Sunday, 20 April 2025
กรรมาธิการการอุตสาหกรรม

'กมธ.อุตฯ' เรียกสอบหน่วยงาน แก้ไขกฎขออนุญาตตั้งโรงงาน หลัง 'โรงงานพลุ-คลังเก็บดอกไม้ไฟ' ระเบิดถี่ขึ้นในช่วงหลัง

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดใน จ.สุพรรณบุรีว่า ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ประเทศไทยเรามีเหตุการณ์จากโรงงานพลุระเบิดและโรงงานเก็บดอกไม้ไฟระเบิดมาหลายครั้งมากและเกิดถี่ขึ้นในช่วงหลัง ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบการขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟทั่วประเทศเสียใหม่

ประธานกมธ.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เดิมที พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่า เครื่องจักรที่น้อยกว่า 50 แรงม้า หรือมีคนงานน้อยกว่า 50 คนไม่ต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้นโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟส่วนใหญ่จะอยู่นอกเหนือการตรวจสอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ถึงแม้จะเรียกว่าโรงงาน แต่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากอยู่นอกเหนือกฎหมาย แต่หลังจากเกิดเหตุโรงงานพลุดอกไม้ไฟระเบิดอยู่บ่อยครั้งได้สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องสังคายนากฎระเบียบนี้เสียใหม่

นายอัครเดช กล่าวว่า จากนี้ไปจะต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ออกใบอนุญาตมาประชุมหารือว่าถึงเวลาจะต้องแก้ไขระเบียบใหม่หรือยังเพื่อให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามตรวจสอบโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้แรงงานในโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟ รวมถึงบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่รอบบริเวณโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟ

ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ และสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งกมธ.อุตสาหกรรมจะรับเรื่องนี้มาพิจารณาเพื่อเสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป เราจะปล่อยให้เกิดเหตการณ์ระเบิดในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้

‘กมธ.อุตฯ’ ยื่นร่าง พ.ร.บ. เพิ่มโทษอาญาทิ้ง ‘กาก-สารพิษ’ จำคุก 5 ปี และปรับเพิ่มจาก 2 แสนบาทเป็น 1 ล้านบาท

(3 พ.ค. 67) นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ประธานกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร และ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงผลการประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า สำหรับเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นั้น กมธ.อุตสาหกรรม มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม ประกอบด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายอำเภอบ้านค่าย จ.ระยอง

นายอัครเดช บอกต่อว่า เหตุเพลิงไหม้โรงงานดังกล่าวกินระยะเวลา 3-5 วัน ซึ่งสร้างมลภาวะในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงานอย่างรุนแรง และได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยลงทะเบียน 601 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 100% แต่ยังมีกลุ่มควันเกิดขึ้นบางส่วนในอาคาร 4 และอาคาร 3 มี Aluminum Dose จำนวน 5 ตัน ซึ่งเป็นลาวาและพร้อมที่จะปะทุ โดยขณะนี้อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง และดูแลเยียวยาพี่น้องประชาชน ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุ

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่เกิดเหตุได้รับก๊าซพิษ และตรวจวัดพบว่าค่าสารหลายตัวเกินมาตรฐาน ดังนั้นสภาพอากาศรอบโรงงานช่วงนี้ยังไม่ปกติ กมธ.อุตสาหกรรม จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง และอย่าให้มีเหตุเพลิงไหม้ซ้ำอีก” นายอัครเดช กล่าว

นอกจากนี้ นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สำหรับความเชื่อมโยงระหว่างโรงงานจังหวัดระยองกับโรงงานจังหวัดอยุธยานั้น ตอนเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ อ.ภาชี ตนและกมธ.อุตสาหกรรมยังไม่ทราบ เพราะเพลิงไหม้เกิดขึ้นในช่วงเย็น แต่ได้รับทราบว่าโรงงานทั้ง 2 แห่งมีความเชื่อมโยงกัน โดยเมื่อช่วงต้นปีได้ลงพื้นที่อำเภอภาชี เพราะได้รับการร้องเรียนจาก สส.ในพื้นที่ โดยพบว่ามีการเก็บสารอันตรายจำนวนมากไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอธิบดีกรมโรงงานได้สั่งปิดโรงงาน ต่อมาก็มีเหตุเพลิงไหม้โดยมีสาเหตุคล้ายการวางเพลิง ดังนั้นในวันที่ 15 พ.ค.2567 ที่จะถึงนี้ กมธ.อุตสาหกรรม จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เนื่องจากกรณีนี้ถือว่าไม่ปกติ

“เราทราบว่า โรงงานทั้ง 2 แห่ง มีความเชื่อมโยงกัน ส่วนจะเชื่อมโยงกันลักษณะใดจะทราบในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ที่จะถึงนี้ รวมถึงจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างไรได้บ้าง เพราะเกรงว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบกันอีก” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า กมธ.อุตสาหกรรม ได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขให้โรงงานอุตสาหกรรม เรื่องการทิ้งกากอุตสาหกรรม หรือสารเคมีตามกฎหมาย ซึ่งเดิมจะไม่มีโทษปรับ จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่เกรงกลัว จึงได้เพิ่มความผิดอาญาโดยให้จำคุก 5 ปี และจากเดิมปรับ 200,000 บาท เพิ่มเป็น 1,000,000 บาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำความผิดกฎหมาย

“การเกิดเพลิงไหม้นั้น เป็นการเลี่ยงกฎหมายใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกต เราจึงมีความเป็นห่วง และต้องให้หน่วยงานที่กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่มีกากของเสียทุกแห่ง” นายอัครเดช ย้ำ

สำหรับปัญหาดังกล่าว นายอัครเดช ย้ำว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงแห่งเดียว โดยต้องมีความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน และหลายกระทรวงที่ต้องเข้าไปช่วยกันดูแล ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งปัญหานี้ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งตนได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นปัญหานี้ก็จะเกิดขึ้นซ้ำได้อีก

‘กมธ.อุตฯ’ ติดตาม ‘เรือขนฝุ่นเหล็กแดง’ ใกล้ชิด หลังลือเข้าไทย วอนทุกหน่วยงานตรวจเข้ม ยึดความปลอดภัย ปชช. มาอันดับแรก

(21 ส.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการการอุตสาหกรรมได้แถลงข่าวถึงแนวทางการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของฝุ่นแดงจากการถลุงเหล็กซึ่งเป็นกากของเสียอันตราย

นายอัครเดช เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวว่าจะมีเรือขนฝุ่นแดง หรือฝุ่นเหล็ก ซึ่งเป็นของเสียจากการถลุงเหล็ก กากของเสียอันตรายบรรทุกขึ้นเรือขนส่งเอกชนรายใหญ่ใส่ตู้คอนเทนเนอร์เกือบ 100 ตู้น้ำหนักรวมประมาณ 816 ตัน ต้นทางจากประเทศแอลเบเนีย มุ่งหน้าปลายทางเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบังประเทศไทย ตามกำหนดจะถึงไทย โดยได้มีหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมนานาชาติในเรื่องนี้ได้แจ้งเตือนมานั้น

กมธ.การอุตสาหกรรม ได้ติดตามเรื่องของการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกากแคดเมียม หรือ กากของเสียอุตสาหกรรมอื่น ๆ 

ในวันนี้ กมธ.การอุตสาหกรรม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ และกรมศุลกากร เข้ามาให้ข้อมูล 

โดยข้อมูลเบื้องต้นนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจ้งว่า ฝุ่นแดงเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล และเป็นของเสียเคมีวัตถุตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ไม่สามารถขนย้ายข้ามประเทศเข้ามายังประเทศไทยได้ 

หากจะมีการขนย้ายเข้ามาในประเทศจะต้องได้รับการอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ชี้แจงว่าในกรณีดังกล่าวไม่มีการอนุญาตให้ขนย้ายฝุ่นแดงเข้ามาในประเทศ และไม่เคยอนุญาตให้มีการขนย้ายฝุ่นแดงเข้ามาในประเทศมาก่อน 

ด้านกรมศุลกากรได้ชี้แจงต่อ กมธ.การอุตสาหกรรม ว่า ในส่วนของเรือทั้ง 2 ลำที่ได้รับการแจ้งเตือนนั้น ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเรือลำแรกได้เดินทางออกจากท่าเรือในประเทศสิงคโปร์เดินทางสู่ประเทศจีนโดยไม่มีการจอดที่ประเทศไทย และสำหรับเรือลำที่ 2 ยังอยู่ที่ประเทศโมร็อกโกและยังไม่มีการเดินทางมายังทวีปเอเชีย 

จึงขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนให้สบายใจได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กมธ.การอุตสาหกรรม ได้ขอให้กรมศุลกากรติดตามเรือทั้ง 2 ลำอย่างใกล้ชิดต่อไป 

สำหรับการตรวจตู้คอนเทนเนอร์เพื่อป้องกันการสำแดงเท็จของในตู้คอนเทนเนอร์นั้น ทางกรมศุลกากรแจ้งว่ามีการตรวจตู้คอนเทนเนอร์ผ่านการ X-Ray และเปิดตู้คอนเทนเนอร์ แต่อย่างไรก็ดีอาจมีการเข้าสู่ประเทศผ่านการสำแดงเท็จอาจเกิดขึ้นได้ ทาง กมธ. จึงได้ขอให้กรมศุลกากรดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไป

นอกจากนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันมีโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้ถลุงฝุ่นแดงในประเทศไทยทั้งสิ้น 8 โรงงาน ยังมีการดำเนินการอยู่ 5 โรงงาน โดยเป็นการถลุงเฉพาะฝุ่นแดงในประเทศไทยเท่านั้น 

อย่างไรก็ตามทาง กมธ. ได้ขอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการลักลอบถลุงฝุ่นแดงจากต่างประเทศ

“คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ และขอยืนยันว่าจะดำเนินการติดตามตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนต่อไป”

‘ปธ.กมธ.อุตสาหกรรม’ ต้อนรับรัฐมนตรีไอซีที สปป.ลาว พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ในโอกาสมาร่วมประชุม ADGMIN

(15 ม.ค.68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วานนี้ (14 ม.ค. 68) ตนและคณะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายบ่อเวียงคำ วงศ์ดารา รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร สปป.ลาว และภริยา พร้อมด้วยนายคำพัน อั่นลาวัน เอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย ที่เดินทางมาประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ADGMIN ครั้งที่ 5 ณ กรุงเทพมหานคร มีนายพวงประเสริฐ แก้วสะหวัน ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร ของ สปป.ลาว และคณะ ร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top