Friday, 6 June 2025
WTO

'จีน' สั่งแบน!! ปลาเก๋านำเข้าจากไต้หวัน ฟากรัฐบาลไทเปสู้กลับ ขู่ฟ้อง WTO

ความตึงเครียดระหว่างจีน และไต้หวัน ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง และเมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย. 65) ที่ผ่านมา กรมศุลกากรจีนแถลงว่า ตรวจพบสาร Oxytetracycline ในปลาเก๋าที่นำเข้าจากไต้หวัน ซึ่งเป็นสารเคมีต้องห้าม ทำให้ทางการจีนออกคำสั่งแบนการนำเข้าปลาเก๋าจากไต้หวันทันที มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในไต้หวัน เนื่องจากพอทางการไต้หวันได้นำปลาเก๋ามาตรวจเอง ก็ไม่พบสารเคมีอันตราย หรือต้องห้ามแต่อย่างใด และเชื่อว่าคำสั่งห้ามนำเข้าปลาเก๋าจากไต้หวันของจีน จึงน่าจะเป็นการกดดันทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนก็เคยแบนผลผลิตทางการเกษตรของไต้หวันมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่สับปะรด และแอปเปิ้ล ที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อจากไต้หวัน ที่จีนสั่งห้ามนำเข้าและตีกลับทั้งล็อต จนรัฐบาลไทเปต้องเร่งออกแคมเปญขนานใหญ่ ทำการตลาดหาผู้ซื้อรายใหม่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และมาคราวนี้เป็นปลาเก๋า ที่เพาะเลี้ยงจากบ่อในไต้หวันอีก

แม้ว่าปลาเก๋าไต้หวันกว่า 90% จะบริโภคกันเองในประเทศเป็นหลัก และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ส่งออก ทำให้ผลกระทบกับตลาดปลาเก๋าไต้หวันค่อนข้างน้อย แต่ทว่าจำนวนปลาเก๋าที่ส่งออกทั้งหมดนั้น ถูกส่งเข้าตลาดจีนถึง 90% หรือคิดเป็นปริมาณถึง 6 พันตันต่อปี

นั่นจึงสร้างปัญหาให้แก่ผู้ส่งออกชาวไต้หวันไม่น้อย ที่ต้องเร่งหาตลาดแหล่งใหม่ระบายปลาเก๋าในส่วนของตลาดจีนโดยทันที 

'บิ๊กตู่-ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค' สนับสนุน WTO ผลักดันการค้าพหุภาคีรูปแบบใหม่ 'เปิดกว้าง-สมดุล-ยั่งยืน'

(19 พ.ย.65) ที่ห้อง Plenary Hall 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 รูปแบบ Retreat ช่วงที่ 2 หัวข้อ 'การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน' ภายหลังเสร็จสิ้น นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การค้าและการลงทุนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคและโลก การค้าและการลงทุนถือเป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือในเอเปค โดยองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่เอเปคสนับสนุน และสนับสนุนมาโดยตลอด คือ ระบบการค้าพหุภาคี มี WTO เป็นแกนหลัก ทั้งนี้ เอเปคสามารถมีบทบาทในฐานะแหล่งบ่มเพาะทางความคิด โดยร่วมกันหาทางออกใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่างๆ อาทิ ความครอบคลุม ความยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล

การสนับสนุนสำคัญอย่างหนึ่งของเอเปคในระบบการค้าพหุภาคี คือ การขับเคลื่อนวาระเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia- Pacific: FTAAP) ที่ในปีนี้มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยจัดทำแผนงานต่อเนื่องหลายปี เพื่อขับเคลื่อนวาระเรื่อง FTAAP ต่อไป ซึ่งจะช่วยสร้างศักยภาพและเตรียมเศรษฐกิจให้พร้อมสำหรับยุคหน้า รวมถึงประเด็นการค้าและการลงทุนยุคใหม่ เช่น ความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล การค้า และสาธารณสุข

ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นว่า นอกจากจะต้องดำเนินการตามแผนงานต่อเนื่องแล้ว ยังต้องคำนึงถึงขั้นตอนต่อไปด้วย โดยปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยรับมือและให้ฟื้นตัวจากโควิด-19 รวมทั้งยังสนับสนุน MSMEs ที่ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโต ให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกและห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ยังขยายการเข้าถึงและสร้างโอกาสให้กับสตรี เยาวชน ตลอดจนในชนบทและพื้นที่ห่างไกล อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ยังคงมีช่องว่างอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องลดช่องว่างด้านดิจิทัลและเสริมพลัง เพื่อสร้างหลักประกันให้กับคนทุกกลุ่ม

