Friday, 27 June 2025
TheStatesTimes

สำนักงานตำรวจแห่งชาติผนึกกำลังทุกภาคส่วนเปิดแคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” ชวนคนไทย "Strike Back” โต้กลับภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์  

(26 มิ.ย. 68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการ “Thai Cyber Ranger” แคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” ชวนคนไทย "Strike Back” โต้กลับภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตร์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. และ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผบก.อก.บช.สอท. ร่วมกับ คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป, รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี /ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต, คุณสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และ คุณสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจต่างประเทศและบริการดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น , อินฟลูเอนเซอร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ในนามกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ได้ร่วมกับ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) , บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน), มูลนิธิพระราหู, บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และภาคเอกชนต่างๆ ได้ร่วมกันเปิดโครงการรณรงค์ ภายใต้ชื่อแคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” จุดประสงค์เพื่อชวนคนไทย "Strike Back” โต้กลับภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยโครงการดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป 

แคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” อยู่ภายใต้โครงการ “Thai Cyber Ranger” ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดอันสะท้อนภาพของภัยใกล้ตัวในยุคดิจิทัลอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนการเตือนสติประชาชนให้รู้เท่าทันเล่ห์กลของมิจฉาชีพในโลกไซเบอร์ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล ให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตบนโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย รู้เท่าทันกลลวงอันซับซ้อนที่ซ่อนอยู่หลังหน้าจอ โดยมีเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ ประชาชนปลอดภัย ไม่โอนเงินให้มิจฉาชีพ โดยวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ให้ประชาชนระวังตัวก่อน “คลิก” ทุกครั้ง , กล้าตั้งคำถามก่อน “เชื่อ” ทุกข้อความ , ใช้วิจารณญาณก่อน “โอน” ทุกบาท โดยการกระตุ้นให้ตระหนักถึงภัยคุกคามทางเทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้งานโซเชียลมีเดีย หรือการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ 

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังปลูกฝังจิตสำนึกแห่งความระมัดระวังให้ประชาชน ด้วยการรู้จักตั้งข้อสงสัยเมื่อได้รับข้อความ โทรศัพท์ หรือการติดต่อจากบุคคลที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานทางกฎหมาย หรือสถาบันทางการเงิน ซึ่งในหลายกรณีมักใช้เทคนิคการโน้มน้าวทางจิตวิทยา การใช้เทคโนโลยีปลอมแปลงขั้นสูง เช่น Deepfake และการส่งลิงก์ปลอมหลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว โดยโครงการนี้ตั้งเป้าหมายเข้าถึงประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนในช่วง 2 เดือนแรก และคาดว่าสามารถช่วยลดจำนวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีมูลค่าความเสียหายไม่เกิน 1 ล้านบาท (ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นกว่า 90% ของคดีทั้งหมด) ได้ไม่น้อยกว่า 10% ภายในสิ้นปีนี้

โครงการ “Thai Cyber Ranger” มีกิจกรรมรณรงค์ด้วย 2 ช่องทางหลัก ได้แก่
1. ช่องทางออนไลน์ (Online Campaign) โดยผู้ร่วมแคมเปญร่วมกันเผยแพร่คลิปวิดีโอเตือนภัย, อินโฟกราฟิก, และกิจกรรมออนไลน์ในรูปแบบ Challenge ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Facebook, TikTok, Instagram, YouTube และ Threads โดยใช้ Influencer จากหลายสาขา เป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหาเตือนภัยในรูปแบบสร้างสรรค์ พร้อมด้วยการติดแฮชแท็ก #รีบโอนโจรยิ้ม และสโลแกนเตือนสติ “รีบโอน = โจรยิ้ม” 

2. ช่องทางออฟไลน์ (On-Ground Campaign) โดยผู้ร่วมแคมเปญร่วมกันจัดแสดงสื่อประชาสัมพันธ์ตามจุดยุทธศาสตร์ เช่น จอ LED บนรถไฟฟ้า BTS/MRT และสื่อภายในร้าน 7-Eleven กว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศ พร้อมกิจกรรมภาคสนามในพื้นที่ชุมชน เช่น การจัดนิทรรศการ บรรยายความรู้ การแจกสื่อเตือนภัยไซเบอร์ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ภายในงานเปิดตัว ยังมีการจัดเสวนา “รู้ทันภัยไซเบอร์” นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป, รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี /ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต, คุณสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และคุณสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจต่างประเทศและบริการดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยมี ประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศข่าวชื่อดังเป็น ผู้ดำเนินรายการ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงจากผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อ และยังมีการจัด Workshop จำลองสถานการณ์หลอกลวงแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถสังเกต "Red Flag" หรือ สัญญาณอันตรายได้อย่างแม่นยำ

