วันนี้ (4 เม.ย.66) เวลา 11.00 น. ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนด้านคดียาเสพติด คดีออนไลน์ บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด จริงจัง บังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย ยังคงนโยบาย ผบ.ตร. (10 ข้อ) โดยเฉพาะการ พิทักษ์ เทิดทูน และเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การยกระดับการบริการประชาชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติ และอาชญากรรมออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 31 มี.ค.66 ดังนี้
1. การกวาดล้างอาชญากรรม
1.1 ผลคดีอาญา 4 กลุ่ม จำนวนคดี 422,831 คดี จับกุมได้ 392,693 คดี (คิดเป็น 93%)
1.2 ผลระดมปราบปรามอาชญากรรม
- ระดมกวาดล้างอาวุธปืนช่วงก่อนการเลือกตั้ง (18-25 มี.ค.66) จับกุมรวม 3,116 ราย ยึดของกลาง 67,980 รายการ
- ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ 2566 ช่วง 29 มี.ค.-10 เม.ย.66 จับกุม อาชญากรรมทั่วไป 15,707 คดี ผู้ต้องหา 16,670 คน และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1,284 คดี ผู้ต้องหา 1,272 คน
2. การป้องกันปราบปรามยาเสพติด
2.1 ผลการจับกุมคดียาเสพติด 152,231 คดี ผู้ต้องหา 153,315 คน ยึดทรัพย์ของกลาง 620 ล้านบาท และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องฯ 12,662 ล้านบาท ปริมาณยาเสพติดเป็นยาบ้า 240 ล้านเม็ด เฮโรอีน 314 กก., ไอซ์ 8,080 กก, เคตามีน 2,403 กก., ยาอี 85,960 เม็ด และโคเคน 9 กก.
2.2 โครงการค้นหาผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด และผู้ป่วยจิตเวช เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวม 271,408 คน แบ่งเป็น ผู้ใช้ผู้เสพที่สมัครใจบำบัด 213,106 ราย, ผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุจากยาเสพติด 35,601 ราย ผู้ป่วยจิตเวชที่มิได้มีสาเหตุจากยาเสพติด 22,701 ราย
2.3 โครงการชุมชนยั่งยืน จัดอบรม ครู ก. จำนวน 12 รุ่น ผ่านการอบรม 3,391 คน และอบรม ครู ข. จำนวน 85 รุ่น ผ่านการอบรม 10,381 คน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด สร้างวิทยากรภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่ชุมชนให้ความรู้การดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนและเป็นชุดปฎิบัติการชุมชนยั่งยืนในชุมชน หมู่บ้าน
2.4 โครงการหนองบัวลำภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติดครบวงจร ดำเนินการการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยแนวคิด Change for Good , รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ และแจ้งเบาะแสการกระทำผิด, จัดชุดคัดกรองและดูแลผู้ป่วยจิตเวช ตั้งทีมผู้พิทักษ์ และชุดนาคาพิทักษ์ หากมีผู้ป่วยคลุ้มคลั่ง, จัดทำข้อมูลท้องถิ่น
จากการ Re X-ray พบผู้เสพ 2,044 คน ผู้ค้า 389 คน ผู้ป่วยจิตเวช 320 คน และอีกส่วนได้คัดกรองในชุมชนแบบทั่วไป พบผู้เสพอีก 701 คน และในด้านปราบปราม ได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ถนนสายหลัก 7 จุด ถนนสายรอง 721 จุด ทำการสุ่มตรวจ 644 ครั้ง ตรวจพัสดุไปรษณีย์ 6 ครั้ง ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดทำการยึดทรัพย์แล้ว 2 คดี และได้สุ่มตรวจเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหาสารเสพติด 76 หน่วย 3,783 ราย พบมีสารเสพติด 43 ราย
3. การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3.1 จับกุมผู้ต้องหารวม 332 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 3,638 ล้านบาท อายัดเงินได้ 449,190,107 บาท พบสถิติประเภทคดีสูงสุด 5 อันดับได้แก่ หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ(ไม่เป็นขบวนการ), หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานฯ, หลอกให้กู้เงิน, หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์, ข่มขู่ทางโทรศัพท์(Call Center) บังคับใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 เป็นต้นไป
