Tuesday, 22 April 2025
กลุ่มชังชาติ

‘เปลว สีเงิน’ จวก ‘สื่อ – กลุ่มสามนิ้ว’ ป่วนเอเปค ซัด ดีแต่ทำตัวถ่วงชาติ แทนที่จะเป็นเจ้าบ้านที่ดี

เปลว สีเงิน นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง เขียนบทความถึงกลุ่มคนบางกลุ่มที่พยายามปลุกม็อบให้ออกมาต่อต้านการประชุมเอเปค ที่กำลังจัดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ ว่า 

ขอให้กูได้ 'ชังชาติ' เถอะ

'แขกบ้าน-แขกเมือง' ทยอยมาเหยียบชานเรือนแต่วาน (๑๖ พ.ย.๖๕) แล้วนะครับ

ประธานาธิบดีเวียดนาม 'นายเหวียน ซวน ฟุก' และภริยา เป็นท่านแรก ที่เดินมาถึง

ตามด้วย 'เจมส์ มาราเป' นายกฯ ปาปัวนิวกินี 'นายลี  เซียนลุง' นายกฯ สิงคโปร์

'นายเฟอร์ดินานด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์' ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ 'นายกาบริเอล โบริซ ฟอนต์' ประธานาธิบดีชิลี

และ 'นายเอมมานูเอล มาครง' ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

วันนี้ (๑๗ พ.ย.๖๕) เมื่อการประชุม G 20 ที่อินโดฯ จบ

ประธานาธิบดีจีน 'สี จิ้นผิง' และผู้นำอีก ๒๐ เขตเศรษฐกิจ รวมทั้งแขกรับเชิญของนายกฯ ก็จะทยอยมาถึงตามลำดับ

เพื่อเข้าร่วมประชุม APEC ระดับผู้นำ ระหว่าง  ๑๘-๑๙ พ.ย. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เต็มที่ครับ...

คนไทยทุกคน พร้อมและตั้งอก-ตั้งใจทำหน้าที่ 'ประเทศเจ้าภาพ' ที่ดี แข็งขัน น่าชื่นใจจริง ๆ

แต่ก็นั่นแหละ ในมวลหมู่ดอกไม้ ย่อมมีหนอนจัญไร คอยชอนไชปะปน เป็นธรรมดา

ในขณะที่คนส่วนใหญ่ทั้งบ้าน-ทั้งเมือง ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี

ก็มีขบวนการ 'แดง-ส้ม' สามนิ้ว และ 'นางหน้ามึน' แก๊งขี้ข้าองค์กรต่างชาติ ตัวเดิม ๆ ออกมาป่วนบรรยากาศ

ที่จริง ก็รู้อยู่ 'พวกนี้-พวกไหน' กินน้ำข้าวกระถางใคร?

มันคือ 'ขยะ' ไม่ต่าง 'หมาในคอก'

อ้างเป็น 'รุ่นใหม่' จะมานำชาติ นำพวก 'ชาติชั่ว' ด้วยกันละพอได้ แต่ที่สะเออะ จะมานำประเทศชาตินั้่น

ไปเล่นกันไกล ๆ เลย ไป๊!

ตัวการ 'ชังชาติ-ล่มสถาบัน' มันเอาไปปั่นสมอง ป้อนวาทกรรม ๓-๔ ประโยค ให้ท่องไว้พ่น เป็นนกแก้ว-นกขุนทองเข้าหน่อย

'สื่อร่วมแก๊ง' เชิญไปออกจอ ก็เหมือนนังรุ้ง ที่เจอคำถามอาจารย์อานนท์คราวนั้น

รุ่นใหม่ 'ขยะเปื้อนสารพิษ' นี่เหมือนกัน พ้นจากที่เขาสอนให้ท่องจำแล้ว ไม่ต่างจาก 'สากกะเบือ' ตรงไหน?

ทำซ่ากันไปเถอะ....

