Saturday, 7 June 2025
TheStatesTimes

การรถไฟฯ เดินหน้าทวงคืนที่ดิน ‘เขากระโดง’ ยันทวงคืนตามสิทธิ์ไม่ใช่การก้าวล่วงประชาชน

(23 ธ.ค.67) การรถไฟฯ ยืนยันถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน 'เขากระโดง' ย้ำมีเอกสาร – ข้อมูล และคำตัดสินของศาลเป็นที่สิ้นสุด ระบุพร้อมเดินหน้าดำเนินการทุกอย่าง เพื่อให้ที่ดินกลับมาเป็นของ รฟท. นำมาสู่การรักษาสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชน

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แถลงการณ์เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง จากกรณีที่มีผู้มาพาดพิง ตามที่มีการรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่า นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดิน ได้นำอธิบดีกรมที่ดิน รองอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สส.จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และข้าราชการส่วนท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ พบกับราษฎรที่ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อยืนยันสิทธิ์การครอบครองที่ดินของราษฎร และกล่าวพาดพิงถึง รฟท. ในทำนองว่า รฟท. จะไปก้าวล่วงสิทธิของประชาชนนั้น

ทั้งนี้ รฟท. เห็นว่า การดำเนินการข้างต้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของประชาชนต่อการดำเนินการของ รฟท. เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ดังนั้นจึงขอชี้แจงว่า รฟท. เป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ดินของ รฟท. จึงเป็นที่ดินของรัฐและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่ง รฟท. มีวัตถุประสงค์เพื่อรับโอนกิจการของกรมรถไฟ ดังนั้นบรรดาที่ดินและทรัพย์สินที่เคยเป็นของกรมรถไฟจึงโอนมาเป็นของ รฟท.

อย่างไรก็ดี รฟท. มีหน้าที่ต้องดูแลที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ และติดตามเอาที่ดินของ รฟท. ที่มีการยึดถือครอบครองและออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบให้กลับคืนมาเป็นของ รฟท. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การดำเนินการของ รฟท. เพื่อทวงคืนที่ดินบริเวณเขากระโดง จึงเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ที่ดินบริเวณเขากระโดงได้รับการพิสูจน์และยืนยันผ่านกระบวนการทางศาล และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเป็นที่ยุติแล้วว่าที่ดินประมาณ 5,000 ไร่เศษ บริเวณ ตำบลอิสาณ และ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิของ รฟท.

พร้อมกันนี้ศาลปกครองได้วินิจฉัยโดยอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งสองเรื่องข้างต้นแล้วสรุปว่าที่ดินบริเวณพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. นอกจากนี้ คำพิพากษาของศาลปกครองกลางยังระบุด้วยว่า กรมที่ดินมีหน้าที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการรถไฟฯ ไม่จำต้องไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาทุกแปลง

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของ รฟท. ซึ่งเป็นการออกโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า เหตุใด รฟท. จึงไม่ยื่นเอกสารแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินชุดเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกา ซึ่งแสดงถึงเขตที่ดินของการรถไฟฯ ที่ครบถ้วน และที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินพิจารณานั้น ขอชี้แจงว่า รฟท. ยื่นเอกสารซึ่งแสดงถึงการได้มาของที่ดินรถไฟ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้กับคณะกรรมการสอบสวนทั้งหมด และเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับที่ยื่นต่อศาลยุติธรรมด้วย

ทั้งนี้ปัญหาการออกเอกสารทับซ้อนที่ดินของ รฟท. นั้น หน่วยงานที่เป็นผู้ออกเอกสารสิทธิในที่ดิน คือ กรมที่ดินและสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินที่จะต้องแก้ไขหรือดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยการดำเนินการตามขั้นตอนในการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทั้งหมด

พร้อมขอยืนยันว่า สิทธิในความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง อันเป็นที่ดินของรัฐ โดยจะดำเนินการทุกอย่างภายในกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นที่ดินของ รฟท. เพื่อสงวนไว้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นไปเพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชนทุกคนต่อไป

โดยการแก้ปัญหาที่ดินเขากระโดงไม่ใช่เรื่องยาก หากกรมที่ดินซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินได้ร่วมมือกับ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครองกลาง และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีฝ่ายใดนำเอาปัญหาที่ดินเขากระโดงไปเชื่อมโยงเพื่อเป็นประเด็นการเมือง เพียงหวังเรื่องคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะจะทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีก

ประธานชมรมพยาบาลสี่เหล่า มอบรางวัล ”คนดีศรีพยาบาลสี่เหล่า

พลเรือตรีหญิง ทัศนีย์ อาชวาคม อดีตท่านผู้บริหารวิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ และ นาวาเอกหญิงเรืองรอง วิยาภรณ์ อดีตรองผู้อำนวยการ รพ. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ที่ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม นานัปการ เข้ารับรางวัล ”คนดีศรีพยาบาลสี่เหล่า” จาก พลตรีหญิง ศิริจันทร์ งาทอง ประธานชมรมพยาบาลสี่เหล่า ณ ห้องชมัยมรุเชฐ ชั้น 3 สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ 

โดยมี คณาจารย์วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ข้าราชการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ และโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ร่วมแสดงความยินดี เมื่อ 19 ธ.ค.67 ผ่านมา

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

บึงกาฬ-สนามบึงกาฬเดือด2พรรคใหญ่ส่งชิงนายกฯ-ส.อบจ.

