Friday, 4 July 2025
TheStatesTimes

จันทบุรี – โควิด-19 สวนกระแส ทุเรียนเมืองจันท์ส่งออก ราคาดี ผลผลิตคุณภาพ การขายผ่านออนไลน์เป็นที่ยอมรับยอดขายเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ลดผลกระทบโควิด – 19

นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด -19 จังหวัดจันทบุรีได้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผลไม้ของเกษตรกรจันทบุรีมีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และในช่วงนี้ ราชาผลไม้ คือทุเรียนกำลังออกสู่ตลาดสถานประกอบการ ล้ง รับซื้อทุเรียนแย่งกันซื้อผลผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทุเรียนของจังหวัดจันทบุรี ปีนี้ราคาดี ตอนนี้ผู้ประกอบการได้ตัดทุเรียนออกจากสวนไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณที่จะออกสู่ตลาดที่คาดการณ์ไว้ประมาณ326,050 ตัน  ราคาทุเรียนที่ซื้อในสวนจะมีราคาประมาณ 90 – 120 บาท โดยทุเรียนเก็บเกี่ยวไปแล้ว 2 แสนกว่าตัน ยังเหลืออยู่ในสวนอีกประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1 แสนกว่าตัน ซึ่งจะต้องรอการเก็บเกี่ยวแล้วนำออกสู่ตลาด

ส่วนการส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศในรอบสัปดาห์เป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 7-9 พฤษภาคม วันที่ 7 ส่งออกไป 670 ตู้ วันที่ 8 ส่งออกไป 726 ตู้และวันที่ 9 พฤษภาคม ส่งออกไป 751 ตู้ ตู้ละ 20 ตัน ส่วนยอดขายผลไม้ทางออนไลน์กลับได้ผลดีเกินคาด มี พ่อค้า แม่ค้า รวมทั้ง ผู้ประกอบอาชีพหน้าใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 หันมาขายผลไม้ทางออนไลน์ และส่งผ่านไปรษณีย์ จันทบุรี กันเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ลดผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19  รวมทั้งการขายผ่านออนไลน์แบบไลฟ์สด ก็เป็นช่องทางการสร้างตลาด และ สร้างรายได้ 


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

กระบี่ - พบศพแล้ว นายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี หายตัวปริศนา

เจ้าหน้าที่พบรถเก๋งของนายสุชาติถูกเผาฝังดินในสวนปาล์มแ ห่างจากบ้านบังพิตผู้ต้องสงสัย ประมาณ 300เมตร  และห่างกัน200มเมตร พบอีกหลุม คาดว่าเป็นจุดฝังศพแต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ญาติไปดูจุดที่ฝังรถมั่นใจ ว่าเสียชีวิตแล้ว

จากกรกรณีที่นางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่เข้าแจ้งความที่สภ.ลำทับ  หลังผู้เป็นพ่อ ทราบชื่อคือนายสุชาติ  ขาวล้วน  อายุ 54 ปี   หายตัวปริศนานานร่วม 1 สัปดาห์  ญาติพยายมช่วยกันโพสต์ในโซเชี่ยลให้ช่วยตามหา แต่ยังไม่พบ จึงเข้าแจ้งความคนหายไว้แล้ว ที่สภ.ลำทับ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา  เบื้องต้น นายสุชาติออกจากบ้านใน อ.ลำทับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ขับรถขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่  ออกจากบ้านเพียงลำพัง โดยบอกว่าจะทวงเงินที่ เพื่อ ที่อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่  โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าไปทวงหนี้จำนวน3แสนบาท จากบังพิต  ทราบชื่อจริงต่อมา คือนายสุริบส  เริงสมุทร  อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41  ม.1 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ก่อนหายตัวไปพร้อมรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งระหว่างที่มีการข่าวผ่านสื่อ ได้มีบุคคลลึกลับ แชทข้อความไปหาญาติ นายสุชาติ พร้อมระบุว่านายสุชาติถูกฆ่าตายฝังดิน ในสวนปาล์ม พร้อทมกับรถแล้ว และให้ญาติเลิกค้นหา มิฉะนั้นจะถูกฆ่ายกครัว

