Wednesday, 9 July 2025
TheStatesTimes

‘เอกนัฏ’ หนุน!! เปลี่ยนใบอ้อยเป็นเงิน สร้างรายได้เกษตรกร วอน!! หยุดเผา ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 สร้างมูลค่าเพิ่ม อย่างยั่งยืน

(11 ม.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ปฏิรูปอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่มีความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนแนวทางและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 โดยได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาลกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ซึ่งจะมีการจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยเฉพาะเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด และเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบด้านพลังงานป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลหรือโรงงานที่ใช้พลังงานชีวมวล ซึ่งมาตรการดังกล่าว

จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยอย่างยั่งยืน เนื่องจากจะทำให้ชาวไร่อ้อยเห็นคุณค่าและช่องทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มของใบและยอดอ้อย ทำให้ลดการเผาใบและยอดอ้อยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

ด้านนายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ สอน. ได้ทำจดหมายขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับอ้อยเผาไฟเข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาล สะท้อนได้จากสถานการณ์อ้อยเข้าหีบของโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ ณ วันที่ 8 มกราคม 2568 ที่มีตัวเลขอ้อยถูกเผาอยู่ในระดับคงที่กว่า 4 ล้านตัน คิดเป็น 20.18% ของปริมาณอ้อยที่รับเข้าหีบทั้งหมดกว่า 19 ล้านตัน 

“สอน. จึงขอความร่วมมือมายังเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ช่วยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีผลิตส่งเข้าหีบโรงงานน้ำตาล รวมทั้งไม่เผาใบอ้อยหลังเก็บเกี่ยว ขณะเดียวกันขอความร่วมมือจากโรงงานน้ำตาลให้งดรับซื้ออ้อยเผา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดการเกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งผลักดันมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และสร้างอากาศสะอาดและบริสุทธิ์ ไร้มลภาวะฝุ่น PM 2.5 ปฏิรูปอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ให้เป็นอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่มีความยั่งยืน ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างถาวรตามนโยบาย รัฐมนตรีฯ” นายใบน้อยฯ กล่าวทิ้งท้าย

‘พรรคประชาชน’ จัดงานวันเด็ก ‘ไอติม’ ปลื้ม!! ร่าง พ.ร.บ.ไม่ตีเด็ก ผ่านสภาฯ ย้ำ!! สร้างระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ เพื่อประโยชน์อันสูงสุด ของเด็กทุกคน

(11 ม.ค. 68) ที่อาคารอนาคตใหม่ ‘พรรคประชาชน’ จัดกิจกรรมวันเด็ก ‘เมื่อทุกคนเลือกห้องเรียนเองได้’ โดยบรรยากาศที่อาคารอนาคตใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก เด็ก ผู้ปกครอง และประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้า นอกจากนี้ยังมีการแถลงข่าวสรุปร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน พร้อมเปิดตัว e-book โดยเปิดให้เด็กและประชาชนที่มาร่วมงานสามารถชมเบื้องหลังการแถลงข่าวได้ 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในวันเด็กทุก ๆ ปีคำขวัญวันเด็ก เป็นสิ่งที่สังคมมักให้ความสนใจ แม้เป็นธรรมเนียมที่เราคุ้นชินกันมายาวนานกว่า 60 ปี ตนและพรรคประชาชนมองว่าในฐานะคนทำงานการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กและเยาวชนในประเทศเรา อาจไม่ใช่คำขวัญ ที่เป็นการสรุปสิ่งที่ผู้ใหญ่ในสังคมคาดหวังจากพวกเขา แต่คือคำสัญญาว่าพวกเราจะทำให้อนาคตพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร 

ย้อนไปเมื่อวันเด็กปีที่แล้ว (13 ม.ค. 2567) คำสัญญาหนึ่งที่เราได้แถลงต่อสาธารณะ คือการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ไม่ตีเด็ก เพื่อทำให้บ้าน สถานศึกษา และทุกพื้นที่ในสังคม เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เด็กทุกคนสามารถเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ถูกลงโทษในลักษณะที่เป็นการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจเด็ก ผ่านไปไม่ถึง 1 ปี ภูมิใจที่พรรคประชาชนและฝ่ายต่างๆ ในรัฐสภาร่วมกันผลักดันให้กฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภาได้โดยสำเร็จ 

นายพริษฐ์กล่าวว่า ในวันเด็กปีนี้11 ม.ค. 2568 เราจึงใช้โอกาสเปิดตัวร่าง พ.ร.บ. การศึกษาของพรรคประชาชน ที่เราจะยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และหวังจะผลักดันร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อหวังให้สภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อยได้ลงมติรับหลักการร่างดังกล่าว ก่อนจะถึงวันเด็กในปีหน้า ตนเชื่อว่าพวกเราเห็นตรงกัน ว่าท่ามกลางปัญหาต่างๆของการศึกษาไทย ทั้งเรื่องคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำ ความสุขผู้เรียน และภาระงานครู และความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามา เราจะปล่อยให้การศึกษาไทยไปต่อแบบเดิมไม่ได้ แม้หลายปัญหาถูกแก้ไขได้โดยไม่ต้องรอการแก้ไขกฎหมาย แม้กฎหมายฉบับเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาการศึกษาได้ทั้งหมด แต่การผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่สำคัญ ในการสร้างบทสนทนาและวางรากฐานสำหรับระบบการศึกษาที่เราอยากเห็น  เพื่อพลิกโฉมการศึกษาและพาไทยเท่าทันโลก พวกเราพรรคประชาชนจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนมาร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน ที่เราหวังว่าจะตอบโจทย์ผู้เรียน และยึดประโยชน์และอนาคตของผู้เรียนอยู่ในทุกมาตรา หากทำสำเร็จ พวกเราจะมีระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียนในอย่างน้อย 5 ด้านสำคัญ