สนามการเมืองท้องถิ่น ชิง นายกอบจ. และ ส.อบจ. วันแรกคึกคัก โดยครั้งนี้มีตัวแทนจากพรรคใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย ส่งตัวแทนชิงเก้าอี้อย่างดุเดือด

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 23 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่บริเวณโดมเอนกประสงค์ สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ที่ กกต.ใช้เป็นสถานที่รับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นวันรับสมัครวันแรก ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของกองเชียร์และผู้สมัครมีมาเฝ้ารอตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณ 07.30 น. ซึ่งก่อนถึงเวลารับสมัคร โดยทางคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งได้จัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างเป็นระบบ จัดโซนผู้สมัคร ผู้ติดตามและกองเชียร์อย่างชัดเจน

นายวนาชาติ วงศ์พุทธา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ  พร้อมเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ คอยรับสมัครและอำนวยความสะดวกให้กับผู้มารับสมัคร โดยในวันนี้มีผู้มาสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.จำนวน 3 คน โดยคนแรกเป็นว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย คนที่ 2 นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ในนามอิสระ คนที่ 3 นางแว่นฟ้า ทองศรี ดีกรีภริยา ดร.ทรงศรี ทองศรี รมช.มหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ(แชมป์เก่า) พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มฅนบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย 

หลังจากนั้น ทางคณะกรรมการจึงได้ให้ตามเวลาลงทะเบียนการรับสมัคร รับเบอร์ผู้สมัครนายก อบจ. ผลปรากฏว่าการลงทะเบียน ว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น กลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ จากพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 1
นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ได้เบอร์ 2 ในนามอิสระ
นางแว่นฟ้า ทองศรี จากพรรคภูมิใจไทย ได้เบอร์ 3 จากนั้นคณะกรรมการได้ดำเนินการจับสลากผู้สมัคร สมาชิก อบจ.ในแต่ละเขต ทั้ง 24 เขตซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่ามกลางกองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจและมอบดอกไม้ พวงมาลัยคล้องคอ ผูกผ้าขาวม้า กันอย่างคึกคักให้กับผู้สมัครของตนที่มาสมัครและจับสลากเอาเบอร์

ส่วนพรรคประชาชน ส่งผู้สมัครแค่สมาชิก อบจ. 2 เขต มี ส.อบจ.เมืองบึงกาฬ เขต 1 และ ส.อบจ.เซกา เขต 3 เท่านั้น

ด้านนายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า เชิญชวนประชาชนชาวบึงกาฬออกมาใช้สิทธิ์ ในครั้งนี้ให้มากๆ เลือกคนที่ท่านรักที่ท่านชอบ ช่วยบริหารท้องถิ่น พัฒนาบึงกาฬร่วมกัน และยืนยันว่า การเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. บึงกาฬ ด้วยความโปร่งใส และยุติธรรม 

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

“ผบช.สตม. เดินหน้าปราบปราม แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ชูเชียงใหม่เป็นจังหวัดนำร่อง ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ เตือนอย่าหลงเชื่อบุคคลอ้างเรียกเก็บค่าดำเนินการ ย้ำหากทำให้หน่วยงานเสียหายจะดำเนินคดีทันที ”

วันนี้ (23 ธ.ค. 67) เวลา 13.00 น. ที่ โรงแรมสมายล์ ล้านนา จ.เชียงใหม่  พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท. ช่วยราชการ รอง ผบช.สตม. , พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท รอง ผบก.ตม.5,พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ เชิญนายจ้าง ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ทำความเข้าใจให้ความรู้การอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรและการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล สำหรับคนต่างด้าว 4 สัญชาติ เตือน "โบรกเกอร์เถื่อน" หลอกเรียกเงินนายจ้างนำเข้าแรงงาน พบดำเนินคดีเด็ดขาด

พล.ต.ท.ภาณุมาศฯ  กล่าวว่า วันนี้ตนได้เชิญนายจ้างและผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มาเข้ารับการอบรม ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของ สตม. กับคนต่างด้าว 4 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ให้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ครบถ้วน สะดวกรวดเร็วกับทั้งตัวผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถอยู่ต่อในราชอาณาจักรได้อย่างถูกต้อง  โดยผู้ประกอบการทุกท่านสามารถนำคนต่างด้าวที่ซึ่งได้รับการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 13 ก.พ.68 มารับการตรวจอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรภายในวันที่ 13 ก.พ.68 และคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลได้ภายในวันที่ 28 มิ.ย.68 หากล่วงเลยกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ มาตรา 81 ฐานอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด สำหรับนายจ้าง หรือผู้ประกอบการ อาจจะมีความผิดฐานให้เข้าพักอาศัย ซ้อนเร้น ให้ความช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท และขอความร่วมมือนายจ้างและผู้ประกอบการทุกท่านไม่จ้างแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีอนุญาตทำงาน หรือ ให้คนต่างด้าวทำงานที่ต้องห้ามคนต่างด้าวทำ 40 งาน แบ่งเป็น งานที่ห้ามทำเด็ดขาด 27 งาน และงานที่ให้คนต่างด้าวทำได้โดยมีเงื่อนไข 13 งาน ซึ่งหากตรวจพบการฝ่าฝืนกฎหมาย คนต่างชาติทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกผลักดันส่งกลับ และในส่วนนายจ้างที่จ้างคนต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างชาติทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างชาติที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างชาติทำงานเป็นเวลา 3 ปี 

