Monday, 16 June 2025
TheStatesTimes

เปิดเรื่องราวการแข่งขันของสองมหาเศรษฐีอันดับ 1 และ 2 ของโลก อีลอน มัสก์ และ เจฟฟ์ เบโซส์ ที่นอกจากความร่ำรวย พวกเขายังแข่งกันสร้างอาณาจักรนอกโลกอีกด้วย

ข่าวยืนยันล่าสุดรับปี 2021 อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง Space X ขึ้นแท่นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นที่เรียบร้อย ด้วยทรัพย์สินที่เขาครอบครองในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 1.85 แสนล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 5.55 ล้านล้านบาท เบียดแซง เจฟฟ์ เบโซส์ เจ้าพ่อ Amazon คู่แข่งคนสำคัญ ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 1.84 แสนล้านเหรียญ

สิ่งที่ทำให้ อีลอน มัสก์ มาถึงจุดสูงสุดนี้ได้ เนื่องจากปีที่ผ่านมา มูลค่าของ Tesla พุ่งทะยานถึง 7 แสนล้านเหรียญ ทำให้ Tesla กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงกว่า โตโยต้า โฟล์คสวาเกน ฮุนได GM และ ฟอร์ด รวมกัน

ซึ่ง อีลอน มัสก์ ไม่ได้ตื่นเต้นกับตำแหน่งที่คนทั้งโลกใฝ่ฝันเลยแม้แต่น้อย แค่โพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ก็แปลกดี” และ “ไปทำงานต่อได้แล้ว” แค่นั้น จบ! แยก! เป็นทัศนคติที่มักพบเจอในมหาเศรษฐีระดับโลก ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อผลสำเร็จในการทำงานมากกว่ามูลค่าของเงินในกระเป๋า

แต่สิ่งที่ทำให้ชาวโลกสนใจยิ่งกว่าอันดับของความมั่งคั่ง คือการขับเคี่ยวกันมาอย่างสูสีราวกับแข่งเรือยาว ระหว่าง 2 อภิมหาเศรษฐีระดับโลก อีลอน มัสก์ และ เจฟ เบโซส์ ที่ไม่ใช่แค่การแข่งกันรวย แต่แข่งกันเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดของความฝันของตัวเอง ที่ไม่หยุดอยู่เพียงแค่บนโลกอีกต่อไป

เบื้องหลังความสำเร็จของคู่แข่งตลอดกาลอย่าง อีลอน มัสก์ และ เจฟฟ์ เบโซส์ เริ่มต้นจากความคลั่งไคล้ในอินเตอร์เน็ต เทคโนโลยี และใช้โอกาสในช่วงยุคธุรกิจดอทคอมเฟื่องฟู โดย เจฟฟ์ เบโซส์ ได้ก่อตั้งร้านหนังสือออนไลน์ ทื่ชื่อว่า Amazon ในปี 1993 จนขยายตัวกลายเป็นธุรกิจค้าปลีกที่สามารถทำรายได้มากกว่า 2.8 แสนล้านเหรียญในแต่ละปี

ด้านอีลอน มัสก์ ก็ตัดสินใจยกเลิกแผนการเรียนปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพื่อมาลุยธุรกิจออนไลน์ของตัวเอง ด้วยการตั้งเว็บ Zip2 ในปี 1995 ที่สามารถขายต่อให้ Compaq ได้ถึง 300 ล้านเหรียญ และนำเงินมาลงทุนสร้างเว็บไซต์ X.com ในปี 1999 ที่ให้บริการด้านการเงินออนไลน์ ซึ่งได้ควบกิจการร่วมกับ Confinity และพัฒนากลายเป็น Paypal ในเวลาต่อมา

ในปี 2008 อีลอน มัสก์ ได้เข้ามารับตำแหน่ง CEO พ่วงผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับบริษัทรถยนต์ Tesla ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นผู้นำด้านยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด และยั่งยืน ที่จะเป็นทิศทางของรถยนต์แห่งโลกอนาคต และเขาก็ทำได้จริง ๆ ในปัจจุบัน Tesla เป็นรถยนต์แบตเตอรี่ที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก มีส่วนแบ่งตลาดถึง 17% ทำรายได้ให้กับบริษัทถึง 3.33 หมื่นล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา

แม้จะเริ่มต้นจับธุรกิจที่ต่างกัน แต่ทั้ง อีลอน มัสก์ และ เจฟฟ์ เบโซส์ มีความฝันอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือ การมุ่งหน้าสู่อวกาศ

ธุรกิจสู่อวกาศนี้ เจฟฟ์ เบโซส์ ได้ออกตัวก่อนด้วยการก่อตั้ง Blue Origin ในปี 2000 ด้วยทุนที่ได้จากความสำเร็จของ Amazon.com ของเขา ซึ่ง เจฟฟ์ เบโซส์ ตั้งเป้าหมายของ Blue Origin ไว้ว่า ต้องการสร้างสถานีอวกาศนอกโลก ที่จะกลายเป็นเมืองอวกาศของมนุษยชาติในอนาคต โดยที่ เจฟฟ์ ต้องการให้โครงการเขาเติบโตอย่างค่อยเป็น ค่อยไป ไม่ได้ตั้งเป้าที่จะแข่งกับใครจนกระทั่งการมาถึงของคู่แข่งที่มาแรงที่สุดก็คือ SpaceX

ในขณะที่ เจฟฟ์ เบโซส์ ต้องการสร้างเมืองทางเลือกให้กับมนุษยชาตินอกโลก อีลอน มัสก์ ฝันไกลกว่านั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร โดยเขาใช้เงินทุนที่ได้กำไรจากธุรกิจ Paypal มาลงทุนก่อตั้ง SpaceX สร้างยานขนส่งอวกาศเอกชน ที่จะพามนุษย์มุ่งสู่อวกาศ

ในช่วงที่ทำโครงการใหม่ ๆ ทั้งเจฟฟ์ เบโซส์ และ อีลอน มัสก์ ก็ยังมีนัดคุยปรึกษากันถึงโครงการสร้างอาณานิคมมนุษย์ในจักรวาลอยู่เลย จนกระทั่งเกิดเรื่องบาดหมางกันในการขอสัมปทานใช้ฐานปล่อยยานของ NASA ในปี 2013 โดยที่ อีลอน มัสก์ ต้องการได้สัญญาการใช้ฐานปล่อยยานของ NASA ที่เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะของ SpaceX เจฟฟ์ เบโซส์ ยื่นคำคัดค้านถึงรัฐบาลสหรัฐ เนื่องด้วยฐานปล่อยยาน NASA ควรเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนที่พัฒนายานอวกาศทั่วไปได้ใช้

ด้านอีลอน มัสก์ ไม่ยอม และยังแซะ เจฟฟ์ เบโซส์ ว่าจะจองฐานปล่อยยานล่วงหน้าไว้ทำไมให้กับบริษัทที่พัฒนายานอวกาศกว่า 10 ปีแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ และในที่สุด SpaceX ก็ได้สิทธิ์สัมปทานฐานปล่อยยานของ NASA เฉพาะสำหรับยานของ SpaceX

ต่อมา เจฟฟ์ เบโซส์ พยายามยื่นสิทธิบัตรยานโดรนที่ใช้ในการจอดยาน Rocket Booster ของ Blue Origin อีลอน มัสก์ ยื่นคัดค้านหาว่า ยานโดรนนี้ เป็นเทคโนโลยีเก่า ที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้ ไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ ซึ่งศาลสหรัฐเข้าข้าง SpaceX ในกรณีนี้

หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า ทั้งอีลอน มัสก์ และ เจฟฟ์ เบโซส์ มักจะแซะกันไปมาผ่านทางทวิตเตอร์ หรือ การให้สัมภาษณ์ จนเป็นที่จับตาของชาวโลกว่า ความศรศิลป์ไม่กินกันระหว่างอภิมหาเศรษฐีเบอร์ 1 และ เบอร์ 2 ของโลกจะจบลงแบบไหน