‘ฮุนเซน’ โต้ข่าวปลด ผบ.ทบ. เสียบตำแหน่งแทน ลั่นไม่จำเป็น เพราะตนเป็นรองแค่กษัตริย์เท่านั้น

'ฮุนเซน' โพสต์โวยสื่อไทยตีข่าวปลด ผบ.ทบ.แล้วตั้งตัวเองเป็นแทน ลั่น ไม่จำเป็น เพราะในกัมพูชาตนเป็นรองกษัตริย์เท่านั้น 

(26 มิ.ย. 68) เมื่อเวลา 16.11 น. ในเฟซบุ๊ก Somdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ข้อความว่า

“ข้าพเจ้าไปเยี่ยมทหาร เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่พลัดถิ่นในจังหวัดอุดรมีชัยและพระวิหาร

“ข้าพเจ้าไม่ได้ไปออกคำสั่งในนามของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้บัญชาการทหารบก แต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือกองทัพที่กำลังปกป้องประเทศและดินแดน

“ผู้บัญชาการทหารบกเรียกข้าพเจ้าว่า เจ้าหน้าที่สนับสนุนอาวุโส ข้าพเจ้ายินดีช่วยสนับสนุนด้านการสนับสนุน นอกเหนือจากการสนับสนุนของรัฐบาล

“ตำแหน่งนี้ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งเพราะเป็นเรื่องตลก หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า ข้าพเจ้าปลดผู้บัญชาการทหารบกและแต่งตั้งตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารบกเพื่อเตรียมการโจมตีประเทศไทย

“ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่าถ้าคุณจะบ้าคุณก็บ้าไปเถอะ ข้าพเจ้าเป็นคนที่สองรองจากกษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นผู้บัญชาการทหารบก แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้าก็จะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไป หยุดเถอะ และอย่ามารุกรานหน้า Facebook ของข้าพเจ้าอีกเลย” นายฮุนเซนระบุ

30 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ‘พงษ์ศักดิ์เล็ก’ ป้องกันแชมป์โลก WBC รุ่นฟลายเวท สมัยที่ 15!! ทุบสถิตินักชกเม็กซิกัน ที่ยืนยาวเกือบ 3 ทศวรรษ

พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์ หรือนายพงศกร วันจงคำ สร้างประวัติศาสตร์วงการมวยโลกในวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ด้วยการป้องกันแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC (สมัยแรก) เป็นครั้งที่ 15 ได้สำเร็จ กลายเป็นนักชกที่ป้องกันตำแหน่งได้มากที่สุดในรุ่นนี้

การชกครั้งนี้จัดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี โดยพงษ์ศักดิ์เล็กเอาชนะน็อค เอเวอราโด โมราเลส (Everardo Morales) ผู้ท้าชิงชาวเม็กซิกัน ไปได้อย่างงดงามในยกที่ 4 ด้วยพลังหมัดที่เด็ดขาดและการชกอย่างชาญฉลาด

ชัยชนะในครั้งนั้นส่งผลให้พงษ์ศักดิ์เล็กทำลายสถิติเก่าของมิเกล คันโต (Miguel Canto) อดีตแชมป์โลกชาวเม็กซิกัน เจ้าของฉายา "El Maestro" ผู้เคยป้องกันแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC ได้ 14 ครั้งระหว่างปี 1975–1979 โดยสถิติดังกล่าวยืนยาวมานานกว่า 27 ปี ก่อนจะถูกพงษ์ศักดิ์เล็กล้มลงอย่างสมศักดิ์ศรีในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม การป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 18 กับไดซูเกะ ไนโต (Daisuke Naito) นักชกชาวญี่ปุ่น เมื่อวัน 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่ญี่ปุ่นกลับไม่เป็นไปตามคาด แม้พงษ์ศักดิ์เล็กเคยเอาชนะมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้เขาประสบปัญหาการลดน้ำหนักหลายรอบก่อนชั่ง ทำให้สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ขณะที่ไนโตเตรียมตัวมาอย่างดี ใช้จังหวะเข้าทำเร็วและโผเข้ากอดบ่อยครั้งจนทำให้พงษ์ศักดิ์เล็กออกอาวุธไม่ถนัด ก่อนจะแพ้คะแนนเอกฉันท์ 115-113, 116-113, 116-113 อย่างพลิกความคาดหมาย