1.สิทธิและสวัสดิการด้านการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน จะได้รับสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ครอบคลุมและถูกรับประกันอย่างรัดกุมกว่าที่เคยเป็นมา (เช่น เรียนฟรีจนอย่างน้อยจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้บริการแหล่งเรียนรู้ของรัฐได้ฟรี การเรียนการสอนที่มีคุณภาพ อุปกรณ์การเรียนที่ครบถ้วน การส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ สถานศึกษาที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง)ผู้ปกครองและผู้ดูแล จะได้รับสิทธิในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และช่องทางพัฒนาทักษะในการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูก รวมถึงข้อมูล สถิติ สารสนเทศ ที่จำเป็นหรือเป็นประโยชน์ต่อการร่วมวางแผน-ติดตามการเรียนรู้ของลูก

2.บุคลากรทางการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- ครู จะมีเวลา-แรงจูงใจ-สมรรถนะ-สวัสดิภาพที่มั่นคง ในการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ (เช่น การกำหนดมาตรฐานเพื่อลดภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน ระบบการประเมินครูที่เชื่อมโยงกับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน การเข้าถึงการพัฒนาสมรรถนะของครูอย่างสม่ำเสมอโดยเน้นการใช้สถานศึกษาเป็นฐาน การมีส่วนร่วมของครูในการสรรหาและประเมินการทำงานหน้าที่ของผู้บริหาร)
- บุคลากรทางการศึกษา จะมีครอบคลุมได้หลากหลายตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับความท้าทายในการจัดการเรียนรู้ในยุคใหม่ (เช่น นักจิตวิทยา นักการภารโรง นักธุรการ นักการเงิน นักพัสดุ นักโภชนาการ นักเทคโนโลยีการศึกษา)

3.การเรียนการสอน ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- หลักสูตร จะมี 3 ระดับ (กรอบหลักสูตรระดับประเทศ กรอบหลักสูตรระดับพื้นที่ หลักสูตรสถานศึกษา) เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรองรับความหลากหลายของผู้เรียน โดยจะมีการทบทวนกรอบหลักสูตรระดับชาติอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 5 ปี เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
- ระบบการประเมิน จะต้องมีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ มีการคำนึงถึงความพึงพอใจของนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษา และชุมชนรอบข้างสถานศึกษา ไม่สร้างภาระต่อครูและบุคลากรทางการศึกษาเกินความจำเป็น และไม่กระทบต่อกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เทคโนโลยีด้านการศึกษา (เช่น แพลตฟอร์มการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน เครื่องมือสำหรับครูและห้องเรียน) จะต้องได้รับการส่งเสริมทั้งด้านการผลิต การพัฒนา และการยกระดับทักษะบุคลากรในการใช้งาน โดยมีมาตรฐานการจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการศึกษา อย่างเป็นระบบ

4.สถานศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- สถานศึกษา จะมีอิสระและอำนาจมากขึ้น ในการจัดการศึกษา (เช่น อำนาจด้าน 'วิชาการ' ในการออกแบบหลักสูตรสถานศึกษาของตนเอง อำนาจด้าน 'งบประมาณ' ในการได้รับเงินอุดหนุนแบบวงเงินรวม (block grant) ที่ไม่กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจด้าน 'บุคลากร' ในการร่วมสรรหาและบรรจุบุคลากรของตนเอง) คณะกรรมการสถานศึกษา จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยตัวแทนของภาคส่วนต่าง ๆ ที่หลากหลายขึ้น อำนาจหน้าที่ที่กว้างขวางขึ้น และการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเรื่องค่าตอบแทน ทรัพยากร และองค์ความรู้
- สถานศึกษาหลากหลายรูปแบบ จะได้รับการปลดล็อก โดยเฉพาะการศึกษานอกระบบโรงเรียน (เช่น บ้านเรียน ศูนย์การเรียน) ที่จะสามารถจัดได้สำหรับนักเรียนทุกประเภท โดยที่รัฐจะต้องคำนึงถึงความเสมอภาคในการอุดหนุนผู้เรียนในสถานศึกษาทุกสังกัดและทุกรูปแบบ

5.กระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- โครงสร้างกระทรวง จะมีการออกแบบใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยกระบวนการการที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปี หลัง พ.ร.บ. การศึกษา บังคับใช้ โครงสร้างกระทรวง (ส่วนกลาง) จะมุ่งสู่การทำงานอย่างเป็นเอกภาพ & เน้นบทบาทในการกำหนดมาตรฐานสำหรับสถานศึกษา (regulator) มากกว่าการดำเนินงานภายในสถานศึกษา (operator) (เช่น มาตรฐานทางวิชาการ เกณฑ์ในการบริหารงานบุคคล สูตรในการจัดสรรงบประมาณระหว่างสถานศึกษาที่เป็นธรรม)
- โครงสร้างกระทรวง (ในพื้นที่) จะจะมุ่งสู่การทำงานอย่างไม่ซ้ำซ้อน & เน้นบทบาทเรื่องการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนสถานศึกษา (facilitate) มากกว่าเรื่องการสั่งการและบังคับบัญชาสถานศึกษา (command & control)
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเข้ามามีบทบาทได้มากขึ้นในภารกิจด้านการศึกษาและการเรียนรู้ รวมถึงได้รับการปลดล็อกให้สามารถสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรให้กับผู้เรียนหรือสถานศึกษาทุกสังกัดทุกแห่งในท้องถิ่นของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองได้