ความคืบหน้าเมือเวลา 10.00 น.วันที่ 13 พ.ค.64  พ.ต.อ.พิษณุ  อัชนะพรกุล  รองผบก.ภ.จว. กระบี่   พ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง  พ.ต.อ.เสกสรร  แก้วสว่าง  ผกก.สภ.ลำทับ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน  ภ.จว.กระบี่   เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน  ได้นำรถแบ็คโฮ  เข้าทำการขุดหลุมต้องสงสัย ภายในสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านหนองแบก ม.1 ต.หนองทะเล  ห่างจากบ้านนายสุริยา  หรือบังพิต ประมาณ 300 เมตร   หลังจนท.สังเกตุบริเวณจุดกังกล่าวมี รอยขุดหลบฝังกลบ ขนาดใหญ่ ร่องรอยไฟไหม้ทางปาล์ม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า2 ชั่วโมง ก็พบซากรถต้องสงสัย ฝังในดินลึกประมาณ 4 เมตร กว้าง6เมตร  จึงได้ใชรถแบ็คโฮดึงขึ้นมา  ตรวจสอบเบื้องต้น เป็นรถเก๋โตโยต้าโคโรนา คันที่ นายสุชาติ ขับออกจากบ้านก่อนหายตัวไป  เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบป้ายทะเบียน กน 6552 กระบี่ สภาพถูกรอยเผาไหม้วางอยู่หลังเบาะนั่งคนขับ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนมนุษย์หรือหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลุมที่มีรอยฝังกลบห่างจากจุดหลุมที่พบซากรถประมาณ 200เมตร  ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา  ซึ่งหน้าที่อยู่ระหว่าง วางแผนขุดหลุมดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่สามรถมารถระบุได้ว่า เป็นจุดที่ฝังศพนายสุชาติหรือไม่

ทั้งนี้ภหลังจากที่จนท.นำซากรถเก๋งขึ้นมาตรวจสอบทางญาติ ๆ นายสุชาติก็มาดูที่รถเก๋งที่ขุดขึ้นมา โดยนาง วารุณี  จันทร์ส่องแสง อายุ36 ปี หลานสาวนายสุชาติ  ยืนยันว่า เป็นรถของนายสุชาติ  และเชื่อว่านายสุชาติเสียชีวิตแล้ว 

 ด้านพ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง เปิดเผยว่า  เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ ไปตรวจค้น ที่บ้านพักของนายสุริยาหรือบังพิตแต่ไม่พบอะไร  พบเพียง ยาไอซ์จำนวนหนีงอยู่ขางบ้าน และจนท.ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายสุริยาไปทำการสอบปากคำที่ สภ.อ่าวนาง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ มอบนโยบายการทำงาน รับเรื่องร้องทุกข์และปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายนราธิป เสมแย้ม ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมคณะ ฯ  เดินทางลงพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  โดยมีนายผะอบ บินสะอาด นายอำเภอสบเมย   นายไตรรัตน์ วนาสิริสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอสบเมย เจ้าหน้าที่ทหารพราน เจ้าหน้าที่ อบต.แม่สามแลบ ประชาชนชาวตำบลแม่สามแลบ ร่วมให้การต้อนรับด้วยความยินดี ก่อนเดินทางลงพื้นที่บนดอยสูง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน แวะกราบขอพร  พระธาตุแม่สามแลบ ณ จุดชมวิวบ้านแม่สามแลบ ซึ่งจุดนี้ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำสาละวินได้ชัดเจนและสวยงาม เป็นอีกหนึ่งแห่งที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ของอำเภอสบเมยได้   

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และคณะ เดินทางไปยังหมู่บ้าน บุญเลอ หมู่ที่ 5 และ หมู่บ้านกลอเซโล หมู่ที่ 6 ตำบลแม่สามแลบ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง  เพื่อไปเยี่ยมชมจุดชมวิวทะเลหมอกกลอเซโล ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในหมู่ของนักท่องเที่ยวที่นิยมการเดินทางแบบ adventure  ณ จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดินกลอเซโลนี้ เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามของทะเลหมอกเป็นอย่างมาก สามารถมองเห็นแม่น้ำสาละวินที่ทอดยาว กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมา  จุดชมวิว ทะเลหมอกกลอเซโล อยู่ในในพื้นที่ความรับผิดชอบ ขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ได้พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับชาวบ้านที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยง ยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ร่วมประชุมและมอบนโยบายในการทำงานด้านต่าง ๆ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับรับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้าน เช่น ปัญหาการคมนาคม ไฟฟ้า ปัญหาสิทธิที่ทำกิน ปัญหาแหล่งน้ำ ปัญหาไฟป่า และการสื่อสาร เป็นต้น