จนกระทั่งมาในวันนี้ ที่อีลอน มัสก์ ได้ขึ้นแท่นเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก แซงเจฟฟ์ เบโซส์ ที่เคยครองตำแหน่งนี้มานานถึง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2017 จึงเรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย ว่าอีลอน มัสก์ จะไปไกลได้ถึงไหน ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาบอกแล้วว่า อีลอน มัสก์ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ มากไปกว่างานพัฒนาเทคโนโลยีของเขา ที่ทำให้เขาภาคภูมิใจในตัวเองมากกว่าทรัพย์สินเงินทองล้นฟ้าที่เขาหาได้

และนี่ก็คือเรื่องราว เส้นทางสู่ความเป็นมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก อีลอน มัสก์ ผู้ที่ประกาศความฝันว่าเขาต้องไปดาวอังคารก่อนตายให้ได้นั่นเอง


แหล่งข่าว

https://www.bbc.com/news/technology-55578403

https://edition.cnn.com/2021/01/07/investing/elon-musk-jeff-bezos-richest-person/index.html

https://www.businessinsider.com/jeff-bezos-elon-musk-rivalry-history-timeline-2020-7#the-feud-isnt-just-about-space-ambitions-however-musk-has-taken-issue-with-blue-origins-hiring-practices-and-has-taunted-bezos-in-interviews-7

https://www.businessinsider.com/elon-musk-jeff-bezos-fights-disagreements-insults-list-2019-6

กระทรวงการท่องเที่ยว หารือข้อสรุปให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เลื่อนการจองได้โดยไม่เสียสิทธิ ภายในระยะเวลา 6 เดือน - 1 ปี โดยสถานประกอบการ หรือ โรงแรมรับเรื่องไว้ก่อนและจะดำเนินการในระบบของธนาคารกรุงไทยต่อไป

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวได้นัดสมาคมโรงแรมไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว มาหารือถึงแนวทางการเลื่อนจองห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยจากการหารือก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถเลื่อนการจองได้โดยไม่เสียสิทธิ ภายในระยะเวลา 6 เดือน - 1 ปี โดยสถานประกอบการ หรือ โรงแรม รับเรื่องไว้ก่อนและจะดำเนินการในระบบของธนาคารกรุงไทยต่อไป ภายหลังธนาคารได้ดำเนินการปรับปรุงระบบแล้ว

ขณะเดียวกันทางสมาคมโรงแรมไทย ยังยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือเพิ่มเติม ทั้งการขอให้ช่วยจ่ายค่าจ้างให้แรงงานในภาคการท่องเที่ยวคนละครึ่งจำนวนเงินไม่เกิน 7,500 บาท เป็นเวลา 12 เดือน มาตรการพักชำระหนี้, มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบของผู้ใช้ไฟฟ้า ประเภทที่ 5 กิจการเฉพาะอย่าง (ธุรกิจโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย) โดยขอให้ลดค่าไฟฟ้า 15% ต่อหน่วย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวจะนำข้อเสนอทั้งหมดเข้าหารือในที่ประชุมครม.วันที่ 12 ม.ค.นี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า "ททท.ได้คุยกับสมาคมโรงแรม ให้รีบแจ้งไปถึงสมาชิกทุกคนให้ร่วมกันช่วยเหลือผู้ที่จองห้องพักในโครงการแล้วต้องการจะยกเลิกหรือเลื่อนเวลาการจองออกไป โดยให้ทุกโรงแรมรับการเลื่อนจองของประชาชนเอาไว้ก่อน โดยอาจจดเป็นรายละเอียดหลักฐานเอาไว้ เพราะตอนนี้ระบบกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง ยังไม่สามารถทำการเลื่อนผ่านระบบได้ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาขึ้นภายหลัง ททท.พร้อมรับผิดชอบแทน โดยเฉพาะเงินส่วนต่างที่โรงแรมจะได้รับ 40% จากรัฐบาล"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิด ในพื้นที่สีแดง 28 จังหวัด ทั้งการพักหนี้ และการปล่อยสินเชื่อผ่านธนาคารของรัฐ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 12 ม.ค.64 พิจารณาเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือทั้ง การพักหนี้ เช่น การพักเงินต้นไว้ก่อน โดยจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย หรือลดการจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน ซึ่งจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม

รวมไปถึงการปล่อยสินเชื่อ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในพื้นที่เสี่ยง 28 จังหวัด รวมถึงใน 5 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด

นายอาคม กล่าวถึงแนวทางการออกมาตรการมาช่วยเหลือประชาชน 40 ล้านคน ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ว่า "ล่าสุดกำลังการพิจารณารายละเอียด สามารถทยอยออกมาได้ หลังจากออกมาตรการทางการเงินแล้ว ส่วนรูปแบบการเยียวยานั้น ต้องดูให้ละเอียด เนื่องจากลักษณะเป็นการดูแลเฉพาะกลุ่ม พร้อมประเมินสถานการณ์แพร่ระบาว่าจะยาวนานแค่ไหนด้วย"

โครงการ ‘Apple Car’ หนึ่งในอภิมหาโปรเจ็คของแอปเปิล ที่มีข่าวลือมานานหลายปี อาจใกล้ความเป็นจริงในเร็วๆ นี้ หลัง Hyundai ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ได้เจรจาเบื้องต้นกับทาง Apple เสนอตัวเป็นฐานการผลิตให้แล้ว

โครงการรถ Apple Car ของ แอปเปิล อิงค์ ถูกลือมานานหลายปี ว่าบริษัทแห่งนี้ ซุ่มพัฒนาโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง โดยโครงการดังกล่าวมีชื่อว่า Project Titan เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2557 แต่ในช่วงที่ผ่านมา กลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และทาง Apple ยังไม่ได้เปิดเผยความคืบหน้าโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด

นั่นเพราะ การพัฒนาโครงสร้างรถยนต์ เป็นสิ่งที่ทาง Apple เองไม่มีความถนัดนัก ซึ่งในส่วนที่เป็นโครงสร้างรถยนต์อาจจะต้องหาพาร์ทเนอร์มาผลิตให้นั่นเอง

กระทั่ง เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า Apple กำลังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์โดยสารภายในปี 2567 ซึ่งอาจรวมถึงการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่เรียกว่า Monocell ซึ่งมีการคิดค้นขึ้นมาใหม่ด้วย

ล่าสุด มีรายงาน Hyundai แบรนด์รถยนต์ชั้นนำของเกาหลีใต้ กำลังเจรจาเบื้องต้นกับทาง Apple ถึงความเป็นไปได้ ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ ให้กับทาง Apple

Hyundai Motor ของเกาหลีใต้ เปิดเผยแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา โดยระบุว่า บริษัทกำลังเจรจาในขั้นต้นกับบริษัทแอปเปิล อิงค์ของสหรัฐ

ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้น ภายหลังจากที่โคเรีย อีโคโนมิก เดลี รายงานว่า ทั้งสองบริษัทกำลังเจรจากันเพื่อร่วมมือกันในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรีรถยนต์

แม้ในแถลงการณ์ ของ Hyundai Motor จะไม่มีความชัดเจนมากนัก มีเพียงข้อความว่า “แอปเปิลและฮุนไดกำลังหารือกัน แต่เป็นการหารือในขั้นต้น และยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ”

แต่จากข่าวดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นฮุนไดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ทะยานขึ้นถึง 24% ช่วงเช้าวันศุกร์ ก่อนจะลงมาเหลือบวก 19% ช่วงปิดตลาดการซื้อขาย

จากราคาหุ้นที่ตอบรับกับข่าวการเจรจาของ 2 บริษัท สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า ดีลนี้มีความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นจริง นั่นเพราะก่อนหน้านี้ Apple ก็มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์มาก่อนแล้วในบริการ CarPlay ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ของ Apple สำหรับการเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับยานพาหนะ ของผู้ผลิตรถยนต์หลายราย

หาก Apple จะทำรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองอย่างจริงจริง และต้องการก้าวตามคู่แข่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้ทัน การจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ Apple ไม่ควรมองข้าม ถ้าต้องการให้ Apple Car ออกมาโลดแล่นบนท้องถนนโดยเร็วที่สุด


