Sunday, 8 June 2025
กรมชลประทาน

“อลงกรณ์” ระดมทีม! ‘กรมชลประทาน และจังหวัดเพชรบุรี’ เร่งรับมือสถานการณ์น้ำท่วม

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่โครงการชลประทานเขื่อนเพชรหลังจากฝนตกหนักที่เพชรบุรีเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วมกับนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพลรองอธิบดีกรมชลประทาน ณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผู้ว่าเพชรบุรี นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี นายสมเกียรติ แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบุรี ตัวแทนเทศบาลเมืองเพชรบุรีรักษาการผอ.สำนักชลประทานที่ 14 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยนายอลงกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่าจากสถานการณ์ฝนตกหนักเหนืออ่างเก็บน้ำและใต้อ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง คือ แก่งกระจาน แม่ประจันต์และห้วยผากเมื่อวานนี้ทำให้มีมวลน้ำจากลุ่มน้ำทั้ง3ไหลลงมาที่เชี่ยนเพชรจำนวนมาก ที่ประชุมจึงกำหนดแผนการระบายน้ำในคลองชลประทานหลัก4สายและแม่น้ำเพชรบุรีอย่างเป็นระบบให้มีผลกระทบต่อประชาชนและขุมชน2ฝั่งแม่น้ำเพชรบุรีน้อยที่สุดพร้อมกับแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำและในพื้นที่ลุ่มต่ำยกของขึ้นที่สูงระมัดระวังเรื่องไฟฟ้าและย้ายสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่ปลอดภัยพร้อมกับให้ท้องถิ่นเสริมแนวตลิ่งที่ต่ำป้องกันน้ำล้นฝั่ง 

ในส่วนกรมชลประทานได้ระดมเครื่องสูบน้ำเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องจักรกลช่วยเหลือจังหวัดเพชรบุรีอย่างเต็มที่ตามข้อสั่งการของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯและนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน

นอกจากนี้ยังได้ประสานพลเรือเอก ดร.สมัย ใจอินทร์ขอการสนับสนุนเครื่องดันน้ำจากกองทัพเรือซึ่งส่งมาช่วยเพชรบุรีทุกครั้งที่ประสบภัยน้ำท่วม และขอการสนับสนุนกำลังพลและเครื่องจักรกล จากพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยเพื่อช่วยป้องกันน้ำท่วมและช่วยระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ขุมชนเมืองและพื้นที่เกษตร

“น้ำท่วมครั้งนี้เป็นการท่วมแบบล้นตลิ่ง และท่วมที่ลุ่มต่ำเฉพาะบางพื้นที่ในระยะสั้น ไม่ได้ท่วมทั้งจังหวัดจึงไม่มีผลกระทบต่อการค้าธุรกิจ และการท่องเที่ยวในวงกว้างแต่อย่างใด ส่วนพื้นที่เกษตรที่ได้รับความเสียหาย จะได้รับการดูแลช่วยเหลือเยียวยาจากทางราชการโดยเร็วต่อไป”

“เฉลิมชัย” ควง “อลงกรณ์” ลุยเพชรบุรี! เร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วม สั่งกรมชลประทานระดมเครื่องสูบน้ำ ผันน้ำลงทะเลโดยเร็ว!!

วันนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.กษ. / นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี / นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการ รมว.กษ. / ดร.กัมพล สุภาแพ่ง / นายอรรถพร พลบุตร อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และคณะลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมเพชรบุรี โดยสั่งการให้กรมชลประทานและหน่วยงานในสังกัดเร่งช่วยเหลือประชาชนโดยบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วน

ซึ่งกรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 27 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 16 เครื่อง และมีแผนติดตั้งเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม คาดว่าระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่ง และสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ใน 2 วันนี้

ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำ เมื่อระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งจะใช้เครื่องสูบน้ำสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดกับประชาชนโดยเร็วที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังกำชับให้เร่งดำเนินการเยียวยาความเสียหายทางกาคเกษตรให้กับเกษตรกรภายใน 60 วันหลังจากทางจังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติ

 

กรมชลฯ เปิดแผนจัดสรรน้ำรับฤดูแล้ง ยันเขื่อนหลักมีน้ำเพียงพอ

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 58,692 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 77% ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 34,760 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,586 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59% ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ 7,890 ล้าน ลบ.ม. 

ทั้งนี้กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2564/65 (วันที่ 1 พ.ย.2564 – 30 เม.ย.2565) จากปริมาณน้ำต้นทุน ณ วันที่ 1 พ.ย. 2564 จำนวน 37,857 ล้าน ลบ.ม. โดยมีแผนจัดสรรน้ำในฤดูแล้งทั้งประเทศจำนวน 22,280 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับความสำคัญดังนี้ เพื่อการเกษตรฤดูแล้ง 11,785 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการอุปโภค-บริโภค 2,535 ล้าน ลบ.ม. อุตสาหกรรม 518 ล้าน ลบ.ม. รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 7,442 ล้าน ลบ.ม. และสำรองน้ำไว้ต้นฤดูฝนปี 65 อีก 15,577 ล้าน ลบ.ม. 

กรมชลประทาน พร้อมรับมือน้ำเค็มรุก 

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงฤดูแล้งของทุกปี โดยกรมชลประทานได้พิจารณาแนวทางเพื่อรับมือและกำหนดมาตรการควบคุมความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการเพิ่มการระบายจากเขื่อนภูมิพล ตั้งแต่ช่วงวันที่ 2 - 5 กุมภาพันธ์ 2565 ในอัตราเฉลี่ยวันละ 24 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมกับรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราเฉลี่ย 85 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 

สำหรับที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ปรับแผนเพิ่มการระบายน้ำ ในอัตราเฉลี่ยวันละ 5.18 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะทยอยปรับลดการระบายลงเหลืออัตราเฉลี่ยวันละ 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะเดียวกันจะควบคุมระดับเหนือเขื่อนพระรามหก ให้อยู่ในเกณฑ์ และปรับแผนเพิ่มการระบายน้ำอยู่ในอัตราเฉลี่ย 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากนั้นจะทยอยปรับลดการระบายลงเหลืออัตราเฉลี่ย 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในลำดับต่อไป 

ป.ป.ช.พิจิตรข้องใจลงพื้นที่ตรวจงานกรมชลประทานก่อสร้างปตร.วังจิกงบ 231 ล้านใช้เวลา 7 ปีแล้วสร้างไม่เสร็จเสียที

ชาวนาลุ่มน้ำยมเมืองชาละวันชะเง้อคอรอคอยหวังได้ใช้น้ำจากโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำวังจิก อ. โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ที่กรมชลประทานจ้างผู้รับเหมาดำเนินการด้วยงบประมาณ 231 ล้านบาทเศษ แต่เจอเหตุผู้รับเหมาขาดสภาพคล่อง ละทิ้งงาน 7 ปีแล้วสร้างไม่แล้วเสร็จเสียที ล่าสุดมีคำชี้แจงรอผู้รับจ้างบอกเลิกสัญญาหรือจะขอทำต่อ 28 มี.ค. 66 มีคำตอบบอกชาวบ้านว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

วันที่ 24 มีนาคม 2566  นายวราพงษ์ อินต๊ะโมงค์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพิจิตร  พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต ผู้แทนนายอำเภอโพธิ์ประทับช้าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่และเครือข่ายภาคประชาชนชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตโพธิ์ประทับช้าง ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำบ้านวังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ที่ดำเนินการโดยกรมชลประทานตามสัญญาว่าจ้างด้วยงบ 231 ล้านบาทเศษ ระบุในสัญญาจ้างเริ่มงาน 15 พ.ย. 2559 สิ้นสุดสัญญา 1 ส.ค. 2562 แต่ปรากฎว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ผู้รับจ้างทำงานไม่เป็นไปตามแผนงาน ทำไป หยุดไป ล่าสุดทิ้งงานขนเครื่องจักร อุปกรณ์ ออกจากพื้นที่ก่อสร้างไปจนหมดสิ้น คิดเนื้องานที่ทำแล้วประมาณ 60% และยังมีเงินที่สามารถเบิกได้อีก 80 ล้านบาท หากทำจนแล้วเสร็จ 

โดย นายธนบดี  รักสัตย์  ผอ.สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 3 เปิดเผยว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าของโครงการอยู่ที่ 60% ซึ่งเป็นการทำงานก่อสร้างเทคอนกรีตฐานล่างที่อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินเหลือแค่เพียงงานอาคารส่วนบนและการติดบานประตูแต่ด้วยสาเหตุ เนื่องจากผู้รับเหมาเดิมขาดสภาพคล่อง รวมถึงตอนที่เข้าประมูลแข่งขันก็ฟันราคาต่ำกว่าราคากลางเกือบ 80 ล้านบาท จึงทำให้เหลือครอสต้นทุนในการทำงานเพียงแค่ 231 ล้านบาทเศษ เรียกได้ว่าในส่วนที่จะเป็นกำไรหายไปจากการฟันราคา ดังนั้นเมื่อถึงตอนดำเนินงานจริงจึงเป็นเหตุขาดสภาพคล่อง ซึ่งผู้รับเหมารายดังกล่าวสร้างปัญหาในลักษณะนี้กับงานรับจ้างของกรมชลประทานในหลายแห่ง และถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นผู้ละทิ้งงาน

แต่ในส่วนโครงการก่อสร้าง ปตร.วังจิก กรมชลประทานได้พยายามติดต่อผู้รับจ้างรายเดิมนี้เพื่อขอทราบความชัดเจนว่าจะทำต่อหรือจะยกเลิกยอมทิ้งงาน ซึ่งคงต้องรอฟังคำตอบอีกครั้งในวันที่ 28  มี.ค  2566 ซึ่งเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายกำหนดตามมาตรการบอกเลิกสัญญา ซึ่งถ้าผู้รับเหมารายเดิมแสดงเจตนาจะขอทำงานต่อก็จะมีระยะเวลาให้ทำงานได้ยาวถึง 827 วัน และจะได้เงินค่าจ้าง 80 ล้านบาทในส่วนที่เหลือ ซึ่งตรงกันข้ามหากผู้รับเหมารายเดิมทิ้งงานกรมชลประทานก็ต้องใช้ระยะเวลาหาผู้รับจ้างรายใหม่ ภายในเดือน ก.ย. 2566 เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 365 วัน

พิจิตร-กรมชลประทานจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการสร้างประตูระบายน้ำในแม่น้ำน่านแบบขั้นบันไดพิจิตรโชคดีได้เป็นลำดับแรกๆ

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นายอดิเทพ กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการประตูระบายน้ำฆะมัง ภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมประตูระบายน้ำแม่น้ำน่าน จังหวัดน่าน จังหวัดพิจิตร และจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อสรุปผลการศึกษาความเหมาะสมและผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุม โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร  โดยมีส่วนราชการเครือข่ายภาคประชาชนและกลุ่มผู้ใช้น้ำที่มีส่วนเกี่ยวข้องเกือบ 200 คน เข้าร่วมในเวทีเวนาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้  โดยมี นายพนมศักดิ์  ใช้สมบุญ  ผอ.ส่วนวางโครงการที่ 1 สำนักบริหารโครงการ , นายฉัตรชัย ทองปอนด์  ผอ.โครงการชลประทานพิจิตร , นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผอ.โครงการชลประทานนครสวรรค์ , นายธนบดี รักสัตย์ ผอ.สนง.ก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 3 กองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้และตอบข้อซักถามต่างๆ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์ให้มีประตูระบายน้ำเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำแบบขั้นบันได ซึ่งมีแผนงานการก่อสร้างทั้งหมด 7 แห่ง

จากตอนบนสุด เหนือเขื่อนสิริกิติ์ 2 โครงการ  คือ อาคารบังคับน้ำผาจา ต.แงง อ.ปัว จ.น่าน , อาคารบังคับน้ำ น้ำปั้ว-ไหล่น่าน ต.น้ำปั้ว อ.เวียงสา จ.น่าน  ด้านท้ายเขื่อนสิริกิติ์จำนวน 5 โครงการ  อาคารบังคับน้ำท้ายเมืองพิษณุโลก ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.พิษณุโลก , อาคารบังคับน้ำโคกสลุด ต.โคก สลุด  อ.บางกระทุ่ม  จ.พิษณุโลก , อาคารบังคับน้ำฆะมัง ต.ฆะมัง อ.เมืองพิจิตร ความจุกักเก็บ 24.77 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ชลประทาน 30,849 ไร่ ในพื้นที่ 2 จังหวัด 10 ตำบล 2 อำเภอ ประกอบด้วย ต.ฆะมัง ต.บ้านบุ่ง ต.ท่าหลวง  ต.ป่ามะคาบ ต.ปากทาง ต.ท่าฬ่อ ต.ไผ่ขวาง ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร  , ต.โคกสลุด และ ต. สนามคลี  อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก สามารถกักเก็บน้ำได้ 24.77 ล้าน ลบ.ม. โดยระยะทางกักเก็บน้ำในแม่น้ำน่าน 131.65 กม. ซึ่งจุดนี้มีความพร้อมที่สุดที่กรมชลประทานจะลงมือดำเนินการเป็นลำดับแรกๆ ส่วนอาคารบังคับน้ำบ้านห้วยคต ต.บางไผ่ องบางมูลนาก จ.พิจิตร , อาคารบังคับน้ำวังหมาเน่า  ต.ทับกฤช  อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ก็จะดำเนินการสำรวจศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อจะดำเนินการก่อสร้างให้ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งถ้าหากทำได้ตามเป้าหมายเกษตรกรลุ่มน้ำน่านก็จะสามารถกักเก็บน้ำในลำน้ำได้เพิ่มขึ้น อีก 152.99 ล้าน ลบ.ม. ส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 141,720 ไร่ (ในพื้นที่เดิม) และพื้นที่ชลประทานใหม่ 36,404 ไร่รวมพื้นที่ชลประทานที่จะเกิดประโยชน์ 178,124 ไร่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการนี้น่าจะใช้เวลาสำรวจและรับฟังความเห็นรวมไปจนถึงการลงมือก่อสร้างน่าจะใช้เวลาประมาณ 5-6 ปี คือประมาณปี 2572-2573 เกษตรกรคงจะได้ใช้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวนี้อีกด้วย

สิทธิพจน์ / พิจิตร / 0818872449


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top