Wednesday, 3 July 2024
กวี_ชูกิจเกษม

'กวี ชูกิจเกษม' เตือนแฟนคลับ!! เพจหลักตนมีแค่เพจเดียว หลังมิจฉาชีพออนไลน์ สร้างเพจปลอมหลอกคนพุ่ง

(24 ม.ค.67) จากเฟซบุ๊กหลัก 'กวี ชูกิจเกษม' โดยคุณกวี ชูกิจเกษม นักลงทุน VI และนักวิเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Head of Research and Content. บล.Pi ได้ออกมาแจ้งเตือนประชาชน หลังจากมีมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อตนไปปั้นเพจปลอม เพื่อหลอกลวงให้คนมาลงทุน ว่า...

ว่าด้วยเรื่อง ขณะนี้ เพจปลอมกลับมาแอบอ้างสวมรอยระบาดจำนวนมาก (อีกแล้ว) ซึ่งเป็นเรื่องเหนือการควบคุมได้ทั้งของทางทีมงานเอง และ Admin นะคะ ไม่สามารถยับยั้งหรือยุติให้หมดไปได้เลยจริงๆ 🥲

ตามที่ได้เรียนแจ้งเสมอๆ ให้รับทราบโดยทั่วกันทุกครั้ง ว่าพี่กวี 'คุณกวี ชูกิจเกษม' มีช่องทางการติดตามบน Facebook fanpage แค่ที่เพจนี้ (กวี ชูกิจเกษม) เท่านั้น และช่องสำหรับเรียนรู้เรื่องการลงทุน ที่ Vee Investment Academy บน Youtube Channel 

ทั้งนี้ หากมีการเอ่ยหรือแอบอ้างสวมรอยเป็น 'คุณกวี ชูกิจเกษม' ไม่ว่าจะเป็นการลงภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือภาพโฆษณาคอร์สเรียนใดๆ ที่มีความผิดปกติ หรือไม่น่าไว้วางใจ รวมถึงการสื่อความไปในทิศทางเชื้อเชิญ ชักชวน ให้เข้ากลุ่มลับ กลุ่มส่วนตัว หรือทำธุรกรรมลงทุนใดๆ ขอเรียนแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ณ ตรงนี้นะคะ ว่าไม่เป็นข้อเท็จจริงประการใดๆ จึงอยากให้ทุกท่านมีวิจารณญาณตรวจสอบให้ดีและศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทำลงทุนที่ใดๆ กับใคร 

⚠️เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นมาแล้วนั้น โอกาสได้รับคืนน้อยมากๆ แทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ ฉะนั้นจงอย่าตัดสินใจผลีผลามเพียงแค่คำโปรยสั้นๆไม่กี่ประโยคที่มิจฉาชีพแต่งขึ้นมาเพียงเพื่อหวังให้ท่านนักลงทุนเชื่อสนิทใจ โดยมักใช้ผลตอบแทนที่น่าสนใจมาเป็นตัวหลอกล่อให้เหยื่อตกหลุมพราง 

✅หากท่านไหนพบเจอรบกวนช่วยกันกด report ให้ด้วยนะคะ เพื่อเป็นเสียงส่วนหนึ่งในการช่วยกันยับยั้งกันผู้ถูกหลอก

เพจจริงที่แค่เพจนี้ >> https://www.facebook.com/Kavee.Chukitkasem?mibextid=ZbWKwL

'กวี ชูกิจเกษม' พาส่องเศรษฐกิจกัมพูชา ชี้ 'ผลดี-ผลเสีย' รอบทิศ แง้ม!! โอกาสภาคธุรกิจไทยอาจไม่ใช่เร็ววัน แต่ห้ามตกขบวน

(25 ม.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'กวี ชูกิจเกษม' โดยคุณกวี ชูกิจเกษม นักลงทุน VI และนักวิเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Head of Research and Content. บล.Pi ได้เผยทริปเยือนกัมพูชากับ CSI พาชมความคืบหน้าเศรษฐกิจกัมพูชาภายใต้โอกาสของธุรกิจไทย โดยระบุว่า...

ปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจต่อหัวของประเทศกัมพูชามีขนาดเล็กเพียง 2 พันเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับประเทศไทยที่ 8 พันเหรียญสหรัฐฯ 

แต่ถึงกระนั้น ก็มีบริษัทใหญ่ ๆ จากประเทศไทยสนใจเข้ามาลงทุนมากพอควรเช่น CP Group, MAKRO, CPALL, PTT, OR, MINOR FOOD, GLOBAL, SJWD, TCC, SAMART, SCG etc. แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการทำธุรกิจ 

อย่างไรก็ตามประเทศกัมพูชาต้องพัฒนาอีกหลายด้าน ปัจจุบันยังคงเน้นอุตสาหกรรมแรงงานถูกเช่นอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ที่คิดเป็น 80% ของมูลค่าการส่งออกรวม หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ยังล้าหลัง ซึ่งทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ค่อนข้างสูง 

ขณะที่ต้นทุนในการเริ่มธุรกิจค่อนข้างสูงเทียบกับประเทศคู่แข่ง ด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศก็ยังขาดเสน่ห์อยู่บ้าง 

แต่ข้อดีของประเทศนี้คือ อายุเฉลี่ยของคนกัมพูชาต่ำเพียง 25 ปี ขณะที่อัตราการเกิดสูงที่สุดในประเทศอาเซียน ยังขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตได้อยู่ โดยปีที่แล้วเศรษฐกิจกัมพูชาโต 5% ขณะที่ปีนี้คาดจะโตประมาณ 6% 

อย่างไรก็ตามธุรกิจในไทยคงยังไม่อาจได้ประโยชน์จากประเทศกัมพูชามากนักในระยะสั้น แต่ในอนาคตผมเชื่อว่าธุรกิจในไทยก็คงไม่อาจปิดประตูโอกาสในประเทศกัมพูชาได้ และจากการที่ผมมาประเทศนี้เมื่อห้าปีที่แล้วเทียบกับวันนี้บอกได้เลยว่าพัฒนาขึ้นมาก 

เพียงแต่ปัญหาระยะสั้นที่ต้องแก้ไขช่วงนี้คือ ผมมองว่าทุนจีนเข้ามามากไป ทำให้ราคาอสังหาฯ หรือราคาสินค้าแพงขึ้น จนสร้างความเหลื่อมล้ำมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการก้าวต่อไปได้ และเรื่องการศึกษาที่เป็นปัญหาเหมือนประเทศไทยเช่นกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top