อ้างอิง :

https://www.reuters.com/article/idUSKBN29D02E

รองนายกรัฐมนตรี ‘จุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์’ เสนอใช้งบ 2.56 พันล้าน เตรียมพร้อมรับสังคมสูงวัย ภายใต้ 4 แนวทางหลัก สร้างความรู้สู่สังคมสูงวัย, เสริมทักษะอาชีพ, พัฒนาเครือข่ายการคุ้มครองทางสังคม และพัฒนานวัตกรรมดูแลสุขภาพ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2565 แผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งมี นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาแผนงาน/โครงการที่จะมีการขับเคลื่อนและใช้งบประมาณร่วมกันระหว่างหน่วยงานภายใต้งบบูรณาการปี 2565 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความพร้อมในทุกด้านก่อนวัยสูงอายุ”

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบ กรอบงบวงเงินงบประมาณ 2.56 พันล้านบาท เพื่อบูรณาการการดำเนินงานของ 6 กระทรวง (41หน่วยงาน) ภายใต้ 4 แนวทางหลัก คือ

1.) สร้างการตระหนักรู้ในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่สังคมสูงวัย

2.) เสริมทักษะด้านอาชีพในการดำรงชีวิตอย่างมั่นคง

3.) พัฒนาเครือข่ายการคุ้มครองทางสังคมและปรับปรุงสภาพแวดล้อมสิ่งอำนวยความสะดวก

4.) พัฒนาระบบและนวัตกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม แผนงานและงบประมาณจะต้องเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณา ก่อนเสนอครม.

ทั้งนี้ การดำเนินงานภายใต้งบบูรณาการฯ ผลการดำเนินงานของปีงบประมาณ 2563 ถือว่ามีความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่อง การให้ความรู้แก่ประชนเตรียมตัวก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ 6.8 ล้านคน สูงกว่าเป้าสี่แสนคน การจัดหางานให้ผู้สูงอายุ 1.5 แสนคน สูงกว่าเป้า 208% แสดงถึงความสนใจที่จะทำงานของผู้สูงอายุและภาคเอกชนให้การสนับสนุน

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานปี 2565 ได้มีการปรับให้สอดรับสถานะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” ที่ประชากรไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเป็น 28% ในปี 2574 ซึ่งเป้าหมาย อาทิ

1.) สัดส่วนประชากรช่วงอายุ 25 - 59 ปีร้อยละ 60 มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการเงิน สุขภาพ และสภาพแวดล้อม

2.) ผู้สูงอายุ (61 - 65 ปี) มีงานทำและมีรายได้จำนวน 3.85 แสนคน

3.) ผู้สูงอายุเข้าถึงระบบการดูแลสุขภาพ 11.7 ล้านคน

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า รัฐบาลกำหนดให้วาระผู้สูงอายุเป็นวาระแห่งชาติ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องทำงานกันหลายได้และเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน มีทั้งต้องเริ่มต้นจากตัวทุกคนในวัยหนุ่มสาว ให้รู้จักเรื่องการออม การดูแลสุขภาพ ภาครัฐช่วยสร้างเครือข่ายสังคมให้มีบทบาทในการดูแลผู้สูงอายุ การสร้างสภาพแวดล้อมในบ้าน องค์กร ชุมชน และสังคม ให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ

รวมถึงการเสริมและให้โอกาสผู้สูงอายุในการใช้ศักยภาพของตนเอง แผนงานบูรณาการเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของรัฐบาล จึงเป็นอีกกลไกหนึ่งให้ ภาครัฐ ประชาชน เอกชน ประชาสังคม เดินหน้าสู่เป้าหมายเพื่อคนทุกคน เมื่อเป็นผู้สูงอายุ ก็จะเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี พึ่งพาตนเองได้ และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี

'นิด้าโพล' ชี้!! ค่าเฉลี่ยคนไทย 77.68% สนเปลี่ยนขับรถยนต์ไฟฟ้า หวังช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม แต่รับไหวเรทราคา 5 - 9 แสน

ภายใต้แคมเปญ Get to know Thai consumers เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมมือกับศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เพื่อสำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมผู้ใช้รถยนต์ของคนไทย 1,000 คน ทั่วประเทศ

ซึ่งผลการสำรวจระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยมีความสนใจใน รถยนต์ไฟฟ้า (xEV) สูงถึง 77.68% โดยมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 28.97% และมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย 26.88% อีก 16.96% มองว่าเป็นการช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว

ทั้งนี้ หนึ่งในผลสำรวจพบว่า 80.26% คิดว่า ราคาที่เหมาะสมของรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) ควรอยู่ระหว่าง 500,000 - 900,000 บาท ขณะที่รูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) ที่คนไทยสนใจแบ่งเป็น รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) 38.69% รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle: HEV) 30.95% และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (Plug-In Hybrid Electric Vehicle: PHEV) 30.36%

ส่วนปัจจัยที่ทำให้คนไทยเปลี่ยนใจมาใช้ รถยนต์ไฟฟ้า (xEV) แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันคือ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 22.02% แสดงถึงความกังวลและความตระหนักถึงปัญหา PM2.5 ซึ่งมีที่มาจากควันจากท่อไอเสียรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ในขณะที่ 19.05% มองว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่เป็นมิตรมากกว่าและมาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีกว่า

นอกจากนี้ผลการสำรวจยังระบุประเด็นสำคัญ อื่น ๆ อาทิ 57.74% จะนำ รถยนต์ไฟฟ้า มาใช้ทดแทนทุกกิจกรรมที่เคยใช้งานรถยนต์พลังงานน้ำมัน โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ 3 อันดับแรกในการตัดสินใจซื้อ คือ ความคุ้มค่า ความปลอดภัย และศักยภาพของรถ

และคนไทย 99.31% มีความเห็นเชิงบวกต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน และมีมุมมองที่เปิดกว้างต่อเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่จากจีน โดยส่วนใหญ่ยอมรับว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีจากจีนนั้น มีความน่าสนใจน่าติดตามในราคาที่เข้าถึงง่าย

ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตอกย้ำจุดยืนที่ชัดเจนตามกลยุทธ์ consumer-centric ในการรับฟังทุกความเห็นของผู้บริโภคมาวางแผน พัฒนา และส่งมอบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการให้บริการอันล้ำสมัยเข้าสู่ตลาดไทย

รวมไปถึงการร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (xEV) พร้อมผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้าง Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพการบริการ ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของไทย ให้ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในอนาคต

รมว.สธ. ‘อนุทิน ชาญวีรกุล’ สั่งกระทรวงสาธารณสุข เสนอคณะรัฐมนตรี ยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบกิจการรายปีแก่ร้านนวด สปา กว่า 10,000 แห่ง เป็นระยะเวลารวม 2 ปี เพื่อเยียวยากิจการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าได้สั่งการให้นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในฐานะผู้กำกับดูแลมาตรฐานและขึ้นทะเบียนร้านนวด ร้านสปา มากกว่า 10,000 แห่ง ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

จัดทำข้อมูลความเดือดร้อน และผลกระทบ รายงานต่อคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งเสนอให้ขยายการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี จากเดิม 1 ปี เป็น 2 ปี เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ

นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า หลังการระบาดระลอกแรก และมีการผ่อนคลายให้เปิดกิจการได้ ช่วงกลางปี 2563 ก็พบว่ามีกิจการที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้เพียง 4,000 กว่าแห่งเท่านั้น และจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ในเดือนธันวาคม 2563 กรม สบส.ได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนที่ผู้ประกอบการได้รับ จึงมีมติในการประชุมคณะกรรมการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพฯ

ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ให้เพิ่มระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี อีก 1 ปี รวมกับระยะเวลาที่เคยเสนอไปในคราวก่อน รวมเป็น 2 ปี เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้ประกอบการ

“ขณะนี้กระบวนการอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดทำวาระเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบ นอกจากนี้ กรม สบส. จะมีการพูดคุยหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อหามาตรการในการเยียวยาด้านอื่นๆ ต่อไป” อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าว

กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง รอบเก็บตก อีกประมาณ 1 ล้านสิทธิ ช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ ยืนยัน ยังไม่มีแผนขยายเวลาและเพิ่มวงเงินเป็น 5,000 บาท ตามที่เอกชนเสนอ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเปิดให้คนไทยลงทะเบียนข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ในรอบเก็บตก อีกครั้งช่วงกลางเดือนม.ค.นี้ เพราะตอนนี้ได้รับทราบรายงานแล้วว่า มีสิทธิคงเหลือรวมประมาณ 1 สิทธิ จากการดำเนินโครงการในเฟสแรก และเฟส 2 รวมทั้งยังมีสิทธิตกหล่นจากผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมเฟส 2 แต่ไม่ได้ใช้จ่ายภายใน 14 วันด้วย

