ที่ ระเบียบชั้นนักโทษ ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีการได้รับการขอพระราชทานอภัยโทษที่แตกต่างกันออกไป โดยมี กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับผิดชอบในกรอบกว้าง ซึ่งท้ายที่สุด กรมราชทัณฑ์ ก็จะนำส่งเรื่องขึ้นมาให้ทางคณะรัฐมนตรีจะทำการพิจารณาตัดสิน จากนั้นจึงส่งต่อไปตามขั้นตอนกระบวนการ

เพียงแต่… ในกรณีที่ไม่ได้เป็นไปตามระบบ หรือมีกลไกอื่น อาทิ ‘การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย’ ในส่วนนี้ ผู้รับผิดชอบในการเสนอ จะเป็น ‘ครอบครัว ญาติ หรือ ตัวของผู้ที่ต้องโทษ’ นั่นเอง โดยจะเสนอผ่านกระบวนการของกรมราชทัณฑ์ เช่น หากต้องจำขังอยู่ที่ไหน ก็ต้องจำขังอยู่ที่นั่น หรือหากไม่ได้ต้องจำขังในเรือนจำ แต่หากต้องจำขังในสถานที่อื่น ก็ต้องยื่นเรื่องผ่านไปยังผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเรือนจำที่จะต้องจำขัง

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของคุณทักษิณ ที่เดิมทีต้องถูกจำขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ตอนนี้คุณทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ดังนั้น จึงต้องส่งเรื่องผ่านไปยังทางผู้บังคับบัญชาของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จากนั้น ผู้บังคับบัญชาจะทำการส่งเรื่องต่อไปตามขั้นตอน จนในที่สุด เรื่องก็จะถูกส่งไปถึงมือรองนายกฯ ที่เป็นผู้ดูแลฝ่ายกฎหมาย และถึงมือของรัฐบาล จนฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพิจารณาหรือทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเป็นประการใด ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์ท่าน

เนื่องจากมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ” โดยการใช้พระราชอำนาจในลักษณะนี้ เป็นการใช้พระราชอำนาจผ่านกลไก อันต้องมีผู้ทูลเกล้าฯ และผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ดังนั้น ผู้ทูลเกล้าฯ จึงเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นผู้ต้องโทษนั้นเอง

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกด้วยว่า กรณี ‘การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย’ จะมีรายละเอียดไม่มากเท่ากับ ‘การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป’ ที่ต้องมีระบบและกระบวนตามขั้นตอนแบบแผนของกรมราชทัณฑ์ เพียงแต่ การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผู้ที่เป็นผู้นำเรื่องทูลเกล้าฯ ต้องมีความระมัดระวังมากกว่า เนื่องจากไม่มีระบบที่พิจารณารายละเอียดต่างๆ เชิงลึกอย่างชัดเจน

“อันที่จริงแล้วประเทศที่มีองค์อธิปัตย์ เช่น พระมหากษัตริย์, พระราชินี, สมเด็จพระจักรพรรดิ ทรงเป็นประมุข หรือประเทศที่มีประมุขของรัฐในลักษณะอื่น เช่น ประธานาธิบดี ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทยนั้น จะยึด ‘รัฐประศาสโนบาย’ นั้น หรือจะไม่อภัยโทษให้แก่นักโทษบางประการ เช่น ค้ายาเสพติด, ค้าอาวุธเถื่อน, ค้ามนุษย์ หรือกระทำการเป็นภัยต่อมนุษยชาติ และการทุจริต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นกรณีการพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย เท่าที่ไปสืบค้นดู ก็ยังไม่เคยมีการพระราชทานให้แก่นักโทษคดีทุจริตมาก่อนแต่อย่างใด 

นั่นหมายความว่า หากกรณีของคุณทักษิณ ซึ่งถือเป็นกรณีแรกในการยื่นขอการพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ภายใต้กลไกที่อาจจะไม่ได้มีความเข้มงวดในพิจารณารายละเอียดมากนัก แล้วได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ก็อาจจะต้องมีคนจำนวนหนึ่งออกมาติติงว่ากล่าวอย่างแน่นอน หรือหากไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็ต้องมีคนอีกจำนวนหนึ่ง ออกมาติติงว่ากล่าวเช่นกัน

ฉะนั้น เรื่องนี้มีโอกาสระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทสูงมาก จนอาจจะเข้าข่ายเรื่องมิบังควรเลยก็เป็นได้ เพราะเป็นเรื่องที่ควรจะรู้อยู่แล้วว่าอาจก็ให้เกิดปัญหา จนอาจมีกรณี ‘ทะลุฟ้า’ ได้ แต่ยังกระทำ ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ทางคุณทักษิณ ต้องระมัดระวังให้ดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย. 66 ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มีคำสั่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษลดโทษให้ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ให้เหลือโทษจำคุก 1 ปี ภายใต้เหตุผลเพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป 

ตรงนี้ก็คงต้องตามดูกันต่อไปว่า จะมีแรงกระเพื่อมใดจากสังคมดังที่ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวไว้หรือไม่? และทักษิณ ชินวัตร จะดำเนินสถานภาพภายใต้กรอบความพึงพอใจของประชาชนที่คลางแคลงได้แค่ไหน คงต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสิน...