นายพริษฐ์กล่าวว่า แม้ต่างพรรคการเมืองต่างมีร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ของตนเอง ซึ่งอาจมีเนื้อหาทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่เราหวังว่าการผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นภารกิจที่ทุกพรรคพร้อมทำงานและผลักดันร่วมกันต่อไปในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของเด็กทุกคน

‘พี่อิ๊งค์’ ล้อมวงคุย!! ตอบคำถาม ตัวแทนเยาวชน ที่ตึกสันติไมตรี ย้ำ!! ทำงานไม่เหนื่อย ถึงแม้วันหยุดน้อย เพราะมีกำลังใจที่ดี

(11 ม.ค. 68) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งล้อมวงพูดคุยกับตัวแทนเด็กและเยาวชนโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จากกรุงเทพมหานคร นครปฐม และสมุทรปราการ จำนวน 40 คน และผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จำนวน 6 คน จากภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ประกอบด้วย โรงเรียนอนุบาลสุราษฎร์ธานี โรงเรียนนารีนุกูลอุบลราชธานี โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทยจังหวัดน่าน และโรงเรียนมัธยมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน

นายกฯ กล่าวว่า พี่จบจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เป็นโรงเรียนหญิงล้วน จบแล้วไปต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 1 ถึงปี 4 และเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ เรียนจบสาขาโรงแรมเพราะว่าที่บ้านทำธุรกิจโรงแรมก็เลยอยากทำต่อ สรุปมาทำการเมืองแทน ความจริงอะไรที่เราแพลนไว้ไม่ได้ตามที่เราแพลนทุกอย่าง คำขวัญวันเด็กถึงได้พูดว่าพร้อมปรับตัวสู่อนาคตวันนี้น้อง ๆ มีคำถามอะไรถามได้เลย

โดยนักเรียนจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ถามนายกฯว่าเหนื่อยหรือเปล่ากับการทำงานในตำแหน่งนายกฯ ซึ่งนายกฯ ตอบว่า คิดว่าทุกตำแหน่งเหนื่อยคนละแบบ ความจริงเป็นนายกฯเหนื่อยแต่เหนื่อยปกติ อาจจะมีวันหยุดน้อยหน่อย เพราะเราหยุดอาจจะโดนว่าก็เลยทำให้ไม่ได้หยุด เป็นนายกฯหยุดอาจจะผิดเล็กน้อย แต่ความจริงไม่เหนื่อยเพราะมีกำลังใจที่ดีเวลาผลงานที่ทำออกไปแล้ว เราทำด้วยความตั้งใจเพราะเราตั้งใจทำ บางคนบอกว่าได้รับประโยชน์มันอิ่มใจ ใจมันฟู สิ่งที่พี่กำลังจะทำเรื่องของทุนการศึกษา ถ้ามีใครได้มีโอกาสในการศึกษาเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้หายเหนื่อย เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจทำงานให้นโยบายออกเยอะๆ ประชาชนได้ประโยชน์เยอะ ก็จะหายเหนื่อย

จากนั้นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนหอวัง เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ถามว่าเป็นผู้นำหญิงที่อายุน้อยที่สุดคิดว่ามันยากหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ทุกอายุมีความสามารถ การเป็นนายกฯอายุน้อยที่สุดสร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย ความจริงแล้วคิดว่าเนื้องานของการทำงานไม่ได้ต่างกับผู้ชาย แน่นอนมันก็ยังมีในเรื่องของความบูลลี่นิดนึงในความที่เราเป็นผู้หญิง อันนี้ถ้าสังคมเปิดกว้างขึ้น โลกเปิดกว้าง มีการพัฒนาตรงนี้มากขึ้น และเข้าใจมากขึ้นคิดว่าตรงนี้จะน้อยลง ซึ่งเคยอ่านหนังสือเขาบอกว่านักการเมืองหญิงทั่วโลกจะถูกบูลลี่ในเรื่องต่างๆ สมมุติว่าเป็นผู้หญิงทำไมใส่ชุดนี้ ชุดนั้น แต่ผู้ชายใส่ชุดสูทชุดเดียวจบ ก็เลยไม่มีใครสนใจ สิ่งที่ยากคือตรงนี้ เพราะเราเป็นผู้หญิงโดนบูลลี่ในเรื่องนี้ ถามว่าทำอย่างไร เราต้องรู้คุณค่าของตัวเราก่อน ต้องรู้ว่าเรามาทำตรงนี้ เพื่ออะไร มีความตั้งใจอย่างไร เรามีดีอะไรบ้าง เราอยากทำเรื่องดี ๆ ให้ใครบ้าง อันนี้คือสิ่งที่เราตั้งใจ และต้องมีสติเยอะ ๆ คำว่าสติสอนกันมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ ว่าให้มีสติ เราฟังผ่านๆ แต่เมื่อโตขึ้น เมื่อชีวิตมีเรื่องที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น เราก็จะคิดว่าคำนี้มันสำคัญ พี่ขอบอกไว้ก่อน เผื่อโตขึ้นไปจะรู้สึกว่าคำนี้สำคัญมากคือคำว่าสติ