 


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา  / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 

ศรีสุวรรณ จี้ กสทช. สอบ ไทยพีบีเอส อ้างนำเสนอ 4 ข่าวปลอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงาน กสทช. พหลโยธิน ซ.8 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิด กรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวและรายการที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเท็จ คลาดเคลื่อนอย่างซ้ำซาก ทั้ง ๆ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ควรจะเป็นสื่อต้นแบบที่สังคมไว้วางใจและคุ้มค่ากับเงินภาษีที่รัฐจ่ายให้ปีละกว่า 2,000 ล้าน

การเสนอข่าวและรายการที่กลายเป็นเฟกนิวส์มี 4 เรื่อง คือ

1.) การนำเสนอสกู๊ปข่าวรายงานตัวเลขที่ผิดพลาดหลายจุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้

2.) การแปลข่าวชาวอินเดียเช่าเครื่องบินเหมาลำมายังประเทศไทยอย่างผิด ๆ

3.) การปล่อยให้ผู้ดำเนินรายการ “คุยให้คิด” กล่าวหา รมว.สาธารณสุขว่าขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 และ

4.) ล่าสุดผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวได้เผยแพร่ข่าวหญิงสาวที่เข้ารับวัคซีนซิโนแวคที่ จ.อุดรธานี แอบอ้างภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรงพยาบาลหนองม่วง จ.ลพบุรี ที่มีอาการแพ้ยา มีผื่นแดงเต็มตัว มาเผยแพร่ควบคู่กันจนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมอย่างมาก

การเสนอข่าวที่ผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพในการทำงานของสื่อไทยพีบีเอสที่อาจขาดความเที่ยงตรงและความรับผิดชอบต่อสาธารณชนโดยชัดแจ้ง อันเข้าข่ายการฝ่าฝืน ม.43 (1) ประกอบ ม.42 (1) (2) แห่งพรบ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 และข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพเกี่ยวกับการผลิตและเผยแพร่รายการ 2563 ข้อ 5 (5.1, 5.2) ข้อ 7 (7.2) และข้อ 13 13.2) และข้ออื่น ๆ 

ยังเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมายและหรือขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ซึ่งสำนักงาน กสทช. มีอำนาจดำเนินการตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ม.40 ประกอบ ม.39 รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วย จริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ 2553 ประกอบธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2563 อีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อลงโทษผู้บริหารหรือกองบรรณาธิการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตามครรลองของกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง รมว.กระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการนโยบายว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริหารและกองบรรณาธิการข่าวในการประเมินผลงานประจำปี ตาม ม.50 หรือไม่ และขอให้พิจารณาปรับลดเงินภาษีที่ต้องจ่ายให้ไทยพีบีเอสให้ลดลง เพื่อนำไปปรับเป็นรายได้ของแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น 

สระแก้ว - กรมทหารพรานที่ 13 สกัดจับยาเสพติด พร้อมอาวุธปืนผู้ต้องหา 4 คน

เมื่อ04.30 น.ของวันที่ 14 พ.ค.64 จากการสืบทราบของ พ.อ.รณรงค์ เส็งมี ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ว่ามีขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ ได้สั่งการให้ พ.ท.กมล เรืองนาราบ รองผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 พร้อมได้จัดชุดกำลังของ หน่วยเฉพาะกิจคลองหาด โดยชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.คลองหาด  ลาดตระเวนร่วมตามมาตรการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวและการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณเส้นทางที่เชื่อมต่อจากแนวชายแดน จากผลการลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจ บริเวณสามแยกบ้านเขาดิน ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องสงสัยที่พยายามขับรถหลบหนีด่านตรวจของตำรวจ - ทหาร จนท.ได้ติดตามและและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายลือชัย กุลจันทร์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.7 ต.เขาไม่แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี    

โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืน(ปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 7 นัด ครับและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) จำนวน 13 เม็ด ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นผู้ขับขี่รถในขณะที่ร่างกายมีสารเสพติดให้โทษฯ 2.นายสัภยา ทาสร้าง อายุ 24ปี อยู่บ้านเลขที่  258 ม.7 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี 3.นายสาธิต กุลนาภูมิ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1111 ม.1 ต.ท่างาม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี 4.นายธีรยุทธ เถาบัว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ม.10 ต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี      

พ.ท.กมล เรืองนาราบ รองผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13  กล่าวว่า ได้ตั้งจุดสกัดและชุดเคลื่อนนที่เร็วเพื่อสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามมาตรการโควิด 19 และสิ่งผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าช่องทางธรรมชาติ โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)โดยผิดกฎหมายและอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาติไว้ในครอบครอง ซึ่ง สภ.คลองหาด ได้รวบรวมข้อมูล หลักฐาน เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  กรมทหารพรานที่13 / สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

“สนธิญา” ยื่นหนังสือถึง “สิทธิโชติ” อธ.ศาลอาญา ตรวจสอบ “เพนกวิน” โพสต์เฟซพาดพิงสถาบันผิดเงื่อนไขประกันตัวหรือไม่

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร) และอดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรื่องร้องเรียนถึงนาย สิทธิโชติ อินทร วิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาเพื่อให้ พิจารณากรณีที่ นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฏร 1 ในจำเลยคดีปักหมุดสนามที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไข ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ" เพื่อให้อธิบดีศาลอาญา วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อเงื่อนไขที่ระบุไว้ในคำขอประกันตัวหรือไม่ 

นายสนธิญา เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาวันนี้ ในฐานะที่ตนเองเป็นประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง หลังได้อ่านข้อความที่นายพริษฐ์ โพสต์เฟสบุ๊คแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ และอาจเข้าข่าย ผิดเงื่อนไขการขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะข้อความที่ปรากฎ มีลักษณะพาดพิงสถาบัน ทั้งนี้ตนเองจึงได้ทำหนังสือยื่นถึงอธิบดีศาลอาญา เพื่อให้พิจารณาใน 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ การตรวจสอบว่าเฟซบุ๊คที่มีการเผยแพร่ข้อความลักษณะดังกล่าวเป็นของนายพริษฐ์หรือไม่ และ เนื้อหาข้อความเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวขอศาลหรือไม่ เพื่อให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาใช้ดุลยพินิจเพื่อดำเนินการต่อไป
 

รวบ 2 โจ๋ พาสาวส่งข้ามแดนไปเมียนมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการลาดตระเวณในพื้นที่ อ.แมสาย จ.เชียงราย

เวลา 23.00 น.วันที่ 13 พ.ค.64 เจ้าหน้าที่ทหาร จากกองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 ฉก.ม.3  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แมสาย จ.เชียงราย ได้ทำการลาดตระเวณในพื้นที่รับผิดชอบตามช่องทางท่าข้าม ในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งถึงบริเวณท่าข้ามกะหล่ำ บ้านเหมืองแดงใต้ ม. 1 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้พบชาย หญิง 2 คน เดินอยู่บริเวณท่าข้ามดังกล่าวจึงได้เรียกตัวเพื่อทำการสอบสวน

ทราบชื่อคือ นายบุญเก่ง ขอสงวนนามสกุล อายุ 16 ปีชาวบ้านป่าเหมือด หมู่ 5 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ น.ส.วลัยพร   แก้วทักษิณ อายุ 22 ปี ชาวบ้าน น้ำจำ หมู่ 5 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยนายบุญเก่งไดรับสารภาพว่าจะไปส่ง น.ส.วลัยพร  ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้เดินเท้ามาจากในหมู่บ้านเหมืองแดงเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบของเจ้าหน้าที่ โดยได้ร่วมกับนายทวี  ขอสงวนนามสกุล อายุ 17 ปี  เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน อาศัยอยู่ที่ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่าให้ไปส่ง น.ส.วัลยพร โดยได้รับการติดต่อมาจากนายหนุ่ม ชาวเมียนมา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามจับกุมนายทวี มาเพื่อสอบสวน