ความพ่ายแพ้นี้ทำให้สถิติการป้องกันแชมป์ต้องหยุดที่ 17 ครั้ง พลาดเป้าหมายป้องกันครบ 20 ครั้งที่ตั้งใจไว้ แต่ยังเพียงพอให้ชื่อของเขาถูกจารึกว่าเป็นนักชกที่ป้องกันแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทได้มากเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย เทียบเท่ากับยู มย็อง-อู อดีตแชมป์โลกรุ่นไลท์ฟลายเวทของ WBA จากเกาหลีใต้

รองนายกฯ กัมพูชา จวกไทยหยุดเล่นละครน้ำเน่า ปมปิดชายแดน!! ลั่นคนเขมรจนกว่า แต่มีศักดิ์ศรีมากกว่า

(26 มิ.ย. 68) ซาร์ โสกา (Sar Sokha) รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ตำหนิไทยอย่างรุนแรง กรณียิงกันบริเวณชายแดนมมเปย จังหวัดพระวิหาร จนทหารกัมพูชาเสียชีวิตเมื่อ 28 พฤษภาคม 2568 โดยกล่าวหาว่า ไทยจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความสับสน และ “แสดงละครตบตา” เพื่อกลบเกลื่อนวิกฤติการเมืองภายในของตนเอง

รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่า ฝ่ายไทยแสร้งเปิดด่านชายแดนแต่ยังไม่อนุญาตให้ผ่านจริง พร้อมใส่ร้ายว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายรุกราน ทั้งที่ไทยเป็นผู้ปิดกั้นและใช้กลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์เท็จให้โลกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ถูกรังแก ขณะเดียวกันกลับไม่ยอมรับความจริงหรือหาทางแก้ปัญหาอย่างจริงใจ

เขากล่าวอีกว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่สะท้อนพฤติกรรมยั่วยุต่อเนื่องของไทยตลอดแนวชายแดน พร้อมเตือนว่า “กัมพูชาอาจยากจนกว่า แต่เรามีศักดิ์ศรี” และเสริมว่า ไทยไม่ควรดูแคลนบทเรียนจากอดีตที่กัมพูชาเคยเผชิญสงครามมาอย่างยาวนาน

สุดท้าย ซาร์ โสกา ย้ำว่า กัมพูชายึดมั่นในสันติภาพบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้ไทยแสดงความจริงใจ ด้วยการเปิดพรมแดนอย่างแท้จริง พร้อมทำงานร่วมกันอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่ด้วย “การทูตหลอกลวง” ที่หวังเพียงล้างภาพตัวเองในสายตาชาวโลก

เชียงใหม่-กองบิน 41 ให้การต้อนรับคณะโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับผู้ปฏิบัติงานระหว่างกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศประชาชนเวียดนาม

เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย. 68) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 พร้อมด้วยรองผู้บังคับการกองบิน 41 ให้การต้อนรับคณะโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับผู้ปฏิบัติงานระหว่างกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศประชาชนเวียดนาม ณ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่

การมาเยือนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพอากาศทั้งสองประเทศ และแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงแนวทางการปฏิบัติงานด้านการบินและกิจการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาความร่วมมือต่อไป

ในโอกาสนี้ คณะผู้แทนจากกองทัพอากาศประชาชนเวียดนามได้รับฟังบรรยายสรุปภารกิจของกองบิน 41 และเยี่ยมชมกิจการศักยภาพของกองบิน 41 อาทิ การปฏิบัติงานของฝูงบิน และระบบการสนับสนุนการบิน ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมของกองทัพอากาศไทยในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชน

‘ชูวิทย์’ กลับมาในฐานะพลพรรครักประเทศไทย ลั่นถึงเวลาทำลายวงจร “ธุรกิจการเมือง”

(26 มิ.ย. 68) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า.. ชูวิทย์กลับมาอีกครั้ง

หลังจากผมไปรักษาตัวมา 2 ปี วันนี้กลับมาในสถานะ “พลพรรครักประเทศไทย”