จีนแต่งตั้ง ‘หลี่ เฉิงกัง’ อดีตทูตฯ WTO ตัวแทนเจรจาการค้าคนใหม่ แทนที่ ‘หวัง โซ่วเหวิน’ รับมือศึกภาษีเดือดกับสหรัฐฯ

(17 เม.ย. 68) รัฐบาลจีนประกาศแต่งตั้ง นายหลี่ เฉิงกัง (Li Chenggang) วัย 58 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่ง รองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และ ตัวแทนเจรจาการค้าระหว่างประเทศคนใหม่แทนที่ นายหวัง โซ่วเหวิน (Wang Shouwen) ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

การเปลี่ยนตัวผู้เจรจาเกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งสองชาติมหาอำนาจกำลังเผชิญภาวะ “สงครามภาษี” ครั้งใหม่ โดยรัฐบาลวอชิงตันภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทยอยขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจนรวมสูงถึง 145% ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ สูงสุดถึง 125%

หลี่ ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานด้านการค้าระหว่างประเทศมาอย่างยาวนาน และเคยดำรงตำแหน่งทูตประจำ องค์การการค้าโลก (WTO) ได้รับการมองว่าเป็นบุคคลที่มีศักยภาพในการคลี่คลายความตึงเครียด และอาจนำพาการเจรจาให้เดินหน้าต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถูกมองว่ามาอย่างกะทันหัน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการค้ารายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่า “การเปลี่ยนแปลงนี้กะทันหันมาก และอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทิศทางการเจรจา โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ตึงเครียดในปัจจุบัน” 

ผู้เชี่ยวชาญรายดังกล่าวยังระบุเพิ่มเติมว่า นายหวัง โซ่วเหวิน มีบทบาทสำคัญในการเจรจากับสหรัฐฯ มาตั้งแต่ยุคทรัมป์ชุดแรก และการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ของจีน

อัลเฟรโด มอนตูฟาร์-เฮลู ที่ปรึกษาอาวุโสจากศูนย์จีนของ Conference Board วิเคราะห์ว่า “อาจเป็นไปได้ว่าในมุมมองของผู้นำระดับสูงของจีน เนื่องจากความตึงเครียดที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต้องการคนอื่นมาคลี่คลายความขัดแย้ง... และเริ่มการเจรจาในที่สุด”

ขณะที่นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจไม่ได้มีนัยทางการเมืองมากนัก โดยมองว่า “อาจเป็นเพียงการเลื่อนตำแหน่งแบบปกติที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตึงเครียดเป็นพิเศษ”

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีเหอ หลี่เฟิง ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะเจรจาการค้าระดับสูงของจีน และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

ด้าน ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ระบุว่าสหรัฐฯ “พร้อมเจรจาข้อตกลงการค้า” กับจีน แต่ต้องการให้ 'ปักกิ่งเป็นฝ่ายเริ่มก่อน' ท่ามกลางแรงกดดันจากภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่ต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

‘ศุภชัย’ ชู!! WTO เวทีกลาง เจรจา ประเทศมหาอำนาจ ‘สหรัฐฯ - จีน’ แนะ!! ไทย รักษาพื้นที่การคลัง เร่งเจรจาตลาดใหม่ รับมือความไม่แน่นอน

(3 พ.ค. 68) ในงาน MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNTCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'New World Order รับมือระเบียบโลกใหม่' ว่าปัจจุบันโลกมีความไม่แน่นอนมีสูงมากในขณะนี้เรากำลังมี 'new world order' ใหม่ที่เกิดขึ้นจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งบางคนมองว่าอาจจะเป็นภาวะที่เรียก new word disorder ที่มีความสับสนเพราะว่าโลกแบ่งออกเป็นหลายขั้วจึงต้องมีการเจรจาต่อรองโดยในโลกสมัยนี้เป็นโลกที่มีหลายขั้ว (multi polar world) สหรัฐ จีนรัสเซีย และยังมีขั้วของโลกเกิดใหม่อย่างเช่นอินเดีย อาเซียน อินโดนีเซีย เป็นอำนาจที่ไม่ได้มีใครเหนือใครแต่ต้องมาแบ่งปันและแชร์กัน