ทั้งนี้ยังได้กำชับ นายจ้าง สถานประกอบการ ปัจจุบันเริ่มมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ
การมอบอำนาจให้ตัวแทน ( Agent )  ไปดำเนินการติดต่อ กับทาง กระทรวงแรงงาน หรือ ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว  ตาม มติ ครม. โดยมีการเรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ นั้น  ขอเรียนว่าในส่วนขั้นตอนของ สตม.  นั้น  ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกินจากค่าธรรมเนียมที่ทางราชการกำหนดไว้  และปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นตอนของ สตม. คือขั้นตอนการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร จึงมั่นใจว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดไปเรียกเก็บผลประโยชน์อย่างแน่นอน หากพบเบาะแสสามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัด หรือแจ้งมาที่ตน จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดทุกกรณี

ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นไปที่ภาคการท่องเที่ยว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยโดยเฉพาะ สตม. เร่งปราบปรามอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การแย่งอาชีพคนไทย อย่างจริงจัง หากพบเบาะแส การกระทำความผิดของคนต่างด้าว สามารถแจ้งได้ที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดทั่วประเทศ

ระหว่างกาช่อง ‘โหวตโน’ กับเลือกที่ ‘ไม่เข้าขั้นแย่’ แบบใดจะนำพาประเทศชาติหลุดพ้นจากวังวนเดิม ๆ

อยู่ประเทศไทยหากจะหานักการเมืองที่ซื่อตรงต่อประชาชนอย่างจริงแท้ คนส่วนใหญ่จึงเลือกพรรคการเมืองที่แย่น้อยหน่อยตามความนึกคิดของตัวเองให้เข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง เพราะถ้าจะหาในแบบที่ดีบริสุทธิ์ 100% ตายแล้วเกิดใหม่อีกหลายครั้งก็ใช่ว่าจะพบเจอ เป็นการลดความคาดหวังออกจากอุดมคติของตนเอง มาก้มหน้ายอมรับสิ่งที่เห็นจริงตรงหน้า เพื่อให้สังคมไทยได้เดินต่อ แม้จะเป็นการก้าวเหยียบดินไม่เต็มฝ่าเท้าก็ตาม 

เพราะการมองและเลือกมุมนี้เท่ากับว่า คนไทยส่วนนี้สิ้นหวังแล้วว่าจะไม่พบเจอนักการเมืองที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ทุจริต และทำงานรับใช้ชาติเพื่อส่วนรวม จึงจำใจกาเลือกไปตามสติปัญญาของตัวเอง 

คนจำนวนนี้คิดว่าการ 'โหวตโน' เป็นเรื่องไร้สาระ เป็นการเสียสิทธิ์ สู้เลือกพรรคการเมืองที่ยัง 'ไม่เข้าขั้นแย่' ก็น่าจะดีกว่า จะได้เอาไว้คานอำนาจ ไว้ต่อสู้กับพรรคการเมืองที่ 'เลวทั้งโคตร' หรือ 'เป็นอันตรายต่อสถาบันไทย' ย่อมจะมีประโยชน์กว่าการออกไป 'โหวตโน' ให้บัตรทิ้งเสียไปเฉย ๆ 

นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลของคนที่ไม่กาช่อง 'โหวตโน' แม้สิ่งที่เลือกจะไม่ใช่ในแบบที่ใฝ่ฝันไว้ก็ตาม

แต่ประโยชน์ของช่อง 'โหวตโน' ที่ซ่อนอยู่ คือจะช่วยสะท้อนให้เห็นว่า นักการเมืองที่เห็นและเป็นอยู่ไม่ได้มีคุณค่า หรือมีความหมายต่อคนไทยอีกต่อไปแล้ว คนไทยจึงพร้อมใจกันกาเลือก 'ช่องที่ไม่ต้องเลือกใคร' เพราะมองไม่เห็นว่าคนหรือพรรคการเมืองใดควรคู่กับ 'ความไว้วางใจ' ของประชาชนได้อีกต่อไปแล้ว 

เข็ด เบื่อ เหลืออด ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง คนใหม่ก่นด่าว่าคนเก่าแต่พอเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ทำในสิ่งที่แย่กว่า และปัญหาการคอร์รัปชันก็ไม่เคยหมดหายไปจริง ๆ แล้วจะให้ประชาชนกาเลือกในสิ่งที่มีอยู่อีกทำไม? นี่คือเหตุผลหลักของคนที่เลือกช่อง 'โหวตโน' 