ต่อมาเด็กนักเรียนจากโรงเรียนราชวินิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ อยากถามนายกฯว่าอะไรคือแรงบันดาลใจของนายกฯ โดยนายกฯ ตอบว่า แรงบันดาลใจมีหลายอย่าง แรงบันดาลใจที่หนึ่ง คือ คุณพ่อพี่เคยเป็นนายกฯเคยทำนโยบายไว้ให้ประเทศชาติ จนถึงทุกวันนี้คือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนฝั่ง นโยบายนี้ยังอยู่ ยังได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ ทำให้พี่รู้สึกว่าพี่อยากทำนโยบายนี้ ไม่ว่าตัวพี่ไปอยู่ที่ไหน แต่ประโยชน์นี้ยังอยู่ที่ประชาชนอยู่ ถ้าทำได้พี่จะรู้สึกมีความภูมิใจ และรู้สึกว่าเรื่องดีๆยังตกอยู่ที่ประชาชนไม่ว่ามันจะเปลี่ยนไปกี่ยุค กี่สมัยก็ตาม อันนี้คือแรงบันดาลใจแรก ส่วนแรงบันดาลใจที่สอง พี่คิดว่าจากที่เห็นประเทศชาติวุ่นวายแล้วเรามีโอกาสมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ทำเรื่องต่าง ๆ ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ และแรงบันดาลใจที่สาม คือลูก ๆ อย่างน้อย ๆ ในเทอมที่เป็นนายกฯ พี่ได้สร้างสิ่งดี ๆ ไว้ให้กับประเทศ นั่นก็เป็นการเตรียมพร้อมอนาคตส่วนหนึ่งให้กับลูก ๆ ด้วย

จากนั้นเด็กจากโรงเรียนสมาคมพยาบาลไทยจังหวัดน่าน ถามนายกฯว่าได้เห็นพี่อิ๊งค์ทำกับข้าวให้ลูก ๆ กิน คิดว่าพี่อิ๊งค์เป็นแม่ที่ใจดี และมีเมนูอาหารที่จะมาแนะนำพวกหนูหรือไม่ โดยนายกฯ ยิ้มเขินก่อนตอบว่า พี่ตอบเสร็จแล้วไม่ต้องเชิญพี่ไปออกรายการทำอาหารที่ไหน สมัยตอนที่พี่มีลูกคนแรกลูกสาว 4 ขวบตอนนั้นเป็นช่วงโควิด-19 ทำอาหารให้ลูกทานได้ 3 มื้อ เพราะว่าเราอยู่บ้านไปซูเปอร์มาร์เกตเอง ซื้ออาหารทำเอง แต่ว่าลูกยังพูดไม่ได้ก็เลยไม่มีคอมเมนต์ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ แต่พอทานได้อยู่ และเมนูโปรดที่ทำกับลูกคือทำอะไรที่เด็ก ๆ ชอบทาน ที่บ้านปลูกผักปลอดสารพิษให้น้องๆไปเก็บผักและนำมาทอดกรอบ เราเรียกกันง่าย ๆ ในบ้านว่า “บุ้งกรอบ” มันทำง่าย ๆ ก็แค่ผสมแป้งสำเร็จรูปและชุปให้เด็ก ๆ ทอด ซึ่งคนถามว่าไม่กลัวร้อนหรอ ซึ่งเด็กประมาณ 3-4 ขวบ เราบอกเขาได้ อย่าไปห้าม ไปตัดโอกาสเขาทุกอย่าง เขาบอกว่าเด็กอย่าไปตัด แต่ให้เติม ทั้งนี้ ที่ทำเมนูบุ้งกรอบเพราะเด็ก ๆ ชอบทานผักบุ้งทอดกรอบ เมื่อเขาทำเองจะได้มีความภูมิใจในการทอดทีละอัน และอีกเมนูหนึ่งที่ทำง่าย ๆ คือให้ฝึกทอดไข่เจียว ให้เลือกรสชาติที่ชอบ แต่แม่คอยย้ำว่าอย่าเค็มเกินไป แต่จะให้ตนทำเมนูที่ยากมากกว่านี้คงต้องไปเรียน อย่างแกงพะแนง และแกงเขียวหวานแม่ทำไม่เป็น

ต่อจากนั้นนายกฯถ่ายภาพกับนักเรียน Thailand Zero Dropout นักเรียนนอกระบบการศึกษาที่ได้รับการนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง และกลุ่มเยาวชนที่ชนะการแข่งขันกีฬาประเภทจักรยานทรงตัวในรายการแข่ง RSR Runbike Championship in Songkhla ทั้งนี้ตัวแทนนักเรียนได้มอบตุ๊กตาทำมือให้กับนายกฯด้วย

ขณะที่บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีเด็ก ๆ ขอถ่ายรูปและขอลายเซ็นนายกฯ

กองทัพอากาศจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายใต้คำขวัญ “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง”

(11 ม.ค.68) กองทัพอากาศจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 โดยมี พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมนายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานการจัดงานฯ ณ ฝูงบิน 601 กองบิน 6 

นอกจากนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาเยี่ยมชม กิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ของกองทัพอากาศ พร้อมทั้งร่วมรับชมการแสดงภาคอากาศ และกิจกรรมต่างๆ ของกองทัพอากาศ