จากการสอบถามทราบว่า นายบุญเก่ง ได้รับการติดต่อจากนายหนุ่ม สัญชาติเมียนมา   โดยนายหนุ่มจะให้นำคน จากฝั่งไทยข้ามไปยังประเทศเมียนมา  จึงได้ติดต่อให้ นายทวี  ไปรับ น.ส.วลัยพร  มาส่งให้กับตน บริเวณพื้นที่ บ้านเหมืองแดงใต้ ม.1  จากนั้นนายบุญเก่ง ได้พา น.ส.วลัยพร ได้เดินลัดเลาะตามเส้นทางในหมู่บ้านเหมืองแดงใต้ เพื่อที่จะไปยังริมลำน้ำสาย เพื่อที่จะข้ามไปยังฝั่งประเทศเมียนมาแต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน หลังสอบปากคำแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่ง สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์

เคลียร์ดราม่า!! 'ติดโควิดจากเหงื่อ-ไม่ระวังตัว' ปมร้าว 'หมอทวีศิลป์-ทีมนักตบหญิงไทย' หลังสื่อดังสื่อสารผิด

จากกรณีทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ติดเชื้อโควิด ถึง 22 จาก 37 คน ระหว่างเตรียมแข่งขันวอลเลย์บอลรายการใหญ่ของโลก “เนชั่นส์ลีก” ที่อิตาลี ต่อมาโลกออนไลน์พากันแชร์ข้อความของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ที่แถลงข่าวประจำวันที่ 13 พ.ค. 64 ตอนหนึ่งว่า “นักกีฬาในชุดนี้เป็นบทเรียนของเราอย่างดีถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัวในการที่ใส่หน้ากากผ้าหน้ากากอนามัย การอยู่ในพื้นที่แออัดระยะใกล้ชิด การเล่นกีฬาแล้วมีสารคัดหลั่งก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้”

ต่อมา อรอุมา สิทธิรักษ์ นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ออกมาโพสต์เชิงตอบโต้ พร้อมตั้งคำถามว่า “ทุกคนทำดีที่สุดแล้วนะ ระวังตัวกันแล้วแต่มันก็ยังเกิดขึ้น แต่คุณหมอมาพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จะให้ฝึกซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออกละช่วยบอกหน่อยคะ นักกีฬาทุกคนก็ทำหน้าที่เพื่อชาติรักชาติเช่นกันนะคะ” ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น ('อรอุมา' ถามกลับ 'หมอทวีศิลป์' ซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออก-ทุกคนระวังตัวที่สุดแล้ว)

ล่าสุด ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์เฟซบุ๊ก "Warat Karuchit" ระบุว่า หมอทวีศิลป์ โทษนักวอลเลย์บอล ว่าติดโควิดเพราะไม่ระวังตัว และติดโควิดกันทางเหงื่อจริงหรือ?

เรียน คุณอรอุมา สิทธิรักษ์ Onuma Sittirak ในฐานะทีมงานสื่อสารของคุณหมอทวีศิลป์ ผมขออนุญาตชี้แจงแทนคุณหมอดังนี้นะครับ คุณหมอทวีศิลป์ ไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิทีมวอลเลย์บอลหญิงใด ๆ เลยครับ เป็นเพียงการอธิบายว่ากรณีนี้ เป็นตัวอย่างเพื่อให้คนอื่น ๆ ที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว ได้เรียนรู้ว่า แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังติดเชื้อได้ ถ้าไม่ระมัดระวังตัว ซึ่งคุณหมอไม่ได้เจาะจงต่อว่าใครเป็นพิเศษว่าไม่ระมัดระวังตัว เพราะคำว่า ไม่ระมัดระวังตัวที่คุณหมอขยายความต่อก็คือ การไม่ใส่แมสก์ อยู่ในที่แออัด ใกล้ชิด ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการเล่นกีฬา แต่การเก็บตัวในแคมป์ การอยู่ใกล้กัน ทานอาหารร่วมกัน ก็สามารถติดเชื้อได้ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม แต่ที่ทำให้คุณอรอุมาเข้าใจผิด อาจจะเป็นเพราะโพสต์ข่าวของเพจ Ch3ThailandNews ของช่อง 3 (ที่คุณอรอุมาแชร์มา) ได้ถอดคำพูดของคุณหมอออกมา "ผิด" (misquote) ถึง 2 จุดสำคัญคือ