หากมองในมุมโลกสวยขึ้นมาอีกนิด คนไทยที่เลือกช่อง 'โหวตโน' หรือเลือกพรรคที่ 'ไม่เข้าขั้นแย่' คนไทยสองกลุ่มนี้ก็ยังเป็นกลุ่มคนที่พอจะหวังพึ่งพิงได้ของประเทศชาติ เพราะอย่างน้อยก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่บ้องตื้นกาเลือกพรรคการเมืองที่วัน ๆ คิดแต่จะล้มล้างการปกครอง หรือพรรคการเมืองที่นอกจากเคยโกงจำนำข้าว, มีนักโทษลวงโลกบนชั้น 14 ก็ยังมีนายกนอมินีที่ติดอันดับโง่จนทำให้ประเทศชาติอับอายแทบจะทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์สื่อ

ถึงมีคำกล่าวที่ว่า นายกเป็นแบบใด คนเลือกเข้ามามันก็เป็น..แบบนั้น

เจาะลึก Honda กับ Nissan ก่อนการควบรวมกิจการ

​จากรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2024 บริษัทฮอนด้า (Honda) และนิสสัน (Nissan) กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการ การควบรวมกิจการระหว่างฮอนด้าและนิสสันจะทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น โดยการรวมทรัพยากรและเทคโนโลยีของทั้งสองบริษัทจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรายใหม่ ๆ ในตลาดโลก และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ เช่น เทสลา (Tesla) และบีวายดี (BYD)

​แล้วทั้ง 2 บริษัทมาความเป็นมาอย่างไร เดี๋ยววันนี้จะพาไปรู้จักกันค่ะ

โดยสรุปคือ แม้ฮอนด้าจะมีมูลค่าตลาดสูงกว่านิสสันประมาณ 5 เท่า รวมถึงยอดขายที่สูงกว่า แต่การผนึกกำลังครั้งนี้ก็จะทำให้เกิดข้อได้เปรียบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้นค่ะ

'ทักษิณ' ปราศรัยเดือด ไม่ทนพวกเห่าหอน ซัดมาซัดกลับ รับสมัครทนายอาสาช่วยฟ้อง

‘ทักษิณ’ อู้กำเมือง เลือก ‘สว. ก๊อง’ ขอคืน สส.เพื่อไทยทั้ง 10 เขต ไม่ทนพวกเห่าหอน ลั่นซัดมาซัดกลับ ประกาศรับสมัครทนายอาสาช่วยฟ้องที เหน็บพรรคประชาชน ขี้โม้ขี้อิจฉา พูดเก่งแต่ทำไม่ได้ บอกไม่ต้องเอาแล้ว "พระเอกเกาหลี" เอา "พ่อนางเอกหนังจีน" ไว้ใช้งานดีกว่า พร้อมซัดนักร้องเจ้าประจำบางคนเคยให้เงินแต่กลับมาแว้งกัด

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ (23 ธ.ค. 67) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียง โดยทันทีที่นายทักษิณมาถึงได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย

นายทักษิณ เปิดเวทีด้วยการอู้กำเมืองทักทายประชาชนว่า ตนไปอยู่เมืองนอกมา 17 ปี ยังอู้เมืองคล่องอยู่ มาจ.เชียงใหม่ก็รู้สึกหัวใจพองโต วันนี้ตนมาหาเสียงช่วยนายพิชัย และจะมาเยี่ยมพี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ทั่ว ตนจากบ้านไปหลายปีคิดถึงมาก คิดถึงเชียงใหม่ช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องทำมาหากินอย่างสบาย มีเงิน แต่วันนี้ จ.เชียงใหม่ไม่สวยเหมือนเดิม งบประมาณเข้าไม่ถึง ตนกลับมาแล้ว ขอให้เอาความงามกลับคืน จ.เชียงใหม่ เอาสตางค์กลับมาคืนใส่กระเป๋าพี่น้องชาวเชียงใหม่ ทำให้หนี้เบาบางลง เอายาเสพติดให้หายไป

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกเสียดายเวลา แต่ไม่ใช่เสียดายเวลาของตนแต่เสียดายเวลาของพี่น้องคนไทยทุกคน ครั้งที่ผ่านตอนนายพิชัยลงเลือกตั้ง ตนเขียนจดหมายน้อยมาฉบับหนึ่ง พี่น้องชาวเชียงใหม่ก็เทคะแนนให้ 4 แสน จึงชนะ แต่วันนี้ตนมาเอง มาตัวเป็นๆ บางคนจับตัวตน แล้วถามว่าอันนี้ตัวจริงหรือไม่ เมื่อมาเองก็ขอคะแนน