ชีวิตที่เฉียดความตาย ประคับประครองร่างกายที่ถูกโรคร้ายกัดกิน จนน้ำหนักเหลือเพียง 58 กิโลกรัม จากเดิม 80 กิโลกรัม

ไม่ต้องบอกว่าทรมานแค่ไหน แต่อยากบอกกับทุกคนว่า “ต้องสู้แค่ไหน” มากกว่า

สารภาพกันตรงๆ

“สู้กับคน ไม่ยอมคนมามากมาย ยังไม่เหนื่อยเท่าการต่อสู้กับตัวเอง”

แต่นี่คือวิถีชีวิตปกติของมนุษย์คนหนึ่ง

“พลพรรครักประเทศไทย” ไม่ได้เป็นพรรคการเมือง ที่ต้องนำเงินมาทุ่มกับการแข่งขัน และแสดงเทคนิคหาเสียงเพื่อได้ ส.ส. มาแปลงเปลี่ยนเป็นอำนาจ เอื้อประโยชน์ สนองตัณหาตนเอง แล้วนำเงินที่ได้จากการเมืองกลับมาใช้เป็นทุนหาเสียงแสวงรักษาอำนาจในครั้งต่อไป

ทำแม้กระทั่งแจก ”กล้วย“ ดึง ส.ส. มาสังกัดพรรคเหมือนเปลี่ยนรองเท้า เพื่อจะเอาไปต่อรองร่วมรัฐบาล

ประชาชนเขามองเป็นเรื่องขบขัน เสมือนหนึ่งนั่งดูหนังละครที่จบไปเป็นซีรี่ย์

แต่นี่กลับเป็นเรื่องจริงที่น่าสมเพช

การทำลายวงจร “ธุรกิจการเมือง” จึงจำเป็น อย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน

หากระบบการเมืองไทยยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป อนาคตของเราคงคาดเดาได้ไม่ยาก เพียงแต่บางท่านยังมองไม่ถึงจุดนั้น

ถึงเวลาต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำอะไรให้ประเทศนี้บ้าง“ ก่อนจะถามว่า ”ประเทศทำอะไรให้เราบ้าง”

ผมเคยถามมหาเศรษฐีที่มากด้วยเงินทอง อำนาจ วาสนา แล้วกลับล้มละลายลงว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

พวกเขาตอบเหมือนๆ กันว่า

มันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนไม่ทันตั้งตัว แรกๆ ก็คิดว่าจะผ่านไปได้ แต่เมื่อถึงวันที่หมดสิ้นก็ช้าเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว

นั่นเป็นเรื่องของธุรกิจ

แต่เราไม่สามารถเอาประเทศไปเดิมพันให้ล้มละลายแบบนั้นได้ ประเทศไทยยังอยู่ที่เดิมบนแผนที่โลก

ชีวิตของประชาชนอย่างพวกเราต่างหาก ที่จะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม

การ “สร้างภูมิปัญญา“ เพื่อรู้เท่าทันผู้ปกครองที่อ่อนแอ ฉ้อฉล เสพติดในอำนาจ จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ พึงกระทำ

นโยบายสาธารณะที่ใช้กับพวกเราจะต้องเป็นเรื่องที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านได้ เพื่อให้บรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองตระหนักว่า ประชาชนไม่เห็นด้วย

อย่างเรื่องกัญชาที่เป็นยาเสพติด แค่ระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา พวกเราประชาชนยังสับสนไม่เข้าใจ

เพราะบางทีก็ว่า “กัญชาเสรี” บางทีก็ว่า “กัญชาทางการแพทย์”

จากเป็นยาเสพติดอยู่แท้ๆ ดันเอาออกมาขายกันได้เสรีทั่วไป คนซื้อมาสูบข้างถนนจนกลิ่นคลุ้งไปทั่ว ผู้ปกครองต้องระวังลูกหลานของตัวเองไม่ให้ไปเผลอลองสูบกัญชา

จนวันนี้กลับมาควบคุมใหม่ จะเอากลับไปเป็นยาเสพติดอีก

นโยบายสำคัญเกี่ยวกับยาเสพติดอันมีผลร้ายแรงต่อเยาวชนคนทั่วไป กลับทำเหมือนเด็กเล่นขายของ แล้วโยนให้ประชาชนไปสุ่มเสี่ยงกันเอาเอง โดยไม่มีใครยอมรับว่าเป็นต้นเหตุ