สำหรับกิจกรรมวันเด็กฯ ในปีนี้ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ มุ่งเน้นให้สร้างแรงบรรดาลใจกับเยาวชนด้วยการบินแสดงศักยภาพของยุทโธปกรณ์ยุคใหม่ของกองทัพอากาศ โดยส่งผลกระทบต่อการเดินทางของสายการบินเอกชนให้น้อยที่สุด และเน้นความปลอดภัยด้านนิรภัยภาคพื้นและภาคอากาศ รวมถึงรณรงค์การเสริมสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดพลาสติก และใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดยภายในงานฯ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้
การจัดแสดงการบิน (Air Show) ของอากาศยานแบบต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ ที่บอกเล่าเรื่องราว การปฏิบัติภารกิจปกป้องน่านฟ้าไทย อาทิ
- การบินผ่านพิธีเปิด ด้วยเครื่องบิน F-16
- การบินแสดงสมรรถนะอากาศยาน ด้วยเครื่องบิน F-16
- การบินแสดงสมรรถนะอากาศยาน ด้วยเครื่องบิน Gripen
- การแสดงด้วยเครื่องบิน AT-6

การตั้งแสดงอากาศยาน รวมจำนวน 22 แบบ ได้แก่ เครื่องบิน F-16 A/B, Gripen, AT-6, F-5 E/F, T-50, AU-23, C-130, ATR-72, A-340, CT-4B, DA-40, DA-42, SAAB 340, BT-67, T-6C, บ.ทอ.6, T-33, T-28, P-64, O-1A เฮลิคอปเตอร์ แบบ EC725 และ S-70i รวมถึงการตั้งแสดงยุทโธปกรณ์

กิจกรรมบนเวที ได้แก่ การแสดงดนตรีของวงดุริยางค์ทหารอากาศและแขกรับเชิญ ได้แก่ น้องเทนนิส (เรืออากาศโทหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ) การเดินแบบโดยนักเรียนนายเรืออากาศและนักเรียนพยาบาลทหารอากาศ การเล่นเกมส์แจกของรางวัล เป็นต้น

กิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การแสดงศิลปะป้องกันตัวโดยใช้เครื่องดนตรีประยุกต์ ชื่อชุด 'การแสดงชัยมงคล 72 พรรษา เทิดไท้องค์ราชัน' การจัดนิทรรศการ ภายใต้ชื่อ 'FUTURE UNBEATABLE RTAF สานฝันน้องสู่ครอบครัว ทอ.' การออกบูธนิทรรศการของหน่วยงานต่าง ๆ การแสดง Fancy Drill การแสดงกระบี่กระบอง การแสดง Drum Zeed และการแสดงเครื่องบินเล็กบังคับวิทยุ

นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังได้จัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ของส่วนกลางที่ตั้งดอนเมือง ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการการบินแห่งชาติ และสนามบินเล็กกองทัพอากาศ (ทุ่งสีกัน) ทั้งนี้ หากไม่สามารถเดินทางมาด้วยตนเองได้ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติของกองทัพอากาศ ประจำปี 2567 ได้ที่ https://www.rtaf.live/ และเฟซบุ๊ก 'กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force' ระหว่างเวลา 08.00 - 10.00 น.

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ความมั่นคงแนวชายแดนไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค.68) เวลา 10.00 -13.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมกองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พลตรี ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 และพลตรี ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ตลอดจนผู้บังคับบัญชาให้การต้อนรับ พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ หนูนวล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายฉลอง ทองนะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ นางสาวนวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ และนาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ โดยร่วมประชุมเพื่อรับฟังสถานการณ์ความมั่นคงชายแดนฝั่งตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน กรณีกองกำลังว้า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน ตลอดจนรับทราบปัญหาและอุปสรรคที่ต้องการให้คณะกรรมาธิการได้ผลักดัน พร้อมทั้งได้ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลและข้อคิดเห็นต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป

นาวิกโยธิน จัดกิจกรรมทางทหารให้เด็ก ๆ ในงานวันเด็กแห่งชาติ 'เด็ก ๆ คืออนาคตของชาติ' หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) ขอร่วมสร้างความสุขและส่งเสริมศักยภาพให้เด็ก ๆ ได้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ

พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผบ.นย. และผู้ได้รับใบอนุญาต รร.นาวิกโยธินบูรณะ มอบหมายให้ พล.ร.ท.ฉัตรชัย ศุกระศร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ ผู้จัดการ รร.นาวิกโยธินบูรณะ เป็นผู้แทนในพิธีเปิดกิจกรรมวันวิชาการ และวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 โดยจัดให้มีกิจกรรมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน จำนวน 65 ทุน การแสดงของนักเรียน กิจกรรมทางวิชาการตามสาระการเรียนรู้ที่นักเรียนได้เรียนมาและนำมาเสนอให้ผู้ปกครองและผู้ร่วมงานได้ชมความสามารถของเด็กๆ การเล่นเกมส์ พร้อมรางวัลต่างๆ มากมาย การแสดงทางทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ ปืนใหญ่สนาม เครื่องยิงลูกระเบิดหนัก และรถติดจรวดต่อสู้รถถัง นอกจากนี้ ยังมีการแสดงของสุนัขจากศูนย์สุนัขจรจัดและแมวจรจัด กองทัพเรือ 

โดยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน รร.นาวิกโยธินบูรณะ มีนักเรียน ประมาณ 900 คน ในจำนวนนี้มีกว่าครึ่งหนึ่งเป็นบุตรหลานของกำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและหน่วยใกล้เคียง รวมถึงบุตรหลานของประชาชนภายนอก 

การจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ เป็นการให้ความสำคัญต่อเด็ก และเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไปในอนาคต เป็นอีกบทบาทหนึ่งของ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ที่ร่วมมือกับคุณครูและบุคลากรทางการศึกษา ในการดูแลบุตรหลาน ให้เป็นคนดีมีความรู้ เป็นกำลังสำคัญของประเทศ ต่อไปในอนาคต

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ นั่งหัวโต๊ะ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ‘ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมฯ’ รากฐานการพัฒนาประเทศด้านเกม - กำลังคนดิจิทัล - เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ

(10 ม.ค.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงการเป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการ (ร่าง) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม พ.ศ. ….  เพื่อเปิดพื้นที่ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเสนอความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่กฎหมายที่มีความสมบูรณ์และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนและประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีนายพรรณธนู วรรณกางซ้าย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี , นายอัฐฐเสฏฐ จุลเสฏฐพานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี , นางสาวยุพาภรณ์ ศิริกิจพาณิชย์กูล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงฯ , ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ดีป้า , ดร.กษิติธร ภูภราดัย และ นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ , นางสาวกษมา กองสมัคร และ ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ , 

รวมถึงคณะผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเกม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (THACCA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กรมทรัพย์สินทางปัญญา สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกม ฯลฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ว่า อุตสาหกรรมเกมขยายตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้นการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมจะเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานการพัฒนาประเทศด้านเกม ซึ่งเนื้อหาของ พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดกรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมเกมในทุกมิติ ตั้งแต่การพัฒนากำลังคน การส่งเสริมให้เกิดการยกระดับผู้ประกอบการเกมไทยผ่านกลไกต่าง ๆ การกำหนดแนวทางป้องกันผลกระทบทางสังคม และการดึงดูดการลงทุนของผู้ประกอบการระดับโลกเข้ามาในประเทศไทย

"ดังนั้นการดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมจำเป็นต้องรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม นักพัฒนาเกม นักวิชาการ ตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป โดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับในวันนี้จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย และตอบสนองความต้องการของทุกฝ่าย ซึ่งถือเป็นการสร้างรากฐานของอุตสาหกรรมเกม เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศสู่ระดับสากล ต่อยอดโอกาสสู่อาชีพใหม่ อีกทั้งสร้างรายได้และเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ผู้ผลิตและพัฒนา ผู้จัดจำหน่าย รวมถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกระจายการจัดจำหน่าย และสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกมในประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล พัฒนามาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการกำกับ และควบคุมอุตสาหกรรมเกม เพื่อนำไปสู่การกำกับและบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพ อีกทั้งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมเกมตลอดห่วงโซ่อุปทานและมูลค่าเกมผ่านกองทุนส่งเสริม

"ทั้งนี้ โครงของร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม ประกอบด้วย 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงนิยาม การตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง การขึ้นทะเบียน การกำกับ และกองทุนส่งเสริม โดยกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมอุตสาหกรรมและการปกป้องสังคม โดยเฉพาะการดูแลเยาวชน การป้องกันผลกระทบทางจิตใจ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้อุตสาหกรรมเกมในเชิงบวก ซึ่ง ดีป้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนจะส่งผลให้ พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกมไทย ทั้งในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถทางการแข่งขัน อีกทั้งผลักดันประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างยั่งยืนต่อไป จากนี้ ดีป้า จะนำความคิดเห็นของทุกภาคส่วนมาเร่งปรับปรุงร่างกฎหมาย โดยคาดว่าจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายน และจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2568" ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ขณะที่ผู้แทนจากภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของกำลังคนในภาคอุตสาหกรรม พร้อมเสนอให้มีการเพิ่มประเด็นเรื่องการพัฒนากำลังคนในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ และเสนอให้มีภาคเอกชน ภาคการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านเกมเพิ่มขึ้นในส่วนของคณะกรรมการ เนื่องจากอุตสาหกรรมเกมพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนจะทำให้คณะกรรมการสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและรับความรู้ในประเด็นต่าง ๆ ได้รวดเร็ว ชัดเจน และถูกต้อง

'พิชัย' ถกเข้ม 10 นโยบายเร่งด่วนพาณิชย์ ยกระดับเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสเกษตรกรส่งออกข้าวเสรี ดันราคามันสำปะหลัง เตรียมบิน UAE เจรจาการค้าการลงทุน กุมภาฯนี้ 

(10 ม.ค.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมติดตามและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องประชุม 20610 ชั้น 6 กรมการค้าภายใน โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วม

นายพิชัย กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ในการติดตามผลงานและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ตามแนวทางของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมได้มีประเด็นสั่งการสำคัญดังนี้ 

(1) ให้เร่งติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจการค้า สื่อสารประชาชนให้ทราบแนวทางของกระทรวงฯและแนวทางเศรษฐกิจของรัฐบาล 