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า คู่แข่งของนายพิชัยคือพรรคประชาชน (ปชน.) ซึ่งเขาโม้ไว้ว่า เขามีสส. 7 คน ถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาด ขอพี่น้องคืนสส.ให้ตน พรรคปชน.เป็นพรรคที่พูดเก่ง คนรุ่นใหม่เขาพูดเก่งทุกคน แต่ยะบ่จ่าง และยังบ่ได้ยะ วันนี้พรรค พท.ยังไงก็ได้ทำ เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีทุกคนก็นึกถึงแต่พรรค พท. ที่ทำให้พี่น้องได้อยู่สุขสบาย หากใครได้อ่านจากสื่อมวลชนจะเห็นว่าเขาตั้งฉายาให้รัฐบาลว่าเป็นรัฐบาลพ่อเลี้ยง สงสัยสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลคนเมือง เลยใช้คำว่าพ่อเลี้ยง เห็นว่าคนเชียงใหม่เป็นพ่อเลี้ยงหมด จริงๆ แล้วตนไม่ใช่พ่อเลี้ยง แต่ลูกอาจจะเลี้ยง เพราะตนมีเงินเดือนแค่ 700 บาท แต่ลูกเป็นนายกรัฐมนตรีมีเงินเดือนเป็น 100,000 บาท

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า มีใครเคยเห็นนายกรัฐมนตรีพูดเรื่องบ้านเพื่อคนไทยหรือไม่ คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะคนที่เรียนจบมาบางคนก็ไม่มีงานทำ หรือมีงานทำก็ไม่มีปัญญาซื้อบ้าน จึงอยากทำให้ความฝันของคนไทยเป็นจริง มีเงินแค่ 10,000-20,000 บาท ก็จะสามารถซื้อบ้านได้ ไม่ต้องไปเสียเงินดาวน์ ผ่อนแค่เดือนละประมาณ 4,000 บาท แต่มีบ้านอย่างดีอยู่ อยากให้คนไทยอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่อย่างไม่ลำบาก

“พรรคประชาชนเขาเน้นเรื่องความเท่าเทียม ความเท่าเทียมในสายตาของพรรคประชาชนเป็นความเท่าเทียมทางสถานะ แต่ความเท่าเทียมของพรรค เพื่อไทยเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส วันนี้ยากดีมีจนเกิดที่ไหนก็ควรมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา เข้าถึงอาชีพ หรือการเงินเหมือนกัน ดังนั้น จึงพยายามแก้ปัญหาทุกอย่างเพื่อให้คนไทยเข้าถึงแหล่งเงินแหล่งทองได้” นายทักษิณ

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า นายพิชัยตอนเป็นนายก อบจ.ใหม่ๆ ก็เมาหมัด แต่ช่วงหลังก็ขยันหมั่นเพียรมากขึ้นดูได้จากผลงาน ตอนน้ำท่วมที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ และเคยไปขอที่ดินตรงข้ามสถานีรถไฟ ที่มองว่าจะนำมาสร้างสวนเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้พี่น้องประชาชน ตนจึงบอกว่าทำไมถึงไม่ทำบ้านเพื่อคนไทยด้วย จะได้เห็นวิวสวยงาม หาใครยังไม่มีบ้าน ก็จะได้มี รวมถึงเรื่องถนนเลียบทางรถไฟไป จ.ลำพูนที่ยังเหลืออีก 11 กิโลเมตร สมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้เริ่มทำไปแล้ว แต่ก็ยังทำไม่เสร็จ นายพิชัยก็ไปขอน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะมาทำต่อ และจะได้ไปจ.ลำพูนโดยที่รถไม่ติด

“เป็นห่วงพี่น้องวันนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เพราะเป็นการบริหารการเงินที่ผิดพลาดมา 10 กว่าปีแล้ว เพราะเป็นการเอาเงินออกจากระบบ ธนาคารมีความพยายามที่จะปล่อยกู้ คนตัวเล็กตัวน้อยตายหมด รัฐบาลจึงพยายามที่จะเอาเงินมาเข้าระบบเพื่อให้คนไทยได้ไปต่อ” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนกำลังปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีว่าเงินที่เราหาได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่เชียงใหม่ พอหาได้ก็ไปซื้อของกิน เงินก็เข้ากรุงเทพฯ หมด ต่อไปตนจึงจะพยายามว่าทำให้เงินเหล่านี้มาอยู่เชียงใหมม่มากขึ้นเพื่อที่เศรษฐกิจจะได้เดิน ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นเหมือนปลาที่ไหว้น้ำในบ่อ ที่เขาดูดน้ำออกทุกวัน ปลาจะไหว้ไม่ค่อยได้ ก็จะตาย ฉะนั้น ต้องเอาน้ำเข้ามาเติมใหม่โดยด่วนจึงจะช่วยพี่น้องได้

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนไปอุดรธานีมา ตนก็บอกว่าคนอุดรฯ เคยให้ สส.ตน 10 คนแล้วหายไปไหน 2 คน ขอคืนได้หรือไม่ เขาก็คืนให้ โดยเขาจะคืนนายกอบจ.ให้ เช่นเดียวกับที่อุบลราชธานี วันนี้ที่เชียงใหม่เป็นภารกิจพิเศษ พี่น้องอย่าลืมตน ตนกลับมาแล้ว อย่างไร ตนก็รักบ้านเมือง ตนนี้ตนกลับมาแล้ว อย่างน้อยต้องทำให้เชียงใหม่ดีเท่ากับตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือดีกว่า