3.2 การระงับธุระกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีที่มีความเสี่ยงสูง “บัญชีม้า” ตามประกาศ ปปง. ดำเนินการแล้ว 693 ราย 1,381 บัญชี
3.3 โครงการสร้างภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) จัดโครงการอบรมครู แม่ไก่ 11 บช. รวม 116 นาย, ครู ข.ไข่ 29 บก. จำนวน 4,468 คน จัดตั้งกลุ่มไลน์เผยแพร่สื่อ จำนวน 37 กลุ่มไลน์ และจะดำเนินการอบรมครู ข.ไข่ ใน 56 จังหวัด อีก 3,548 คน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน เม.ย.6
3.4 MOU กับเครือซีพี ประชาสัมพันธ์สื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สร้างเครือข่ายในการยับยั้ง ป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกัน (Cyber Vaccine) ในทุกช่องทางการสื่อสารในเครือซีพี เครือข่ายมือถือทรูทูฟ เอช ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 13,000 กว่าสาขา ห้างแม็คโคร 152 สาขา และโลตัส กว่า2,000 สาขา สถานีข่าว TNN16 และช่อง True4U และตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชน ผลิตสื่อเตือนภัย เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เช่น บนรถไฟฟ้า BTS, ป้อมตำรวจจราจร, เผยแพร่ทางสถานีวิทยุ ตร., สถานีบริการน้ำมัน ปตท. 2,200 แห่งทั่วประเทศ
3.5 ปรับปรุงศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ 1441 ขยายคู่สายการให้บริการจากเดิม 4 คู่สาย เป็น 15 คู่สาย
3.6 ร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ เปิดปฏิบัติการ “Shell Game” ซึ่งผู้เสียหายชาว USA ได้ถูกแก๊ง Call Center ข่มขู่ว่าเหยื่อเกี่ยวข้องกับคดีและให้โอนเงินไปตรวจสอบ และถูก Hack และส่งไวรัสให้เหยือเห็นว่ามีเงินโอนผิดและหลอกให้โอนเงินคืน ซึ่งคดีเกิดใน USA ระหว่าง ค.ศ.2020-2021 จำนวน 72,000 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านเหรียญ โดยในประเทศไทยจะเป็นฐานในการเปิดปัญชีม้า แล้วมีกระบวนการฟอกเงินแล้วโอนกลับไปยังคนร้ายที่อยู่ต่างประเทศ
4. การจราจร
4.1 MOU กับกรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก ลดการกระทำผิดกฎหมาย ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยกำหนด 2 มาตรการ คือ 1.การตัดคะนนความประพฤติ ซึ่งได้เริ่มไปเมื่อ 9 ม.ค.66 ที่ผ่านมา และ 2. การชะลอการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ จะเริ่มบังคับใช้ 1 เม.ย.66
4.2 สถิติการตัดคะแนนความประพฤติ (9 ม.ค.66 – 31 มี.ค.66) มีผู้ถูกตัดคะแนนแล้วทั้งสิ้น 47,495 ราย ยังไม่มีผู้ถูกสั่งพักใบอนุญาต / สามข้อหาที่มีการตัดคะแนนมากที่สุด 1) ใช้รถไม่แสดงเครื่องหมายเสียภาษีประจำปี 13,442 ราย 2 )ไม่สวมหมวกนิรภัย 8,943 ราย 3)ใช้รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน 7,845 ราย / สามจังหวัดที่มีการบันทึกและตัดคะนนมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 6,668 ราย ,ชัยนาถ 4,440 ราย และเพชรบุรี 2,232 ราย/ ใบสั่งทั้งหมด 21,604,518 รายการ ชำระค่าปรับแล้ว 4,374,639 รายการ(คิดเป็น 20.25%)
4.3 มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 แบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงก่อนควบคุมเข้ม(4-10 เม.ย.66) ช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (11-17 เม.ย.66) และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น (18-24 เม.ย.66) โดยสั่งการให้ บก.ทล.เป็นศูนย์ควบคุมสั่งการหลัก รับผิดชอบทางหลวงแผ่นดินและเส้นทางหลัก ให้ บก.จร.รับผิดชอบในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เตรียมประกาศช่องทางเดินรถพิเศษ(Reverdible Lane) และเส้นทางที่ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปผ่าน เน้นบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก
5. การยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ
