Tuesday, 22 April 2025
กรมการข้าว

'หมอวาโย' ชี้!! งบ 'กรมการข้าว' โตผิดปกติ ซัด!! ใช้งบ 1.5 หมื่นล้านก่อนเลือกตั้ง มีนัยแปลก ๆ

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ผู้สงวนความเห็น ร่วมอภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 มาตรา 14 งบประมาณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอปรับลดงบประมาณลง 15,260 ล้านบาท ในส่วนโครงการของกรมการข้าว โดยระบุว่า เป็นกรมที่ได้รับงบประมาณโตขึ้นมากถึง 850 % ภายใน 1 ปี ซึ่งจากเดิมได้รับงบ 2,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 17,000 ล้านบาท และเมื่อไปดูว่าเพิ่มตรงไหนก็พบว่ามีโครงการหนึ่งที่ใช้งบประมาณสูงถึง 15,260 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ว่าจะให้ชาวนาร่วมกันบริหารจัดการเงิน 15,000 ล้านบาท ส่วน 260 ล้านบาทนั้นเป็นเรื่องการจัดการขั้นตอนต่างๆ และนอกจากนี้่ก็มีการตั้ง KPI ไว้ว่าเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวให้กับชาวนาที่ร้อยละ 5

นพ.วาโย กล่าวด้วยว่า โครงการนี้ได้รับคำชี้แจงจากอธิบดีกรมการข้าวว่า จะให้เงิน 3 ล้านบาท ให้กับศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 แห่ง ซึ่งเมื่อคูณตัวเลขก็จะได้ 15,000 ล้านบาทพอดี แต่ทว่าเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีศูนย์การข้าวชุมชนอยู่จริง ๆ 2,400 แห่ง ต่อมาก็ได้คำตอบจากเอกสารชี้แจงว่าจะตั้งเพิ่มอีก 2,600 แห่ง โดยให้ให้เสร็จในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งก็คืออีกไม่กี่เดือนเท่านั้น คำถามคือจะตั้งทันหรือไม่ นอกจากนี้ ความคลุมเครือนี้ก็ยังมีกรณีที่รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ซึ่งกำกับดูแลกรมการข้าวไม่เคยเห็นโครงการนี้ จึงทำให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบโดยเรียกอธิบดีมาชี้แจง แต่ทว่าอธิบดีก็ไม่เคยมาด้วยตัวเอง มีแต่การชี้แจงด้วยเอกสารเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่า โครงการนี้จะมาแทนโครงการเกษตรแปลงใหญ่ที่แจกเงินไร่ละ 1,000 บาท ให้กับเกษตรกรไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้ก็มีคำถามว่า กรมการข้าวก็เคยมีโครงการลักษณะนี้ ตอนนั้นตั้งงบประมาณ 7,275 ล้านบาท ยังดำเนินการได้แค่ 5,762 ล้านบาท และปีนี้บุคลากรเท่าเดิม แต่จะแจกเงิน 5,000 ศูนย์ คือทำงานเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จะสามารถทำทันได้อย่างไร

‘กรมการข้าว’ เตรียมแจก ‘6 พันธุ์ข้าว’ ทรงปลูกพระราชทาน ในวันพืชมงคล ปชช. ลงทะเบียนรับพันธุ์ข้าวผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้ - 3 พ.ค.66

28 เม.ย.66 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว เตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทานทั้งหมด 6 พันธุ์ จำนวน 2,244 กิโลกรัม นำเข้าพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2566 และนำไปบรรจุซองพลาสติก จำนวน 400,000 ซอง เพื่อแจกจ่ายให้ผู้สนใจและชาวนาทั่วประเทศ เพื่อเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคล 

ผู้ที่สนใจรับพันธุ์ข้าวพระราชทาน สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ https://rice.moac.go.th/ ตั้งแต่วันนี้ - 3 พฤษภาคม 2566 โดยสามารถรับพันธุ์ข้าวได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม - 16 มิถุนายน 2566 ณ จุดที่ลงทะเบียนไว้ โดยกรุงเทพมหานครรับเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานที่ อาคารที่ทำการกรมการข้าว ชั้น 1 และส่วนต่างจังหวัด รับเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมการข้าว กองเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เบอร์โทรศัพท์ 02-561-3794 และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้ง 29 แห่ง ศูนย์วิจัยข้าวทั้ง 27 แห่ง และสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี 

‘กรมการข้าว’ เดินสายติวเข้ม ‘เกษตรกร’ หวังยกระดับการผลิตข้าวแบบลดโลกร้อน

(19 พ.ย.66) นายอานนท์ นนทรีย์ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กรมการข้าว มีเป้าหมายนำเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ หรือ Modern Agriculture Technology จากงานวิจัยมาส่งเสริมเกษตรกร เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน รวมถึงเกิดการผลิตข้าวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแนวทางปฏิบัติของ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ที่เน้นให้เกิดการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ด้วยแนวทาง BCG Model 

“งานวิจัย ถือเป็นภารกิจต้นน้ำของกรมการข้าว แล้วนำมาต่อยอดในช่วงกลางน้ำ ด้วยการขยายผลนำเทคโนโลยีที่ได้มาเผยแพร่ สู่การยอมรับและนำไปใช้ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร และปลายน้ำเป็นการนำมาปรับใช้และสร้างมูลค่าเพิ่ม ดั่งคำที่ว่าตลาดนำการผลิต และทำน้อยแต่ได้มาก ล้วนแล้วแต่เป็นการนำเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่มาใช้ทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาเราจะมุ่งเน้นเพียงแค่เพิ่มของผลผลิตเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะหากการเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น แต่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการทำลายสิ่งแวดล้อมย่อมทำให้การผลิตข้าวไม่ก่อให้เกิดความยั่งยืน” นายอานนท์ กล่าว

การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง หรือ AWD นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จ ของการส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ โดยเป็นองค์ความรู้ที่กรมการข้าวได้ดำเนินการวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเสริมให้ชาวนาได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ปลูกข้าวนาชลประทาน ทั้งนี้ การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง เป็นการจัดการน้ำที่ใช้น้ำในปริมาณที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งจะใช้ประมาณ 850-900 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ต่อฤดูกาลเพาะปลูก

เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำแบบขังตลอดเวลาจะสามารถใช้น้ำลดลงได้มากถึงร้อยละ 30 แล้วยังเพิ่มผลผลิตข้าวได้อีกถึงร้อยละ10-15 ที่สำคัญเทคโนโลยีนี้ยังสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญอันก่อเกิดภาวะโลกร้อนลงได้ถึงร้อยละ 80 ทั้งนี้ตัวอย่างของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ยกมาให้เห็นนี้เป็นเพียงบางส่วนของงานวิจัยที่กรมการข้าวได้ดำเนินการ และขยายผลสู่เกษตรกรให้มีการผลิตข้าวแบบลดโลกร้อน

“กรมการข้าว ได้นำผลงานวิจัยดังกล่าว มาถ่ายทอดสู่เกษตรกร ผ่านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ‘การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว’ ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมวิสมา โฮเทล จังหวัดราชบุรี

โดยการฝึกอบรมดังกล่าว เป็นการจัดครั้งที่ 2 กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของกรมการข้าว และเกษตรกรชั้นนำภายใต้กลุ่มศูนย์ข้าวชุมชนในเขตภาคกลาง จำนวน 100 คน เข้าเรียนรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ข้าวที่มีระบบรากแข็งแรงต้านทานภัยแล้ง เทคนิคการปรับพื้นที่ให้ราบเรียบด้วยเลเซอร์ การปลูกข้าวด้วยเครื่องหยอดข้าวงอกและข้าวแห้ง การใช้โดรนฉีดพ่นทางการเกษตรให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และการใช้สารอินทรีย์รมกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บซึ่งปลอดภัยต่อคนและสภาพแวดล้อมอีกด้วย” นายอานนท์ กล่าว

‘เวฟ บีซีจี’ ผนึก ‘กรมการข้าว’ ถ่ายทอดการทำนา ‘เปียกสลับแห้ง’ หวังเพิ่มขีดแข่งขันชาวนาไทย - พร้อมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

‘เวฟ บีซีจี’ เอ็มโอยู ‘กรมการข้าว’ ร่วมมือพัฒนาองค์ความรู้และผลิตบุคลากรด้านพัฒนาพันธุ์ข้าว และกรรมวิธีการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง หวังช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิตข้าว และพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย รวมทั้งเพิ่มขีดแข่งขันบนเวทีโลก เสริมศักยภาพการส่งออก และช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เมื่อไม่นานมานี้ นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (Wave BCG) และ นายชิษณุชา บุดดาบุญ รองอธิบดีกรมการข้าว ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และผลิตบุคลากรด้านการพัฒนาพันธุ์ข้าว กรรมวิธีการเพาะปลูก เพื่อบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น

บันทึกข้อตกลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรผ่านการให้ความรู้ในการทำนาแบบเปียกสลับแห้งให้แก่เกษตรกรไทย ซึ่งวิธีการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกแบบดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิตข้าว เนื่องจากวิธีการปลูกข้าวเปียกสลับแห้งทำให้ข้าวดูดซับสารอาหารภายในดินได้ดียิ่งขึ้น และจากการปล่อยให้นาข้าวแห้งจะช่วยลดจำนวนศัตรูพืช จึงส่งผลกับผลผลิตโดยตรง

นอกจากนี้แล้วยังเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกจากการที่เป็นข้าวคาร์บอนต่ำซึ่งจะสามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น โดยทั้ง 2 ฝ่าย จะร่วมมือกันในการสนับสนุนให้แก่เกษตรกรไทยให้เข้าใจและนำวิธีการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งนี้ไปปรับใช้ เพื่อช่วยประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มศักยภาพในการส่งออกข้าว และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย

ความร่วมมือนี้ยังพิจารณาแนวทางการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และแบ่งปันองค์ความรู้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของทั้งสองฝ่ายหรือดำเนินการความร่วมมืออื่น ๆ ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน

นายเจมส์กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีพื้นที่ปลูกข้าวมากกว่า 56 ล้านไร่และมีข้าวเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศไทย ทั้งยังมีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากอินเดียและเวียดนาม ซึ่งด้วยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะส่งผลให้ประเทศไทยประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และทำให้พื้นที่นอกเขตชลประทานไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเกษตรได้ เมื่อพื้นที่ทำเกษตรกรรมหายไป นั่นหมายความว่าปริมาณข้าวที่ถูกใช้เพื่อบริโภคและส่งออก และข้าวยังเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย เช่น อาหารแปรรูป อาหารสัตว์ อุตสาหกรรมแป้ง เป็นต้น ด้วยสถานการณ์ข้างต้นที่กล่าวมาทำให้บริษัทเวฟ บีซีจี จำกัด ตระหนักว่าการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกข้าวจากวิธีการปกติเป็น การปลูกแบบเปียกสลับแห้ง เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และยังต้องการความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้บริษัทเวฟ บีซีจี เป็นบริษัท climate ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้องค์กรวางแผนในการลดการปล่อยก๊าซเรื่อนกระจก ผู้พัฒนาโครงการเพื่อได้มาซึ่ง Carbon Credit ผู้จัดหา Carbon Credit ให้บริษัททั้งในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังลงทุนในนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Tech

ส่วนทางด้านกรมการข้าว เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจ ในการส่งเสริมและสนับสนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และคุณภาพผลผลิตข้าวพัฒนาศักยภาพชาวนา และองค์กรชาวนาให้เข้มแข็ง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการผลิตข้าว และเครื่องจักรกลการเกษตร ส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าข้าว ผลผลิตภัณฑ์แปรรูป และผลพลอยได้จากข้าววิจัยและพัฒนารูปแบบบูรณาการด้านการผลิต การแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ข้าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top