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นพี่น้องไม่ต้องไปใช้ใคร ให้ใช้ทักษิณ กับลูกทักษิณ เขตไหนที่เลือกพรรคก้าวไกลที่ตอนนี้เป็นพรรคปชน. ครั้งหน้าขอให้เลือกพรรค พท. คืนสส.ให้ตน เนื่องจากในสภาฯ หากพรรคไม่ใหญ่ ก็เกิดการต่อรองนั่นนี่ บ้านเมืองก็จะไปยาก ดังนั้น ถึงเวลาที่พี่น้องประชาชนต้องคิดว่าจะให้ใคร และเทไปเลย บ้านเมืองจึงจะไปได้เร็วเหมือนตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เลือกได้ 300 กว่าเสียง ก็สามารถทำนั่นนี่ได้ไว และจะสามารถทำให้ประเทศไทยมีความสุข อย่าไปขี้ขอย(ขี้อิจฉา)

“การเมืองต้องเป็นปึกแผ่น ต้องเข้มแข็ง ดังนั้นคะแนนพี่น้องอย่าไปขี้เหนียว แบ่งนั้นนิดแบ่งนี่หน่อย ขอให้เอามาให้พรรคเพื่อไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าทำไม่ได้ ให้มันรู้ไป ตนกลับมาแล้วยังไงก็เป็นรัฐบาล แต่อยากเป็นรัฐบาลที่เสียงมันเข้มแข็ง จะได้ทำงานหนักๆ ดังนั้น ต้องเริ่มจากท้องถิ่นคือ อบจ.เพราะเป็นการรับลูกจากรัฐบาลกลาง” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนกำลังคิดพัฒนาคนและสินค้าในแต่ละจังหวัด และต้องมีตัวแทนทำ บางจังหวัดผู้ว่าฯ ก็เต็มใจทำ แต่บางจังหวัดผู้ว่าฯ เหลืออีก 1 ปีจะเกษียณ ก็รู้สึกว่าตนเองขี้เกียจทำ ดังนั้นจึงต้องมาเอานายก อบจ.ของเรา

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า สินค้าที่เค้าขายใน TikTok ขายดิบขายดี แต่สินค้าบ้านเราไม่มีใครเป็นเจ้าภาพ การพัฒนาคนก็เหมือนกัน จะเอาคนมาฝึกเพื่อให้เงินเดือนดีขึ้น และเชื่อว่าหลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้อาจจะมีหัวศิลปะ หัวคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีโอกาส ต้องไปทำนาทำไร ซึ่งทำได้แต่ก็รู้สึกเสียดาย ซึ่งคนมีหัวต้องได้รับการพัฒนา ที่เราเรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ ตนจะใช้อบจ.และจังหวัดเป็นแกนกลาง และต้องทำให้คนแข็งแรง และเอาของที่ผลิตในพื้นที่ขายได้ผ่านโซเชียลของเขา

“ดังนั้น ขอพี่น้องประชาชนเลือกนายกก๊องกลับมาอีกครั้ง แล้วผมจะใช้งานให้เต็มที่ ผมมีตำแหน่งอยู่ 3 ตำแหน่ง คือ ส.ท.ร. หรืออดีตเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งที่สองเป็นผู้เฒ่า ตำแหน่งที่สามเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ครอบงำ เพราะลูกสาวคนเล็กบอกว่าพ่อต้องฟัง อยากขอพี่น้องชาวเชียงใหม่ ว่าไม่ต้องใช้ใครไกล เห็นหน้ามากี่ครั้งก็จำกันได้ ขอให้ใช้ทักษิณและลูกทักษิณก็พอ บางคนบอกคนเชียงใหม่ชอบพระเอกหนังเกาหลี แต่ผมว่าสู้พ่อนางเอกหนังจีนไม่ได้ คนอุดร คนอุบล ผมไป เขาก็ให้คะแนนกลับมาเต็มที่ คนเชียงใหม่อย่าให้น้อยหน้าเขานะ เอาหนักๆ สัก 6 แสนเสียงก็พอ หากนายพิชัยชนะ ทุกพื้นที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ เพื่อที่ครั้งหน้าเราจะเอาสส.คืนมาเป็น 10 เขต ดังนั้น พี่น้องชาวเชียงใหม่ขอคืนด้วย” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนเป็นคนแก่อายุ 75 ปีแล้ว อีกหกเดือนก็จะอายุ 76 ปี แก่มากแล้ว จะให้มาฟังคนแก่ปราศรัย ก็ไม่คึกคักเหมือนสมัยหนุ่มๆ จะไปท้าตีท้าต่อยเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ เมื่อก่อนเขาแรงมา เราแรงกลับ ตอนนี้ตนใจเย็นมา ขอพี่น้องอย่าไปฟังเสียงเขา พวกขาประจำตน เจอทีไรก็หาเรื่องมาสร้างนิยายน้ำเน่าตลอด ต่อไปนี้ตนจึงบอกว่าใครที่เล่นงานตน ตนจะเล่นงานกลับ ไม่ละไว้ บางคนบอกว่าชั่งมันเถอะ อย่าไปให้ราคา อย่าไปเล่นงานมันคืน