แค่ลูกกิ้งก่า คอยังสั้น อย่าชูให้มันสูง ด้วยผยองมี "ไอ้สามสัส" เป็นแบ็กใหญ่ และ 'ลูกพี่ใหญ่' ของมัน แถว ๆ 'ถนนวิทยุ' จะคุ้มกะลาหัวได้

ไอ้พวกนี้ 'ตาบอดไม่กลัวเสือ' ขนานแท้จริง ๆ!

มันชุมนุมบ้าง พยายามจะเข้าไปบริเวณที่ประชุมบ้าง ไปขึงป้าย ชูป้ายประท้วงการประชุม ด้วยคำหยาบ ๆ บ้าง

ความจริง ที่ทำกันนั้น เจตนาเดียวที่พวกนี้ต้องการ คือ

เป็น 'อีเวนต์' ให้สื่อที่ร่วมขบวนการ

'ถ่ายภาพ' นำไปทำเป็นข่าวเผยแพร่ออกจอ ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย 'ดิสเครดิต' นายกฯ ได้ นั่นคือความสำเร็จ

'วิน-วิน' ด้วยกัน........

เบอร์บัญชีใคร-บัญชีมัน นี่คือ 'ประเทศไทย' วันนี้ ที่เป็นอยู่!

แค่ 'ปลาเค็ม' มันยังสรรค์เป็นเรื่อง-เป็นประเด็นขึ้นมา 'เข่นฆ่า' บ้านเมืองตัวเองได้

ก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรมาแถ เพราะพฤติกรรมทนโท่ 'ซ้ำซาก' สมค่า-สมราคา ๒,๐๐๐ ล้านต่อปี ที่รัฐบาลจัดหามาให้

ทำหน้าที่ 'ก้อนกรวด' ในรองเท้าประเทศอย่างเท่ ๆ!

ผู้ทรงคุณสมบัติ ระดับชั้น 'กูรู' ด้านสื่อทั้งนั้น ตั้งแต่ ผอ.ลงไปถึงบอร์ดบริหารนโยบาย

แต่ไม่รู้จักการ 'เช็กข่าว ๒ ด้าน' ทั้งที่ต้นตอของข่าวอยู่ที่เชฟ 'ชุมพล แจ้งไพร' แต่กลับไปไล่สัมภาษณ์ร้านค้าปลาเค็มทั้งตลาดด้านเดียว

ทั้งที่ในความเป็นจริง ใครซื้อ ซื้อเอาไปไหน.....

ทั้ง 'คนซื้อ-คนขาย' ปลาเค็ม จะต้อง 'กรอกแบบสอบถาม' กันด้วยงั้นหรือ?

ทีขายข้าวจำนำ 'เจ๊ทูเจี๊ยะ' เป็นแสนล้าน ควรต้องสงสัยกลับไม่สงสัย ไม่ไปไล่เช็กทั้งปลายทาง 'เสี่ยเปี๋ยง' และต้นทาง 'ยิ่งลักษณ์' เหมือนปลาเค็มเลย

ไล่ถามร้านค้าอันเป็น 'ปลายทาง' นั่นก็ไม่ว่า

แต่เห็นแถลงการณ์ ชนิดองอาจ-ผึ่งผายว่า 'ไทยพีบีเอสเสนอข้อมูลอย่างถูกต้องรอบด้าน เป็นธรรม'

ขอโทษนะ อดไม่ได้จริง ๆ ขอถามนิด

แล้วที่ออกข่าว 'ด้านเดียว' โดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงจากต้นตอข่าวคือเชฟ 'ชุมพล' อีกด้านแบบนั้นนะ

'รอบด้าน' หรือ 'รอบจัด' มิทราบ?

เรื่อง 'ปลากุเลาเค็ม' อยากรู้ ต้องมาถามผมนี่ เพราะผมนี่แหละทายาท 'ราชาปลากุเลาเค็ม' ตัวจริง-เสียงจริง

โตจำความได้ ก็เห็นพ่อเขาทำปลากุเลาเค็มกับปลากระบอกเค็มตากเป็นราวพรืด

ในกระบวนการปลาเค็ม ต้องยกให้ปลากุเลาเป็นราชา ปลาอินทรี ไว้กินตอนไม่มีอะไรจะกิน อันดับสอง ก็ต้อง 'ปลากระบอกเค็ม'

ข้อสำคัญ ต้องเอาปลาสดมาทำ ห้ามเอาปลาแช่เย็นมาทำเด็ดขาด ใครฝ่าฝืน ถือว่า 'ฝืนบัญชาสวรรค์'

ต้องจับตัวไปให้เชฟชุมพล 'โบยหลัง' ๓๐ ที!