ซึ่งจะต้องมาสรุปตัวเลขอีกครั้ง ขณะที่ข้อเสนอของทางภาคเอกชน ที่เสนอให้รัฐบาลพิจารณาขยายเวลาโครงการคนละครึ่งออกไปอีก 3 เดือน และเพิ่มวงเงินเป็นคนละ 5,000 บาท นั้น กรณีนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณา เพราะยังเหลือเวลาอยู่ 3 เดือน หลังจากนั้นจึงจะประเมินกันใหม่อีกครั้ง

สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ได้เปิดให้ประชาชนได้เริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 นั้น จากข้อมูล ณ วันที่ 3 ม.ค. 2564 มีผู้ใช้สิทธิรวมทั้งหมด 12,050,115 คน โดยเป็นการใช้จ่ายของกลุ่มผู้ได้รับสิทธิเดิมจำนวน 9,536,644 คน ใช้จ่ายสะสม 52,358.3 ล้านบาท และผู้ได้รับสิทธิใหม่จำนวน 2,513,471 คน ใช้จ่ายสะสม 1,073.6 ล้านบาท รวมยอดการใช้จ่ายสะสม 53,431.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 27,353.4 ล้านบาท

และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 26,078.5 ล้านบาท จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช ตามลำดับ และมีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า โดยผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ รวมมิตรทั่นผู้นำ...ผู้คล้ายตัวการ์ตูน

วันนี้วันเด็กแห่งชาติ นึกถึงเรื่องราวเด็กๆ ก็ทำให้นึกถึงบรรดาการ์ตูนที่เป็นของคู่กัน ใครมีตัวการ์ตูนในดวงใจอะไรกันบ้าง? สำหรับเรามีเพียบ!  The States Times นึกสนุก ลองหยิบตัวการ์ตูนในตำนาน มาเทียบเคียงกับเหล่าทั่นผู้นำของประเทศไทย ทั้งปัจจุบันและในอดีต มีท่านไหนเหมือนตัวการ์ตูนตัวใดบ้าง ไปดูกัน!

ลุงสมชาย & โนบีตะ

อดีตนายกรัฐมนนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย ทั่นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ด้วยลุคที่ผู้คนเห็นเป็นประจำ นั่นคือ การสวมแว่นตา ดูไปดูมา ท่านคล้าย...เจ้าโนบีตะ ตัวการ์ตูนในตำนานจากเรื่องโดราเอมอน เด็กชายสวมแว่นที่มีแมวจากโลกอนาคตเป็นเพื่อนซี้ พร้อมประโยคอันแสนจดจำ ‘โดราเอมอนช่วยด้วยยยยยย’

ลุงแม้ว & ป็อบอาย

ลุงแม้ว หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของเมืองไทย แถมยังอยู่ในตำแหน่งตั้งเกือบ 6 ปีแน่ะ เรียกว่าได้มอบคำขวัญวันเด็กกันอยู่หลายรอบ ส่องรูปพรรณสัณฐานใบหน้าของลุงแม้วแล้ว คลับคล้ายคลับคลาตัวการ์ตูนกะลาสีเรือในตำนาน นามว่า ‘ป็อปอาย’ ใครที่ยังจำได้ ป็อปอายต้องกินผักเขียวกระป๋อง แล้วจะทรงพลัง งานนี้เห็นลุงแม้วถือแก้วไวน์ออกสื่อโซเชี่ยลอยู่บ่อยๆ ก็ไม่แน่ใจว่า จะชอบกินผักด้วยหรือเปล้าน๊า??

น้าปู & มู่หลาน

ประเทศไทยเคยมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและคนเดียวเมื่อปี พ.ศ. 2554-2557 เธอคือ น้าปู เอ้ย! นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเป็นนายกฯ ของเมืองไทยลำดับที่ 28 เห็นใบหน้าของอดีตนายกฯ ปูแล้ว เธอดูคล้ายๆ มู่หลาน ตัวการ์ตูนหญิงยอดนักสู้ที่ต้องออกรบเพื่อปกป้องบิดาของตัวเอง แหม่ พล็อตคุ้นๆ นี่ถ้ารบเพื่อพี่ชายล่ะก็ เป๊ะปังปุลิเย่!!