“ฮาบ่ละมันไว้เป๋นป้อ แม้ฮาจะแก่แล้ว คิงซัดฮามา ฮาซัดคิงไป คิดเล่นๆ สื่อไม่ต้องเอาไปเขียน ผมจะขออาสาสมัครทนายความ หากใครเก่งก็ขอให้มาช่วยฟ้อง แต่ก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ บางคนเราก็รู้พื้นเพกันอยู่ มันมาเห่าอยู่นั่น เพราะบางคนไม่ได้ทำอะไรเลย บางคนผมเคยให้เงิน และพ่อเคยสอนผมว่าวันนี้เราเลี้ยงข้าวมันมื้อเดียว มันอิ่ม มันก็ขอบคุณเรา แต่มื้อหน้า มันหิว มันหาคนเลี้ยงข้าวใหม่ ถ้าเราไม่เลี้ยงมัน มันก็ขบเรา แล้วเราต้องเลี้ยงมันทุกวันเลยหรือ ลูกเราโตแล้วยังหากินเองได้ แต่บางคนแก่จนจะลงโลงแล้วยังไม่รู้จักหากินเอง เห็นแล้วรำคาญมาก” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า บางคนคิดว่าหาเรื่องวุ่นวายมา เขาบอกว่าทหารก็จะออก แต่ตอนนี้หมดยุคแล้ว ทหารรู้ดีว่าบ้านเมืองเสียหาย ต้องว่าไปตามกลไกรัฐบาล ไปตามกลไกอำนาจ ใครทำผิดกฎหมายก็ว่าไปตามนั้น เราไม่ได้หาเรื่องใคร หากใครหาเรื่องเรา ก็ไม่รู้ว่าจะปล่อยไว้ทำไม ต่างประเทศเขาไม่เข้าใจ เขาไปมองว่าเมื่อมีคนร้องแล้วรัฐบาลจะไม่มีเสถียรภาพ แล้วเขาก็ไม่กล้ามาลงทุน ทำให้ประเทศเราหยุดชะงัก แต่วันนี้องค์กรอิสระเขายึดหลักบ้านเมืองแล้ว เขาไม่ยึดหลักแบบเก่า

“ดังนั้น พี่น้องต้องเลือกหลักบ้านเมือง คือเลือกไปใช้งาน ไม่ใช่เอามาแต่พูด วันนี้ผมมาขอเอง ไม่ได้เขียนจดหมายมา ขอให้เลือกนายกก๊อง และส.อบจ.ไปทำงานกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพื่อให้งบประมาณถึงมือพี่น้องประชาชนโดยตรง ผมมาขอเอง อ้อนวอนขอหลายครั้งแล้ว ให้ได้หรือไม่ หากหมดฤดูกาล อบจ.แล้ว ผมจะมาเชียงใหม่บ่อยๆ แล้วตอนนี้เขาจะเอาแพนด้ากลับคืนมาให้เรา เอาหรือไม่ และขอให้เร่งทำอยู่ ซึ่งประเทศจีนลดเงื่อนไขทุกอย่างเพื่อที่จะให้หมีแพนด้ากลับมาอยู่เชียงใหม่โดยเร็ว” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันที่ 26 ธันวาคมนี้ ตนจะได้ไปเจอกับเพื่อนตน ที่ตั้งให้ตนเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน เพื่อจะได้นั่งคุยกันว่าจะวางยุทธศาสตร์รวมของอาเซียนอย่างไร เพราะอาเซียนประกอบไปด้วย 10 ประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศต่างคนต่างอยู่ แต่จริงๆ รวมพลังกันอยู่แล้ว และต้องมีแผนยุทธศาสตร์ จึงขอให้ตนช่วย และตนคิดว่าเป็นประโยชน์กับประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจใหญ่ลำดับสองของอาเซียน ดังนั้น คิดว่าจะอาสาไปช่วยกันคิดเพื่ออาเซียน เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนกลับมาแล้ว แต่ก็ยังเห็นพี่น้องประชาชนลำบากอยู่ ดังนั้น ต้องใช้ตนหนักๆ และต้องเลือกตัวแทนของตน ตอนนี้ยังไม่ได้เลือก สส. ขอนายกอบจ.ก่อน และให้ไปขอเพื่อนด้วยบอกว่าทักษิณมาขอเอง เพราะขี้เกียจเอาปี๊บคุมหัว ฉะนั้นคนเชียงใหม่ต้องสู้ให้เต็มที่ นายทักษิณ มาขอเอง

ตุรกียึด 'ลูกกอริลลา' กลางสนามบิน ต้นทางไนจีเรีย ปลายทางส่งมากรุงเทพฯ

(24 ธ.ค.67) กระทรวงการค้าของตุรกีเปิดเผยว่า การตรวจยึดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยลูกกอริลลาดังกล่าวถูกส่งเข้ามายังตุรกีผ่านเที่ยวบินจากไนจีเรีย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะตรวจสอบและพบลูกกอริลลาอยู่ภายในลังไม้ดังกล่าว  