‘พิชิต ไชยมงคล’ วิเคราะห์ ‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษ อาจเกิดคลื่นความขัดแย้งใหม่ในสังคม แต่ไม่ถึงขั้นลงถนน

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ขณะนี้ ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ นายพิชิต ได้ให้มุมมองต่อประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าจะส่งผลกระทบต่อการพยายามสร้างความปรองดองของรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของคุณเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่? อย่างไร? ดังนี้…

“ผมมองว่า ปมนี้ อาจจะเป็นปมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหม่ในสังคมไทยได้ เนื่องจาก คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากพรรคเพื่อไทย ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจะไม่อยู่ใต้ คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีอิทธิพลต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งในทางความคิด และในทางปฏิบัติ

ผมตั้งข้อสังเกตแบบนี้ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศเดินหน้าที่จะเป็น ‘รัฐบาลผสม’ ที่จะเดินหน้าสู่ความปรองดอง สลายสีเสื้อ สลายขั้ว...ก็คงต้องถามชัดๆ ว่า ทำแบบนั้นแล้ว ประชาชนได้อะไร? นี่คือการสลายขั้วแค่เพียงในส่วนของนักการเมืองหรือไม่? คำตอบนี้จะถูกตอกย้ำในกรณีของการปฏิบัติต่อนักโทษท่านหนึ่ง”

นายพิชิต กล่าวต่อว่า “สถานะของคุณทักษิณ ชินวัตร ในตอนนี้คือ ‘นักโทษ’ ที่ต้องถูกคุมขังตามคําพิพากษา แม้ว่าอดีตท่านจะเคยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใดก็ตาม แต่เราต้องคำนึงว่า ปัจจุบัน ซึ่งคุณทักษิณเป็น ‘ผู้ต้องหา’ ด้วย”

“อย่างไรก็ตาม การที่คุณทักษิณได้รับการปฏิบัติเยี่ยงอภิสิทธิ์ชนเช่นนี้ ผมมองว่า คนในสังคม ไม่เพียงแค่กลุ่มที่เคยออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เท่านั้น แม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ก็อาจจะตั้งคำถามในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ว่าทำไมกลุ่มแกนนำ หรือแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ต้องติดคุก บางคนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต”

“แต่ในขณะเดียวกัน คุณทักษิณเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย พร้อมรับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ ยิ่งมีการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย จนกระทั่งได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วยแล้วอีก เรื่องนี้ผมจึงเชื่อว่าจะทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นอย่างมากแน่นอน”

ทั้งนี้ นายพิชิต ยังได้ยกข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบฉบับของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในปี 2561 และ 2564 ออกมาอ้างอิงด้วย ว่า...

“ในกรณีที่จะทูลเกล้าฯ ขอถวายฎีกา หน่วยงานราชการ หรือหัวหน้าส่วน หรือกระทรวงต่างๆ จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้...

1.) มีความเหมาะสมหรือไม่
2.) มีเรื่องร้องเรียนต่อกรณีนั้นหรือไม่
3.) จะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตตามมาหรือไม่

อีกทั้ง กรอบระยะเวลาที่รัฐบาลต้องพิจารณา และถวายทูลเกล้าฯ ก็ยังมีความไม่ชัดเจน ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร”

“ผมคิดว่า รัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หากมีการพิจารณาภายใต้ระเบียบของสํานักนายกรัฐมนตรีที่ได้มีแนวทางข้อบังคับไว้ ก็คงจะทำให้สังคมได้กลับมาตรึกตรองอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ให้คุณทักษิณ ใช้ความไม่สมควร หรือมิบังควร ยื่นเรื่องไป แล้วทางผู้รับก็พร้อมรับและนำไปยื่นทูลเกล้าฯ ได้เลย ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าจะยิ่ง ‘ตอกลิ่มความขัดแย้ง’ ในอนาคตได้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ” นายพิชิต กล่าว

จากกรณีของคุณทักษิณยื่นขออภัยโทษครั้งนี้ นายพิชิต ได้ทิ้งท้ายไว้ถึงเชื้อไฟแห่งความไม่พอใจของผู้คนคงจะกระพือชัดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มของคนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดงเองด้วยเช่นกัน เพียงแต่การแสดงออกนั้น คงยังไม่ถึงจุดที่จะก่อให้เกิดการประท้วง หรือลงถนน

แต่ที่น่าห่วงคือ ท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะดำเนินการต่อไปในรูปแบบใด เช่น จะไหลตามน้ำ หรือจะทำการตรวจสอบพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตามขั้นตอนของกระบวนการตรวจสอบ เพราะอาจเป็นตัวกำหนดท่าทีและการเคลื่อนไหวของประชาชน ก็เป็นได้…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top