น้ามาร์ค & เดคิสุงิ

น้ามาร์ค หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2551 – 2554 เป็นนายกฯ คนที่ 27 ของประเทศไทย ใครๆ ก็มักเห็นภาพน้ามาร์คในมาดเนี้ยบๆ เป็นประจำ ทำให้นึกถึงตัวการ์ตูนในเรื่องโดราเอมอน นามว่า เดคิสุงิ มาดเนี้ยบ เรียนเก่ง และดูผู้ดี๊ผู้ดี นี่มันภาพอวตารของน้ามาร์คช้าดดดๆ!!

คุณปู่จิ๋ว & จอมมารบู

ยังจำคุณปู่จิ๋วหวานเจี้ยบได้หรือเปล่า หลานๆ เด็กๆ ยุคนี้อาจไม่คุ้นเคยอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ ในอดีต พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ หรือคุณปู่จิ๋ว เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยในช่วงปี พ.ศ. 2539 - 2540 ใครที่คุ้นๆ ก็มักจะนึกถึงยุควิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งนั่นแหละ ไม่นาเชื่อว่า คุณปู่จิ๋วจะมีความละม้ายคล้าย จอมมารบู ตัวการ์ตูนจากเรื่องดราก้อนบอล แม้จอมมารบูจะรับบทตัวร้าย แต่ก็เป็นตัวร้ายที่ดูน่ารัก มาในตัวม่วงกลม หน้าตาน่าเอ็นดู เห็นแล้วไม่อยากปะทะ แต่อยากยิ้มให้ซะมากกว่า 

ลุงตู่ & สึบาสะ

ปิดท้ายที่ลุงตู่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย ลุงตู่มาดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยเป็นนายกฯ คนที่ 29 ของประเทศ นอกจากเรื่องบริหารบ้านเมืองแล้ว ลุงตู่ยังแต่งเพลงได้เก่งไม่เป็นสองรองใคร แถมยังชอบกีฬาตระกร้อ และฟุตบอล ดูจากช็อตซัลโวลูกฟุตบอลช็อตนี้ ช่างคล้ายกับตัวการ์ตูนนักฟุตบอลขวัญใจเด็กๆ ยุค 90 นั่นคือ โอโซระ สึบาสะ จากเรื่องเจ้าหนูสิงห์นักเตะ พอมาเล็งเทียบท่าทางกันแล้ว สงสัยคงต้องเรียก ลุงตู่สิงห์นักเตะ ส่วนจะเตะฟุตบอลอย่างเดียว หรือเตะคนเอาลุงตู่มาเป็นตัวการ์ตูนด้วย อันนี้ก็ขอกราบลา!!!  (อิอิ)

9 มกราคม พ.ศ. 2472 ครบรอบ 92 ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

สำหรับชาวกรุงเทพแล้ว หลายคนคุ้นเคยกับสะพานพระพุทธยอดฟ้ากันเป็นอย่างดี ทั้งจากภาพลักษณ์ของสะพานที่งดงาม หรือเป็นสะพานที่ใช้สัญจรไปมาระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร แต่หากย้อนเวลากลับไปกว่า 92 ปี วันนี้ถือเป็นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จฯ วางศิลาฤกษ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

กล่าวสำหรับสะพานพระพุทธยอดฟ้า ถูกสร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสสถาปนากรุงเทพมหานครครบ 150 ปี โดยมีพระราชดำริที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อันเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงเป็นผู้สถาปนากรุงเทพมหานคร

สะพานพระพุทธยอดฟ้าถูกออกแบบเป็นสะพานเหล็กยาว 229.76 เมตร กว้าง 16.68 เมตร ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ 7.50 เมตร สามารถยกตอนกลางให้เรือใหญ่แล่นผ่านได้ โดยเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2472 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสะพานว่า สะพานพระพุทธยอดฟ้า กระทั่งกาลเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน สะพานอันงดงามแหง่นี้ก็ยังคงดำรงอยู่ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในด้านการสัญจรเรื่อยมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top