(2) เรื่อง FTA ถ้าเราปิดจบได้มาก การค้าการลงทุนเราจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเราพยายามจี้ให้สำเร็จ มีเรื่องของ FTA ไทย-UAE ที่เราอยากดำเนินการให้สำเร็จ ซึ่งจะมีการลงทุนขนาดใหญ่จาก UAE เข้ามาอีกหลายเรื่อง โดยจะมีการร่วมมือกันในหลายระดับและตนจะเดินทางไป UAE เพื่อจะได้มีความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในเรื่อง ของ FTA Data Center และ Food Security

(3) เตรียมการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่ดาวอส จะไปเซ็นสัญญา FTA กับเอฟตา และจะมีประเด็นต่างๆเข้าไปร่วมเจรจาด้วย 

(4)เรื่อง Food Storage เพื่อแก้ปัญหา Food Security คลังอาหารของโลกให้กับประเทศต่างๆ เป็นทิศทางที่กระทรวงเร่งดำเนินการ 

(5) เรื่องเปิดเสรีข้าว ปลดล็อก/
ปรับลด เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย เป็นนโยบายหลักของท่านนายกรัฐมนตรีที่อยากให้เปิดเสรี เพื่อให้มีการแข่งขันมากขึ้น ไทยจะได้สามารถส่งออกข้าวได้มากขึ้น มีการลดปริมาณสต๊อกและยกเว้นธรรมเนียมให้รายย่อย โดยหลังจากนี้จะมีการประชุมและแถลงอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 17 มกราคมนี้

(6) เรื่องการดูแลราคาสินค้าเกษตร ในเรื่องมันสำปะหลังปีนี้ทางจีนมีการซื้อช้าหน่อย แต่ตอนนี้เริ่มกลับมาซื้อแล้วทำให้การส่งออกมันสำปะหลังไปจีนเริ่มดีขึ้น และจะมีการเร่งรัดเพื่อนำไปทำอาหารสัตว์เพิ่มเติมให้ราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้น และจะมีการดำเนินการอีกหลายโครงการ ซึ่งกรมการค้าภายในได้เชิญชวนผู้ซื้อมันสำปะหลังจากจีนผ่านสถานทูตจีนประจำประเทศไทย จะมีการซื้อขายมันเส้นอีกประมาณ 300,000 ตัน จะช่วยพยุงราคามันสำปะหลังให้ดีขึ้น และจะช่วยดันราคาสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นปีทองของสินค้าเกษตรต่อไป 

(7) เรื่องการปรับโฉม Thai SELECT ให้เทียบชั้น MICHELIN Star ยกระดับให้มีมาตรฐาน

(8) แก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้บริโภคของไทย ซึ่งที่ผ่านมามีสินค้าไหลเข้ามาในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องมีการจับนอมมินีมากขึ้น 
(9) ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลดิจิทัล APP กระทรวงพาณิชย์ ครอบคลุมทุกกรมฯให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวข้องกับประชาชนในวงกว้างให้สะดวกและครอบคลุม เป็นตัวอย่างให้กับกระทรวงอื่นในการดำเนินการต่อไป
(10) เรื่อง Thailandbrand ให้มี SME ใหม่ๆเกิดขึ้น โดยใช้สัญลักษณ์ Thailand brand มอบให้ท่านปลัดจะเป็นผู้รับผิดชอบ ให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับ ซึ่งคนในอาเซียนมองสินค้าไทยเป็นสินค้าพรีเมียม อยากให้คนไทยมองสินค้าไทยเป็นพรีเมียมด้วย สินค้าเรามีคุณภาพสูงอยากให้ส่งเสริมใช้สินค้าไทยกันเยอะๆ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของไทยให้ได้รับการยอมรับอย่างสูง

“และจากนี้ตนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมกรมต่าง ๆ ซึ่งคนกระทรวงพาณิชย์มีความสามารถดีเยี่ยมอยู่แล้ว จะได้ไปกระตุ้นให้มีงานออกมาเยอะขึ้น ให้ประชาชนมีความสุขมากขึ้น  เราต้องการให้คนตัวเล็กเกษตรกรสามารถส่งออกข้าวได้มากขึ้น โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดสต๊อกส่วนผู้ประกอบการค้าข้าว ซึ่งจะมีการติดตามและประเมินผลต่อไป และเฟสต่อไปจะอำนวยความสะดวกให้มาจดทะเบียนที่เดียว สามารถเป็นทั้งผู้ประกอบการค้าข้าวและผู้ส่งออกข้าว เป็นความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อำนวยความสะดวกผู้ประสงค์ประกอบธุรกิจค้าข้าวและการส่งออกข้าว จะได้ข้อสรุปภายในมีนาคมนี้ในเฟสแรก และถ้าเป็นไปด้วยดีจะเปิดเสรีเลยในอนาคต ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี อยากเห็นการทำลายการผูกขาดและเปิดเสรีในทุกด้าน“ นายพิชัย กล่าว

นราธิวาส-ผู้บัญชาการทหารบก ลงใต้ เยี่ยม-มอบของขวัญปีใหม่ 2568 แทนคำขอบคุณจากใจ ถึงกำลังพลที่ปฎิบัติภารกิจในพื้นที่ จชต. 