1.) ประเด็นเรื่อง "ไม่ระวังตัว" เพจข่าวช่อง 3 ถอดคำพูดคุณหมอว่า "นักกีฬาในชุดนี้จะเป็นบทเรียนอย่างดี ฉีดไปแล้วไม่ระวังตัว" แต่แท้จริงแล้วคุณหมอพูดว่า "เพราะฉะนั้นนักกีฬาชุดนี้ก็จะเป็นบทเรียนของเราอย่างดีว่า ถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัว..." (นาทีที่ 25.47) ซึ่งความหมายต่างกันเลยนะครับ ประโยคของข่าวช่อง 3 อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณหมอพูดเจาะจงว่า นักกีฬาวอลเลย์บอลนั้น ไม่ระมัดระวังตัว แต่ประโยคที่คุณหมอพูดหมายถึง เป็นตัวอย่างว่า ใครก็ตาม แม้ว่าว่าฉีดไปแล้ว แต่ไม่ระมัดระวังตัว ก็จะติดเชื้อได้

2.) ประเด็นเรื่อง "เหงื่อ" ประโยคสำคัญที่คุณหมอพูด ผมจะขอถอดออกมาทีละคำนะครับ กรุณาฟังในนาทีที่ 26.04 ในลิงก์การแถลงข่าวด้านล่างนะครับ คุณหมอพูดว่า "การเล่นกีฬาแล้วมี... สารคัดหลั่งอะไรทั้งหลายออกมาเนี่ย ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้" ซึ่งในคำพูดของคุณหมอ ไม่มีคำว่า "เหงื่อ" เลยแม้แต่น้อย คุณหมอจึงไม่ได้หมายความว่า ในการเล่นกีฬาแล้วมีเหงื่อ จะทำให้ติดเชื้อโควิด แต่อาจจะมีสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ติดตามพื้น อุปกรณ์ จากการพูดตะโกนกันในสนาม หรืออื่น

แต่เพจข่าวช่อง 3 กลับถอดคำพูดของคุณหมอออกมาเป็นคุณหมอพูดว่า "เหงื่อสารคัดหลั่ง" ซึ่งทั้งถอดเทปผิด และผิดหลักการทางวิชาการแพทย์ด้วย เนื่องจากโควิดนั้น ติดจาก "สารคัดหลั่ง" ตามที่คุณหมอพูดเท่านั้น และ "เหงื่อ" ไม่ใช่ "สารคัดหลั่ง" ที่มีเชื้อโควิด (ดูภาพจาก รพ.จุฬา ครับ)

ดังนั้นคุณหมอจึงไม่มีทางที่จะหมายถึงว่า ติดโควิดกันทางเหงื่อแน่นอน เพราะคุณหมอทราบข้อมูลทางการแพทย์นี้ดี จึงขอเรียนชี้แจงคุณอรอุมามาตามข้อมูลนี้ และขออภัยหากมีคำพูดใดในการแถลงวันนี้ ที่ทำให้คุณอรอุมาและทีมวอลเลย์บอลหญิงต้องเกิดความไม่สบายใจ ซึ่งคุณหมอก็เสียใจที่เกิดการเข้าใจผิดนี้ขึ้นครับ และผมขอให้เพจ Ch3ThailandNews แก้ไขข้อความของคุณหมอทวีศิลป์ให้ถูกต้องด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ และทั้งผมและคุณหมอทวีศิลป์ ขอเป็นกำลังใจให้ทีมวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคนที่มอบความสุขให้กับคนไทยมาตลอดครับ จากแฟนคลับคนหนึ่งเช่นกันครับ

