'ทรัมป์' ลั่นสร้างยุคทองของอเมริกา ประกาศชัยชนะเหนือแฮร์ริส คว้าเก้าอี้ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47
(6 พ.ย.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีประกาศชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังผลการนับคะแนนเบื้องต้นชี้ว่า เขาในฐานะผู้สมัครจากพรรครีพับลิกกันมีคะแนนนำนางกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตแบบทิ้งห่างกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยนายทรัมป์ได้กวาดคะแนนเสียงในรัฐสำคัญทั้ง จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา และฟลอริด้า ได้ทั้งหมด ทำให้คามาลา แฮร์ริส แคนดิเดตพรรคเดโมแครตเหลือโอกาสน้อยลงทุกทีในการคว้าชัยชนะ เนื่องจากขณะนี้ทรัมป์มีคะแนนนำในสะวิงสเตตอีก 3 รัฐที่เหลือ ขณะที่คะแนนรวมขณะนี้อยู่ที่ 195 ต่อ 266 เรียกได้ว่าทรัมป์ใกล้คว้าชัยเต็มทีที่ต้องการคะแนน 270 เสียง
ในการขึ้นเวทีอ้างชัยชนะ นายทรัมป์กล่าวกับบรรดาผู้สนับสนุนเขาที่มารวมตัวกันที่ศูนย์ประชุมปาล์มบีช เคาน์ตี้ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ในรัฐฟลอริดา ว่า
“ผมขอขอบคุณประชาชนชาวอเมริกันสำหรับเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 และประธานาธิบดีคนที่ 45 ของท่าน” ทรัมป์กล่าวต่อผู้สนับสนุนที่ศูนย์ประชุมในเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา โดยมีครอบครัวและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทีมหาเสียงของเขายืนเคียงข้าง
“เราจะช่วยเยียวยาประเทศของเรา … เราจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศของเรา” ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า “เราสร้างประวัติศาสตร์ในค่ำคืนนี้เพื่อเหตุผลบางอย่าง … นี่จะเป็นยุคทองของอเมริกาอย่างแท้จริง”
ในระหว่างที่นายทรัมป์กล่าวปราศรัย เขายังได้กล่าวยกย่องนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เจ้าของเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ที่ทุ่มเงินราว 120 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุนการหาเสียงของนายทรัมป์ โดยนายทรัมป์กล่าวว่า เขาจะแต่งตั้งนายทรัมป์ให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการด้านประสิทธิภาพของรัฐบาล
Foxnews สื่อสายอนุรักษนิยมถือเป็นสื่อแรกที่ออกมาประกาศว่าทรัมป์เป็นผู้คว้าชัยและจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 และเป็นบุคคลที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 ที่ไม่ต่อเนื่องกัน
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าแฮร์ริสจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้สนับสนุนของเธอในคืนวันอังคารที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดในวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเธอเป็นศิษย์เก่า แต่แฮร์ริสเลือกตัดสินใจที่จะไม่กล่าวสุนทรพจน์ในวันดังกล่าว และจะเลื่อนไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันพุธแทนเพื่อรอความชัดเจนของผลคะแนน