(10 ม.ค.68) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก / ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมคณะผู้บังคับบัญชาฯ ลงใต้ เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพล พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่กำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ณ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ ณ ฐานปฏิบัติการ ชุดคุ้มครองตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมรับฟังการบรรยายสรุป ติดตามผลการปฏิบัติงาน และร่วมพบปะกำลังพล มอบของขวัญปีใหม่ เพื่อแทนคำขอบคุณเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, พลตรี วรเดช  เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี กรกฎ  ภู่โชติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส, รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, คณะผู้บังคับบัญชา และส่วนราชการ ให้การต้อนรับและร่วมประชุมฯ 

โอกาสนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และคณะฯ เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านยะบะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบของขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ให้กับน้อง ๆ นักเรียน ท่ามกลางการต้อนรับ จากผู้บังคับหน่วยฯ, ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยะบะ, คณะครู บุคลากร น้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนบ้านยะบะ เพื่อสร้างความสุข สร้างร้อยยิ้ม ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวอวยพรให้เด็ก ๆ ขอให้ทุกวันเป็นวันของเด็กที่พร้อมจะเติบโตสร้างสังคมที่มีคุณภาพในอนาคต พร้อมให้โอกาสทุกคนเดินหน้าไปด้วยกัน ดั่งคำขวัญวันเด็กแห่งชาติปีนี้ “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง" 

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบก และคณะฯ ได้ตรวจเยี่ยม พบปะ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานหน่วย ณ กองร้อยทหารพรานที่ 4603 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 บ้านเปาะรามะ ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยมี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และกำลังพลร่วมให้การต้อนรับ ก่อนจะอวยพรและมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่กำลังพลและมอบแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความมั่นคง รวมไปถึงความปลอดในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน นำไปสู่การสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
           
ต่อมา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานมอบของขวัญปีใหม่ 2568 แก่ผู้แทนหน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4  ณ  สนามฟุตซอลนาควานิช ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อส่งต่อของขวัญจากใจผู้บังคับบัญชา แทนคำขอบคุณและส่งกำลังใจแก่กำลังพลทุกนายอย่างทั่วถึง

ในโอกาสนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่มาตรวจเยี่ยมและอำนวยพรในโอกาสขึ้นปีใหม่ และส่งความปรารถนาดีไปยังเพื่อนข้าราชการ ซึ่งทุกท่านได้ยึดมั่นในอุดมการณ์ สามารถปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มีหน้าที่หลักในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยยึดมั่นหลักการด้วยสันติวิธี การสร้างความเข้าใจ ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม รวมถึงการดูแลความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชน เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข ในส่วนของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 นั้น นับได้ว่าเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ 

โดยได้ยึดถือและปฏิบัติตามพันธกิจ 5 ประการ ในการป้องกันชายแดนของกองทัพบก ปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายบริเวณแนวชายแดน ทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ทั้งนี้ “เจ้าหน้าที่ทุกนายจึงมีความสำคัญ ซึ่งได้ทุ่มเท แรงกายแรงใจ ทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เกิดการยอมรับ เชื่อมั่นและศรัทธา ขอชื่นชมและขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง”

‘สวนดุสิตโพล’ เผย!! เด็กไทยอยากได้ ‘ทุนการศึกษา’ เป็นของขวัญ จากรัฐบาล ปลื้ม!! ‘ลิซ่า’ เป็นแรงบันดาลใจ พร้อมอยากให้มี ‘การเรียน - โรงเรียน’ที่สนุกขึ้น

(11 ม.ค. 68) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นเด็กไทยทั่วประเทศ เรื่อง ‘เสียงสะท้อนจากเด็กไทย ปี 2568’ ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2568 กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กไทยอายุระหว่าง 6-18 ปี จำนวน 1,030 คน สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า สิ่งที่เด็กไทยชอบหรือประทับใจที่สุดในวัยเรียน คือ การเล่นกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ร้อยละ 66.21 นอกเหนือจากห้องเรียน เด็กไทยชอบเรียนรู้จากการดูคลิปหรือเรียนรู้จากมือถือ/แท็บเล็ตมากที่สุด ร้อยละ 76.99 ทักษะที่สำคัญสำหรับอนาคต คือ ทักษะการรู้จักป้องกันและรับมือกับภัยอันตรายทั้งในชีวิตจริงและออนไลน์ ร้อยละ 74.76 ทั้งนี้ เด็กไทยอยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลง คือ โรงเรียนและการเรียนสนุกขึ้น ร้อยละ 61.26 ของขวัญที่อยากได้จากรัฐบาล/นายกรัฐมนตรีในวันเด็กปีนี้ คือ ทุนการศึกษา เงินช่วยเหลือ ร้อยละ 74.37 นอกจากคุณพ่อคุณแม่ คนที่เด็กไทยชื่นชมและเป็นแรงบันดาลใจ คือ ลิซ่า ลลิษา ร้อยละ 47.09 รองลงมาคือ คุณครู ร้อยละ 41.26

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนเสียงของเด็กไทยอายุ 6-18 ปี ว่า 'ความสนุก' ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของช่วงวัยนี้ ทั้งการเล่นกับเพื่อนในโรงเรียนและคาดหวังให้การเรียนในห้องเรียนสนุกมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้น 'เรียนดี มีความสุข' หากสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ย่อมตอบโจทย์ผู้เรียนอย่างแท้จริง ผลโพลยังชี้ให้เห็นว่าเด็กไทยตระหนักถึงภัยมิจฉาชีพออนไลน์ การพัฒนาด้านเทคโนโลยี รวมถึงชื่นชมบุคคลศิลปินระดับโลกอย่าง ‘ลิซ่า ลลิษา’ คุณครู นักกีฬา ไปจนถึงนักการเมืองอย่าง ‘พิธา’ และ ‘แพทองธาร’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top