การที่มีความระส่ำระสายในระดับโลกนั้นเกิดขึ้นจากการที่ระเบียบและการค้าโลกแบบเดิมถูกสั่นคลอน สหรัฐฯเคยเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนที่ดูแลระบบโลกทั้งหมดได้แต่ในขณะนี้ไม่ใช่แล้ว ในเรื่องทางเศรษฐกิจนั้นก็ต้องยอมรับว่าสหรัฐฯนั้นถดถอยลงไปมาก จุดเริ่มต้นนี้มาจากการที่ประเทศอย่างจีนเข้ามาเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) สัดส่วนการค้าของสหรัฐฯโลกลดลงอย่างมาก ปัจจุบันสหรัฐฯมีสัดส่วนการค้าโลกประมาณ 8% ขณะที่จีนขึ้นมาเป็น 15-16% จีนกลายเป็นประเทศที่ส่งออกใหญ่ที่สุดของโลกสหรัฐกลายมาเป็นเบอร์ 2

สหรัฐยังมีปัญหาในเรื่องของระบบการเงิน โดยเห็นได้จากวิกฤตซับไพรม์หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ที่จะสะท้อนว่ามีปัญหาระดับวิกฤตในระบบการเงินของสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังมีอีกหลายวิกฤตที่ทำให้เกิดคำถามถึงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การยึดไครเมียจากยูเครนในปี 2014 การเปิดเส้นทางสายไหมใหม่ (BRI)ของจีน ในปี 2016  ที่จีนสามารถค้าขายไปยุโรปและทั่วโลก การระบาดของโควิด 19 ในช่วงปี 2019 -2022 ซึ่งประเทศที่มีการลงทุนในสาธารณสุขมากมายมหาศาลอย่างสหรัฐฯมีความเสียหายเกิดขึ้นมาก

และในปี 2025 ในปัจจุบัน ที่เริ่มสงคราม AI  เมื่อจีนมีการเปิดตัว deep seeks ที่เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ที่สำคัญของจีน ลงมา ลงทุนน้อยกว่าสหรัฐฯมากแต่ว่ามีประสิทธิภาพกว่า

ดร.ศุภชัย กล่าวว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเวทีพหุภาคีทั้งหลายยังคงต้องเป็นความหวังให้การพูดคุยกันระหว่างประเทศต่างๆ เกิดขึ้นได้ เพื่อประคับประคองระบบต่างๆของโลกให้กลับไปสู่ภาวะปกติมากที่สุด ต้องเข้ามาดูแลปัญหาเรื่องพวกนี้พยายามลดอุณหภูมิไม่ให้ร้อนแรงไปมากกว่านี้ 

ทั้งนี้ได้มีการหารือกันในเวที WTO ว่าบทบาทของ WTO ในการเข้ามาเป็นเวทีในการพูดจาเรื่องนี้ ซึ่ง WTO ควรจะมีบทบาทในการเป็นเวทีกลางในการเจรจา โดยก่อนหน้านี้เราเคยมีวาระที่คุยกันเป็นรอบๆ ในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การประชุมรอบเคนเนดี (Kennedy round) หรือว่าการประชุมรอบอุรุกวัย (Uruguay round) ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจจะเป็นเวทีที่เป็นรอบที่เป็นการพูดคุยกันเรื่องนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ (Trump round) ซึ่งว่าด้วยเรื่องของภาษีอากร ที่สำคัญเมื่อเราคุยกับอเมริกาแล้วเราก็ต้องคุยกับจีนได้ด้วยจะต้องคุยกับทั้งสองฝ่าย

สำหรับข้อเสนอของประเทศไทยในการรับมือกับสถานการณ์ที่โลกเผชิญความไม่แน่นอนสูงมี 5 เรื่อง ได้แก่

1.เจรจากับตลาดอาเซียน และหาโอกาสการค้าในตลาดเกิดใหม่ โดยในปัจจุบันสหรัฐฯนั้นมีสัดส่วนการค้าโลกประมาณ 8% ขณะที่อาเซียนเราอยู่ในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพและมีตลาดที่รวมกันทั่วโลกมีขนาด 30 -40 % ของการค้าโลก ซึ่งตอนนี้ไทยและอาเซียนควรต้องคุยกัน หาจุดร่วมกัน ไม่ควรใช้การกีดกันการค้า หรือดัมพ์ตลาดสินค้าใส่กัน เพราะจะเป็นการแก้ปัญหากำแพงภาษีกับสหรัฐฯแต่ก็จะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา  