ลูกกอริลลานี้เป็นสายพันธุ์กอริลลาตะวันตก (Gorilla) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ตามอนุสัญญา CITES โดยการค้าระหว่างประเทศของสัตว์ชนิดนี้จะอนุญาตเฉพาะในกรณีจำเป็น เช่น การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น  

หลังจากการจับกุม ลูกกอริลลาได้ถูกส่งมอบให้กับหน่วยงานอุทยานแห่งชาติของตุรกี ขณะที่กระทรวงเกษตรตุรกีระบุว่า ขณะนี้ลูกกอริลลากำลังได้รับการฟื้นฟูและดูแล โดยสุขภาพของมันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และจะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด  

การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องสัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของทีมงานบังคับใช้กฎหมายศุลกากรในกระทรวงการค้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลักลอบขนส่งลูกกอริลลา รวมถึงผู้ที่เป็นปลายทางในกรุงเทพฯ  

มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (WFFT) ได้ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนและเปิดโปงเครือข่ายที่ลักลอบค้าสัตว์ป่าครั้งนี้ พร้อมย้ำว่าในยุคปัจจุบัน ไม่ควรมีกรณีลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามประเทศแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป

'เผ่าภูมิ' ส่งท้ายปี 67 มอบสัญญาเช่าที่ดิน สระบุรี 'เอาที่รัฐ ให้ราษฎร์ทำกิน' ถูกเพียงปีละ 200 บาท/ไร่

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวในโครงการ 'ธนารักษ์เอื้อราษฎร์' สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน ในอำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ว่า

กระทรวงการคลัง มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้พี่น้องประชาชน ตามโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ 'สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน' 'เอาที่รัฐ ให้ราษฎร์ทำกิน' โดยในวันนี้เป็นการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สบ.689 ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี และแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สบ.5, สบ.275, สบ.325, สบ.642 รวม 120 ราย (154 สัญญา) เนื้อที่ประมาณ 46 ไร่ 1 งาน 94.40 ตารางวา เป็นเพื่ออยู่อาศัย จำนวน 106 ราย (115 สัญญา) เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ 1 งาน 47.40 ตารางวา และ เพื่อการเกษตร 39 สัญญา เนื้อที่ประมาณ 29 ไร่ 47 ตารางวา ในอัตราค่าเช่าผ่อนปรน ดังนี้
- เช่าเพื่ออยู่อาศัย อัตราค่าเช่า ตารางวาละ 0.75 บาท/เดือน
- เช่าเพื่อประกอบเกษตรกรรม อัตราค่าเช่า ไร่ละ 200 บาท/ปี

โดยสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้ประชาชน ตามโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ 
1. ช่วยให้ประชาชนมีที่ดินทำกินในอัตราค่าเช่าถูก มีรายได้ที่มั่นคง และมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง 
2. เข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของรัฐ ทั้งสาธารณูปโภค สาธารณูปการ (น้ำ ไฟ ฯลฯ)
3. นำไปเป็นส่วนหนึ่งในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ 
4. สามารถไปยื่นขอบ้านเลขที่ ขอทะเบียนบ้านได้
5. สามารถได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลในกรณีต่างๆ เช่น ภัยพิบัติ น้ำท่วม ฯลฯ

‘รองนายกฯ ประเสริฐ - รมต. จิราพร' ย้ำที่ประชุม ‘กปช.’ เร่งขับเคลื่อนงานประชาสัมพันธ์ภาครัฐ เน้นนำเสนอนโยบายที่เห็นผล-เข้าถึงประชาชน ชู ‘ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ผลงานสำคัญของรัฐบาล

(23 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน กปช. และคณะกรรมการ กปช. เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานสำคัญประจำปี พ.ศ. 2567 ภายใต้การกำกับของ คณะ กปช. พร้อมทั้งพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568       

นายประเสริฐ กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อขับเคลื่อนสนับสนุนและผลักดันให้แผนปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 ฉบับนี้ ให้บรรลุเป้าหมาย ผ่านการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐทั้ง 20 กระทรวง อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นแนวทางการประชาสัมพันธ์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานประจำปีนำเสนอต่อ ครม. อีกทั้งเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาล ทั้งนโยบายระยะยาวเชิงโครงสร้างและนโยบายสำคัญในปี 2568 ผ่านการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิตสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง  ซึ่งนโยบายต่างๆเหล่านี้จะขับเคลื่อนไปสู่ประชาชนโดยผ่านหน่วยงานต่าง ๆ จากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม 

นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุม กปช. ได้เน้นย้ำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิทัลเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ได้แก่ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ โดยขอความร่วมมือคณะกรรมการฯ และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน การทำงาน เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาภัยออนไลน์ และผลักดันการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์อย่างแท้จริงไปด้วยกันทุกภาคส่วนงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้นำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่มีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรายงานการเตรียมความพร้อมสำหรับอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่จะมาถึงด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top