ทุกคนอ้างว่า “ทำเพื่อประชาชน“ กันหมด

แต่ประชาชนกลับรู้สึกเหมือนนั่งดูเด็กทะเลาะกัน “ฉันให้เธอได้ เพราะเป็นพวกฉัน ตอนนี้อยู่คนละพวกแล้ว ฉันไม่ให้” ทั้งที่แต่ก่อนก็เล่นกระโดดยางด้วยกันอยู่แท้ๆ

ขนาดเป็น ”ยาเสพติด“ ยังทำกันป่นปี้แบบนี้ กลับไปกลับมาในระยะเวลาสั้นๆ แค่ 2 ปี ทุกอย่างกลับตาลปัตร 2 ตลบ ตีลังกาจนประชาชนตั้งตัวไม่ทัน แล้วที่ผ่านไปใครรับผิดชอบ?

นี่ไม่ใช่เพราะนักการเมืองหรือ?

อย่างนี้พวกท่านคิดยังไง?

ไม่ใช่ผมไม่เห็นด้วย เพราะผมรณรงค์ให้เป็น “กัญชาทางการแพทย์” มาโดยตลอด แต่สมเพชกับการเห็นเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องเล่นๆ

มีประเทศไหนเขาทำกันแบบนี้?

ผมกลับมาครั้งนี้คงเป็นวาระสุดท้าย เสมือนเส้นด้ายที่กำลังถูกดึงออกจากแกน และใกล้จะหมดไป

เมื่อถึงวันที่เส้นด้ายหมด ก็เอากันได้แค่นั้น ชีวิตมันสั้นครับ

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น บางทีเสียงกระซิบของผม ท่ามกลางความเงียบงัน อาจเป็นเสียงที่กังวาลให้ท่านได้ระลึกถึงบ้างก็ได้ไม่มากก็น้อย

ขอขอบคุณทุกท่าน ที่ยังระลึกถึงผมอยู่

จับตา! ‘ฮุนเซน’ เตรียมแฉทักษิณ 27 มิ.ย. เปรียบยุค ‘ประยุทธ์’ สัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าชัดเจน

(27 มิ.ย. 68) สถานการณ์การเมืองไทย-กัมพูชา กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลัง พนมเปญโพสต์ รายงานว่า สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตผู้นำไทย โดยจะเปิดโปงแผนเปลี่ยนผู้นำ และกล่าวหาว่ามีการดูหมิ่นสถาบัน พร้อมระบุจะเผยรายละเอียดให้คนไทยทราบภายในวันนี้ (27 มิ.ย.)

นอกจากนี้ ฮุนเซนยังกล่าวว่า ขณะนี้กัมพูชายังรอเจรจากับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครคือผู้มีอำนาจตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ พรรคการเมือง หรือผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ซึ่งทำให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องชะงัก

เขายังเปรียบเทียบสถานการณ์ในอดีตว่า ในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีเสถียรภาพและอยู่ในระดับสูงสุด แม้ประยุทธ์จะมีภูมิหลังเป็นทหาร แต่ก็สามารถรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านไว้ได้ดีตลอดช่วงดำรงตำแหน่งเกือบสิบปี

ในทางกลับกัน ฮุนเซนมองว่า รัฐบาลไทยปัจจุบันกลับประสบปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านรอบด้าน ทั้งชายแดนเมียนมา ลาว มาเลเซีย และล่าสุดกับกัมพูชา ที่ต้องปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียว โดยยังไม่มีความชัดเจนในการเจรจา ทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีกำลังเผชิญภาวะถดถอย

‘กฟภ.’ ยัน ไม่ได้งดจำหน่ายไฟฟ้าให้กัมพูชา แต่ฝั่งเขมรไม่ได้ใช้ไฟจากไทยเลยทั้ง 8 จุด

(27 มิ.ย.68) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.-PEA) ชี้แจงกรณี PEA ไม่ได้งดจำหน่ายไฟฟ้าให้กับราชอาณาจักรกัมพูชา ระบุว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงบริเวณแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้กับราชอาณาจักรกัมพูชาจำนวน 8 จุดซื้อขายไฟฟ้านั้น สถานะปัจจุบัน (26 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น.) PEA ยังมิได้ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชาแต่อย่างใด ทั้งนี้จากข้อมูล

การตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าตามจุดซื้อขายทั้ง 8 จุด นั้น ราชอาณาจักรกัมพูชา มิได้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจาก PEA โดยมีหน่วยการใช้ไฟฟ้าเป็น 0 ทั้ง 8 จุดซื้อขายไฟฟ้า ดังนี้

1.เทศบาลบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว → อำเภอปอยเปตจังหวัดบันเตียเมียนเจย วงจรที่ 1 และ วงจรที่ 2
2.  อำเภอกาบเชิง (ช่องจอม) จังหวัดสุรินทร์ → บ้านโอเสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย 
3.  บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด → บ้านหาดทรายยาว จังหวัดเกาะกง
4.  บ้านซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี → อำเภอพนมปรึก จังหวัดพระตะบอง
5.  บ้านสวนส้ม อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี → บ้านโอลั๊ว อำเภอกร็อมเรียง จังหวัดพระตะบอง
6.  บ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว → อำเภอสำเภาลูน จังหวัดพระตะบอง
7.  บ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี → อำเภอกร็อมเรียง จังหวัดพระตะบอง
8.  บ้านหนองปรือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว → อำเภอมาลัย จังหวัดบันเตียเมียนเจย

สำหรับเงื่อนไขการงดจำหน่ายไฟฟ้าและยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PEA สามารถดำเนินการได้ดังนี้
1. คู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือตัวแทนรัฐ (สถานทูตกัมพูชา รัฐกัมพูชา) ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและงดจำหน่ายไฟฟ้า

2. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหนังสือแจ้ง PEAให้ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าและยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

3. ไม่ดำเนินการตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าภายในเวลาที่กำหนด หรือ หลักประกันการใช้ไฟฟ้าไม่ครบถ้วน เป็นต้น

ทรัมป์รับประกัน! รัสเซียจะไม่บุกยุโรปในยุคตน สวนทาง ‘นาโต’ ที่เร่งจัดสรรงบเตรียมรับศึกใหม่

(27 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมนาโตที่กรุงเฮกเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ว่า รัสเซียจะไม่โจมตีกลุ่มนาโต ตราบใดที่เขายังดำรงตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยอมรับว่า รัสเซียอาจต้องการขยายอิทธิพลไปไกลกว่ายูเครนในอนาคต 

แม้จะไม่ปฏิเสธความเสี่ยงจากมอสโก ซึ่งทรัมป์ลดทอนน้ำหนักภัยคุกคามของรัสเซีย โดยระบุว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ได้ร้ายกาจหรืออันตรายอย่างที่หลายประเทศเชื่อ แต่เป็นแค่คนที่มีมุมมองหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์โลก ซึ่งคำพูดนี้สวนทางกับความกังวลของหลายประเทศในยุโรปที่เริ่มเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบระหว่างรัสเซียกับนาโต

ท่าทีที่เบาลงของทรัมป์มีขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยุโรปเริ่มตึงเครียดมากขึ้น เพราะไม่นานก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เพิ่งเปิดเผยว่า หน่วยข่าวกรองของยูเครนพบหลักฐานว่ารัสเซียกำลังวางแผนโจมตียุโรปอีกระลอก ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินก็เพิ่งประกาศชัดว่า “ยูเครนทั้งหมดเป็นของรัสเซีย” ยิ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่ารัสเซียอาจไม่หยุดแค่ยูเครน

ทั้งนี้ ท่ามกลางกระแสคุกคามที่เพิ่มขึ้น ประเทศสมาชิกนาโตจึงเห็นพ้องร่วมกันในการเพิ่มงบกลาโหม โดยตั้งเป้าให้แต่ละประเทศจัดสรรงบประมาณด้านความมั่นคงอย่างน้อย 5% ของ GDP ภายในปี 2035 ด้านผู้นำใหม่ของนาโต มาร์ค รุตเต้ (Mark Rutte) ยังเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายมีท่าทีสมจริงต่อภัยจากรัสเซียและจีน ขณะที่เยอรมนีก็เตือนว่า รัสเซียอาจทดสอบความเหนียวแน่นของพันธมิตรนาโตนอกเหนือจากยูเครนในเร็ว ๆ นี้

ตรวจการบ้าน ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ จาก 22 เดือนในตำแหน่ง รมว.พลังงาน