2.ในระยะยาวต้องมีการแก้ปัญหาโครงสร้างการผลิต เรื่องนี้ต้องไม่ละทิ้ง เพราะในยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี ได้มีการบอกว่าเราต้องทำอะไร ที่สำคัญมีเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือเราเดินทางสายกลางและมีภูมิคุ้มกันในขณะนี้เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันมากในทางของเศรษฐกิจ เมื่อมีความไม่แน่นอน เราต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ได้ในการรักษาเนื้อรักษาตัวของเรา เราต้องลงทุนในภาคของเศรษฐกิจ สังคม เรื่องสุขอนามัย การศึกษา พลังงานทดแทน เศรษฐกิจสีเขียวซึ่งเป็นการลงทุนใหม่ๆ ที่จะสร้างความต้องการในประเทศ ดูแลเศรษฐกิจภายในและให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุ สร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตโดยไม่ต้องไปทำโครงการขนาดใหญ่ทั้งนี้หากจะสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ควรจะเป็นคอมเพล็กซ์เพื่อสุขภาพ กระจายไปในภาคต่างๆ เพื่อรองรับสังคมสูงอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการมากขึ้น

3.ประเทศไทยต้องมีการรักษาพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่อยู่ในมือของกระทรวงการคลังเป็นสิ่งที่เราต้องมี เราต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ได้พยายามอย่าให้มีการใช้จ่ายหรือกู้เงินในส่วนที่ไม่จำเป็น เพราะอีกไม่นานนี้อาจจะต้องมีโครงการที่เป็นการใช้เงินขนาดใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า ดังนั้นทางการคลังก็ต้องมีการดูแลตรงนี้ให้มาก

4.แก้ปัญหาและอุปสรรคที่มาใช่ภาษี โดยในรายงานของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เขียนถึงประเทศไทยยาวมาก แต่เขียนเรื่องภาษีไว้นิดเดียว เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องของกฎระเบียบศุลกากร กฎระเบียบทางกฎหมาย กฎระเบียบตรวจสินค้า ที่ซับซ้อน เราต้องดูว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับคู่ค้า

5.แก้ปัญหาการลงทุนที่มีการสวมสิทธิ์ส่งออกสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สหรัฐฯเพ่งเล็ง เพราะว่านโยบายของทรัมป์ในขณะนี้ต้องการให้เกิดแรงกระแทกมายังยุทธศาสตร์ China Plus1 ของจีนที่ย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามการค้ารอบแรก เห็นได้จากการที่บริษัทผลิตโซลาร์เซลล์จากไทยที่ส่งไปขายสหรัฐฯเจอภาษีไป 300% เพราะเขารู้ว่าโรงงานนี้ย้ายจากจีนมาลงทุนเพื่อหลบภาษีที่เขาขึ้นกับจีนแล้วส่งสินค้าไปขยายยังสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้ต้องฝากกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่จะมีการออกมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อป้องกันการผลิตที่สวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดจากไทยแล้วส่งออก

‘พิชัย’ ถกอาเซียน-จีน-ญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย-นิวซีเเลนด์ จับมือลดความเสี่ยงการค้า ชู WTO เป็นกลไกลฟื้นเศษรฐกิจ

(25 พ.ค. 68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ว่า ทุกฝ่ายยืนยันสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กลไกขององค์การการค้าโลก (WTO) พร้อมร่วมกันหลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้ทางการค้าและยึดมั่นในความเป็นกลางทางเศรษฐกิจ

ที่ประชุมยังเห็นพ้องร่วมกันเร่งส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างสมดุล มุ่งพัฒนาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะการยกระดับความตกลงอาเซียน–จีนภายในปี 2567 เพื่อขยายความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

สำหรับความร่วมมือกับญี่ปุ่น ไทยได้เสนอให้ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อผลักดันให้อาเซียนเป็นฐานการผลิตระดับโลก ส่วนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่ประชุมเห็นพ้องให้เร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ฉบับปรับปรุง โดยเน้นเศรษฐกิจหมุนเวียน พลังงานสะอาด และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเซียนในปี 2567 ด้วยมูลค่าการค้ากว่า 770,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อยู่ในอันดับ 3, 6 และ 10 ตามลำดับ สะท้อนบทบาทสำคัญของอาเซียนในเศรษฐกิจภูมิภาคและโลกอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top