'ดรามาปลาเค็ม' จบ ชนิดศพไม่สวยไปแล้ว มีโง่แล้วเสือกแซะโผล่มาอีกราย

"เมนูอาหารรับผู้นำ APEC เสิร์ฟคาเวียร์หรู จากปลาสเตอร์เจียน มันไทยตรงไหน?"

ไม่อยากอวดรู้ เอาที่คนรู้เขาโพสต์ไว้มาให้อ่านดีกว่า .........................

อาณาจักร โกวิทย์

'ปลาสเตอร์เจียน' สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ สามารถเพาะเลี้ยงได้เมื่อ 17 ปีก่อน

ปัจจุบันเนื้อขายกิโลกรัมละ 800 บาท 

ส่วนไข่นำมาทำ 'คาเวียร์' ขายกิโลกรัมละ 6 หมื่นบาท  ต้องสั่งจองล่วงหน้า

การเพาะเลี้ยงต้องใช้เวลา 3 ปี เนื้อจะขายได้ ขณะที่ผลิตคาเวียร์ได้ ปลาต้องมีอายุ 7 ปีขึ้นไป และน้ำไหลเวียนตลอดเวลา

อาศัยน้ำจากน้ำตกบนดอยอินทนนท์และมีอากาศเย็นตลอดเวลา

'คาเวียร์' สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ถูกนำไปเป็นส่วนประกอบสำคัญเมนู

'กระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียน' ในการประชุมเอเปกครั้งนี้

มีอะไรจะ 'ด้อยค่า-ขัดขา' ประเทศอีกล่ะ?

'เนื้อวากิว' ไง ไม่ยกมาโชว์โง่อีกล่ะว่า เป็นของญี่ปุ่นแท้ ๆ ไหงตีขลุมว่า 'วากิวไทย' ที่ใช้เลี้ยง APEC

ก็บอกซะเลย ที่โคราช 'บ้านเฮา' นี่แหละ เขาเลี้ยง 'โควากิว' เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน 'วากิวโคราช' โด่งดังทั้งบ้าน-ทั้งเมือง

อย่าดันทะลึ่งเอา 'หมี่กรอบข้าวซอยล้านนา' ที่เชียงใหม่มาโพสต์แซะ ว่าไทยไปเอา "ข้าวซอยของนิวยอร์ก" มาเคลมเป็นของไทยล่ะ

จะถูก ถ.สระอี บ.!

ผมเคยตาม 'พลเอกนิพนธ์ ภารัญนิตย์' รองประธานที่ปรึกษาโครงการพัฒนาราษฎรชาวไทยภูเขาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ไปดู 'ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดำริ' ที่แม่ฮ่องสอนเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน

'พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร' มีพระราชดำริให้ตั้งขึ้น ตั้่งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๓

เป็นแหล่งเรียนรู้การใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูง ปรับปรุงแหล่งน้ำ อนุรักษ์ทรัพยากรดินและน้้ำ การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งเพาะเลี้ยงปลาบนที่สูง

มีผู้ชำนาญการแต่ละด้านของกระทรวงเกษตรฯ คอยดูแลและวิจัยพืชพันธุ์และสัตว์

ที่ศูนย์เพาะเลี้่ยงปลา โอ้โฮ...ถ้าไม่เห็นด้วยตา ใครบอกก็ไม่เชื่อ มาเพาะพันธุ์และเลี้ยงปลาบนเขา ปลากดเงี้ย...แต่ละตัว โตเท่าขา!

และที่นี่ ทดลองเลี้ยง 'ปลาสเตอร์เจียน' ในบ่อซีเมนต์ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top