หลังจากที่ 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 ก็ได้ทำการสังคายนาโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ อันเป็นการพลิกโฉมพลังงานไทยในภาพรวมทั้งระบบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย โดยมีการช่วยเหลือประชาชนโดยการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม รวมทั้งการกำกับการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนการผลิต นอกจากนั้นแล้ว มีการบริหารให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติใช้ก๊าซในราคา Pool Gas (ราคาเฉลี่ยจากทุกแหล่งที่มา) ซึ่งได้ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสามารถลดลงได้ มีการออกแบบนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติด้วยแนวทาง 'รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง' เพื่อเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน อันเป็นการสร้างระบบราคาเชื้อเพลิงพลังงานที่เป็นธรรมให้พี่น้องประชาชนคนไทย โดยแนวทางดังกล่าวมีนิยามพอสังเขปดังนี้ :

- รื้อ : รื้อ...ระบบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้ง 'ต้นทุน' ให้กับหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแล
- ลด : ลด...ภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรายวัน โดยกำหนดราคาขายปลีกให้สอดคล้องและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง 
- ปลด : ปลด...พันธนาการ 'น้ำมันแพง' ที่ประชาชนต้องแบกรับจากภาวะขึ้นลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก
- สร้าง : สร้าง...ระบบราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นธรรมและยั่งยืน ส่วนหนึ่งคือการสร้างกลไกที่เรียกว่า SPR (Strategic Petroleum Reserve หมายถึง ระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและสร้าง เสถียรภาพราคาเชื้อเพลิง)

แนวทาง 'รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง' ขับเคลื่อนด้วยกระบวนการบันได 5 ขั้น ซึ่งเริ่มขึ้นแล้ว อันได้แก่ :

ขั้นที่ 1 ดำเนินการสำเร็จแล้ว ‘ตรึงราคาพลังงาน’ : ใน 6 เดือนแรกของการกำกับดูแลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน “พีระพันธุ์” ได้สั่งการให้เร่งรัดเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ด้วยการตรึงราคาพลังงานเชื้อเพลิง ทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซหุงต้ม พร้อมทั้งหาช่องทางในการปรับรื้อระบบเพื่อแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานไม่ต่ำกว่า 40 ปี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนแรก ในการศึกษาปัญหาและค้นหาวิธีการที่จะรู้ต้นทุนราคาน้ำมันที่กระทรวงพลังงานไม่เคยรู้ และทุกฝ่ายบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีทางทำได้! เพราะไม่มีอํานาจ และจะมีอํานาจได้ก็ต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับเพื่อให้รู้ต้นทุนราคาน้ำมันที่แท้จริงของผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง 

ขั้นที่ 2 ดำเนินการสำเร็จแล้ว “แก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง” : หลังจากได้ศึกษากฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด เพื่อให้รู้ต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จนพบช่องทางที่แฝงอยู่ในกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน นำมาสู่การดำเนินงาน 'บันไดขั้นที่ 2' โดย 'พีระพันธุ์' ได้ลงนามประกาศกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2567 'รื้อ' ระบบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนให้กับหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลทุกวันที่ 15 ของเดือน ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 51 ปี มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2567 จึงทำให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นมา

ขั้นที่ 3 อยู่ในระหว่างการดำเนินการ 'รื้อระบบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง' โดย 'พีระพันธุ์' ได้สั่งให้มีการ “รื้อระบบการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง” โดยผู้ค้าต้องแจ้งให้กระทรวงพลังงานทราบก่อน และให้ผู้ค้าปรับราคาขายปลีกน้ำมันได้เพียงเดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ปรับราคากันทุกวันเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งเป็นระบบที่คิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง เข้ามาใช้แทนการอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ และมีอีกหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมไปถึงเรื่องของการจำหน่ายก๊าซหุงต้มด้วย ให้ปรับราคาได้ตามความเป็นจริงตามที่ราคาตลาดโลกสูงกว่าราคาต้นทุนเฉลี่ยของผู้ค้าน้ำมันในงวดเดือนนั้น ๆ  ณ วันที่มีการปรับราคานั้น เพื่อ 'ลด' ภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรายวันที่ไม่มีความเสถียรแน่นอนเป็นการกำหนดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้บริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณะกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ได้เอง