จากนั้น ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์อีกว่า "เห็นบางคอมเมนต์บอกว่า คุณหมอทวีศิลป์ไม่ควรยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คือ ต้องขอความกรุณากลับไปดูเทปนะครับ คุณหมอไม่ได้เป็นผู้ยกตัวอย่างทีมวอลเลย์บอลหญิงครับ แต่เป็นการ "ตอบคำถาม" ที่มีสื่อถามเรื่องของการติดเชื้อในกรณี "ทีมวอลเลย์บอลหญิง" ขอบคุณครับ

ทั้งนี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์เพิ่มเติมว่า ล่าสุด คุณอรอุมา ลบโพสต์แล้ว ก็น่าจะแสดงว่าได้รับทราบคำชี้แจงแล้ว ขอบคุณมากครับ ส่วนโพสต์ข่าวของช่อง 3 ก็ลบออกแล้วเช่นกัน และยังบอกว่า

คุณอรอุมา ได้ส่งข้อความมาทาง Inbox และได้คุยกันสั้น ๆ เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันแล้วครับ คุณหมอก็ได้รับทราบและสบายใจขึ้นแล้ว ต้องขอบคุณคุณอรอุมา และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในทีมหายป่วยโดยเร็วนะครับ พวกเราทุกคนเป็นทีมเดียวกันครับ


ที่มา: https://www.naewna.com/local/572922

ทหารเรือจับ 2 วัยรุ่น พร้อมยาบ้า ไอซ์และกัญชา ขณะกำลังขนย้ายริมฝั่งแม่น้ำโขง

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 13 พ.ค.ที่สถานีเรือ นรข.บึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ น.ต.วชิรวิทย์ ใจสัตย์ หน.สน.เรือบึงกาฬ พ.ต.อ.วิชยานนท์ นิติกุล ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.อ.เอกนรินทร์ สุวรรณทา ผกก.ตม.บึงกาฬ นายพงษ์ชัย ศิลปอาชา นายด่านศุลกากรบึงกาฬ พ.ต.ท.พลสันติ์ คมขาว ผบ.ร้อย ตชด.244 พ.ต.ท.ปิยะณัฐ ปะโสทะกัง สว.ส.รน.4 กก.11 บก.รน. พ.ต.ต.นิคสัน ดียา สว.สส.สภ.เมืองบึงกาฬ นายชัยณรงค์ สุระดะนัย ป้องกันจังหวัดบึงกาฬ นางกมลนิตยกานต์ หาญคำหล้า ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 2 หนุ่มสาววัยรุ่นพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 15,979 เม็ด ยาไอซ์จำนวน 2 ก้อน (น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม) กัญชาแห้งห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส จำนวน 10 แท่งน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกลางดึกวานนี้ น.ต.วชิรวิทย์ ใจสัตย์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บ้านห้วยดอกไม้ ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงได้รายงานให้ น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบพร้อมสั่งการให้ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สน.เรือบีงกาฬ ประสานตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ ตำรวจน้ำบึงกาฬ ตชด.244 ทหารพรานที่ 2210 ด่านศุลกากรบึงกาฬ และฝ่ายปกครอง อ.เมืองบึงกาฬ วางแผนจับกุม จนกระทั่ง จนท.ชุดชุ่มเฝ้าตรวจได้ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนตรวจพบเรือหางยาวเครื่องยนต์ติดท้ายแล่นเข้ามาจอดริมตลิ่งแม่น้ำโขงบริเวณที่ จนท.ดักชุ่มอยู่ จากนั้นคนขับเรือได้ขนย้ายวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาวางไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในขณะเดียวกันบนฝั่ง จนท.ได้ตรวจพบแสงไฟจากรถ จยย.ต้องสงสัย วิ่งเข้ามาจอดบริเวณกระท่อมริมฝั่งแม่น้ำโขงโดยมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งมาด้วยกัน จากนั้นดับเครื่อง ชายคนขับได้เดินลงไปที่ตลิ่งแม่น้ำโขงบริเวณที่เรือหางยาวจอดอยู่ สักพักได้ยินเสียงเรือแล่นข้ามกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว ไม่นานชายต้องสงสัยได้เรียกหญิงสาวที่นั่งซ้อนมาให้ลงไปหาที่ริมแม่น้ำโขง ทั้ง 2 คน ได้ช่วยกันขนย้ายวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาบนฝั่ง

เมื่อเห็นดังนั้น จนท.จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมทราบชื่อต่อมานายเอนามสมมติ อายุ 16 ปี ชาว ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ และ น.ส.เจนจิรา ประทุมมา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 ม.11 บ้านหนองแซง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยพบเป็นยาบ้าจำนวน 15,979 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 2 ก้อน (น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม) กัญชาแห้งห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส จำนวน 10 แท่งน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม และรถจักรยานยนต์ ตราอักษรฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เงินสดจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง จึงคุมตัวมาสอบสวนที่สถานีเรือบึงกาฬ และแจ้งข้อหาว่า "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน-ยาไอซ์) และยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย" ทั้ง 2 คนรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่ามีคนว่าจ้างให้มารับยาเสพติดจำนวนดังกล่าว จึงนำตัวพร้อมของกลางทั้งหมดส่ง พงส.สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว เกรียงไกร พรมจันทร์

ประจวบคีรีขันธ์ – สาวกู้ภัยหัวหิน แบ่งทุเรียนขายเป็นพู ราคาถูก ลูกค้าแน่น จนต้องแจกบัตรคิว

วันที่ 13 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่าที่ชุมชนบ่อฝ้าย เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีแม่ค้าสาวหน่วยกู้ภัยสว่างหัวหินธรรมสถาน ขายทุเรียนช่วงโควิด-19 ระบาด โดยแกะทุเรียนสุกแยกขายเป็นพู ราคาถูกตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป ทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลแห่ชิมและซื้อเป็นจำนวนมากต้องเข้าคิวรอ

นางสาว พจนา เกิดทอง อายุ 34 ปี แม่ค้าสาวกู้ภัย กล่าวว่า เริ่มขายทุเรียนประมาณ 1 สัปดาห์โดยได้ไอเดียมาจาก นายมนตรี ผิวผ่อง ขายทุเรียนสู้โควิคที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จึงได้เดินทางไปศึกษาแนวทางการขายทุเรียนที่โคราชนำมาปรับใช้ เนื่องจากช่วงนี้สินค้าทุกอย่างมีราคาแพงจากวิกฤติโรคโควิด-19 จึงเห็นใจผู้บริโภค ต้องการให้ชาวหัวหินรับประทานของดีราคาไม่แพง เพราะปกติทุเรียนราคาทั่วไปตามท้องตลาดจะมีราคาสูง จึงใช้วิธีขายแยกเป็นพู ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยนำทุเรียนมาจาก จ.จันทบุรี 3 สายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุ คือพวงมณี ขายที่กิโลกรัม ( กก.) ละ 110 บาท โดยเริ่มแกะทุเรียนตั้งแต่ชาวงเช้า เพื่อจะเปิดขายทั้งวันจนกว่าทุเรียนจะหมด เฉลี่ยขายได้วันละ 300-400 กก.ยังไม่พอกับความต้องการ เพราะมีลูกค้าต่อแถวซื้อกันจำนวนมาก ต้องแจกบัตรคิว สำหรับสุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์ให้รับประทานฟรี หรือหากต้องการซื้อจะเปิดช่องทางพิเศษไว้บริการสำหรับผู้ตั้งครรภ์หรือผู้สูงอายุได้ซื้อก่อน ไม่ต้องรอเข้าคิวนาน

“ขายทุเรียไม่ได้หวังผลกำไร เน้นขายไว ขายจำนวนมากแบบลดแลกแจกแถม เพราะถ้าขายได้มาก ก็จะมีกำไรมาก จะเน้นขายลูกสุกพร้อมทาน ขายแบบยกเป็นลูกชั่งกิโลเพื่อให้ลูกค้าเลือกเอา ขณะนี้มีลูกค้าบางรายเดินทางไกลมาจาก อ. ปราณบุรี สามร้อยยอด อ. ชะอำ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อมาชิมโดยเฉพาะ สำหรับลูกค้าที่มาจากต่างอำเภอขอให้โทรเข้ามาสอบถามก่อนที่จะเดินทาง เผื่อบางวันทุเรียนหมดต้องเดินไปรับจาก จ.จันทบุรี อาจทำให้ลูกค้าเสียเวลา โดยสอบถามที่เบอร์โทร 087-933-6506” นางสาว พจนา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top