ขั้นที่ 4 อยู่ระหว่างการเตรียมดำเนินการ 'ปรับระบบสำรองน้ำมัน' โดย 'พีระพันธุ์' ได้สั่งให้มีการศึกษาข้อมูลของประเทศต่าง ๆ เพื่อเตรียมจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR อย่างเร่งด่วน โดยจะนำระบบนี้มารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รัฐบาลสามารถควบคุมราคาได้เอง เพราะ SPR จะช่วยให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในระยะสั้นจากปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นผู้จัดเก็บน้ำมันสำรองเพื่อการพานิชย์ซึ่งปริมาณที่จัดเก็บสามารถรองรับการใช้งานในประเทศเพียงไม่เกิน 30 วันเท่านั้น กรณีฉุกเฉินหรือเกิดวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง เช่นกรณีหากเกิดสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่านขึ้นจะไม่ทำให้มีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งราคาและ Supply น้ำมัน และระบบ SPR นี้สามารถใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รัฐบาลกำหนดได้เองโดยไม่กระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลก (ทำให้ปัญหาการขึ้นลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับผู้ค้าน้ำมัน โดยประชาชนผู้บริโภคไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง) รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานจะเป็นผู้ถือครองน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองให้เพียงพอต่อการใช้งานได้นานขึ้นเป็น 50-90 วันเป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ทั้งยังเป็นการ ‘ปลด’ พันธนาการชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ต้องรับผลกระทบจากภาวะขึ้นลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกได้อย่างสิ้นเชิง เป็นการเปลี่ยนกองทุนน้ำมันฯ ที่ใช้เงินและสร้างหนี้สาธารณะ ให้กลายเป็นน้ำมันสํารองซึ่งเป็นทรัพย์สินของประเทศแทน

ขั้นที่ 5 อยู่ในระหว่างการเตรียมดำเนินการ 'สร้างพลังงานยุคใหม่' โดย 'พีระพันธุ์' ได้สั่งให้มีการศึกษาข้อมูลของประเทศต่าง ๆ เพื่อเตรียม 'สร้าง' ระบบราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นธรรมและยั่งยืนเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย ด้วยการนำผลสรุปการศึกษารวบรวมมาพิจารณาในการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ทั้งหมด โดยประกอบด้วย กฎหมายสร้างระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ และกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งเพิ่มกฎหมายอีกหนึ่งฉบับคือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนอย่างยั่งยืน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่ 3 และ 4 ให้สำเร็จลุล่วงอย่างมั่นคงและมีต่อเนื่องความยั่งยืน

ณ วันนี้ แนวทาง รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง ระบบพลังงาน ตามเป้าหมายบันได 5 ขั้นของ 'พีระพันธุ์' ได้ดำเนินการผ่านมาแล้ว 2 ขั้น และกำลังเร่งดำเนินการในขั้นที่ 3 (ซึ่งกำลังใกล้จะสำเร็จแล้ว) และขั้นที่ 4 ได้ดำเนินการไปพร้อมกับการเตรียมการในขั้นที่ 5 เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านพลังงาน  และเพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้ใช้พลังงานเชื้อเพลิงในราคาที่เป็นธรรม ไม่ต้องแบกภาระความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ในขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันก็จะได้รับการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม สร้างความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย

ดังนั้น สิ่งต่าง ๆ ที่ 'พีระพันธุ์' ทำมาเป็นประโยชน์อย่างมากมายกับ “ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนคนไทย” แต่เป็นเรื่องที่ขัดผลประโยชน์ของ “กลุ่มทุนพลังงาน” จนทำให้ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ต้องแตกเป็นก๊ก แบ่งเป็นฝ่าย ซึ่งพี่น้องประชาชนคนไทยหากได้คิดพิจารณา ใคร่ครวญ อย่างละเอียดและถี่ถ้วนแล้ว น่าจะได้สังเกตเห็นและมองออกว่า 'พีระพันธุ์' ในตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน” นั้นทำเพื่อ “ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนคนไทย” อย่างเต็มที่ และเป็นโอกาสเดียว ด้วยเหตุที่ไม่เคยมี “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน” ได้พยายาม “คิดและทำ” แบบนี้มาก่อนเลย หากภารกิจเพื่อ “ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนคนไทย” ของ 'พีระพันธุ์' ไม่สำเร็จเสร็จสิ้นในรัฐบาลชุดนี้แล้ว “ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนคนไทย” ก็จะตกเป็น “เบี้ยล่าง” ของ “กลุ่มทุนพลังงาน” ตลอดไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top