Tuesday, 1 July 2025
TheStatesTimes

สมอ. ไฟเขียวคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า 20 รายการกันไฟดูด

นายวันชัย  พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ สมอ. มีมติเห็นชอบให้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง วีดิทัศน์ และการสื่อสาร ที่มีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 600 โวลต์ รวม 20 รายการ เป็นสินค้าควบคุมต้องได้มาตรฐาน มอก. 62368-2563 เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้บริโภคหลายรายใช้สินค้าแล้วได้รับอันตรายถูกไฟดูด ไฟช็อต บางรายถึงขนาดเสียชีวิต โดยเฉพาะผู้ใช้อะแดปเตอร์ไม่ได้มาตรฐานชาร์จโทรศัพท์มือถือ 

โดยจะเร่งประกาศบังคับใช้มมอก. ภาคบังคับภายในกลางปีนี้ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนจากอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้า  โดยข้อกำหนดในมาตรฐานจะควบคุมด้านความปลอดภัย  มีการทดสอบเกี่ยวกับการบาดเจ็บที่เกิดจากไฟฟ้า การทดสอบเกี่ยวกับไฟไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้า การทดสอบความร้อน การทดสอบการแผ่รังสี และการทดสอบเกี่ยวกับสารอันตราย เป็นต้น
 
สำหรับสินค้าที่เตรียมยกระดับเป็นมอก. ภาคบังคับ 20 รายการ  ได้แก่ เครื่องจ่ายไฟฟ้าสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ต   (อะแดปเตอร์) เครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องขยายสัญญาณ เครื่องเล่นแผ่นดิสก์ เครื่องเล่นวีดีโอเกมส์ เครื่องรับสัญญาณไมโครโฟนไร้สาย เครื่องรับสัญญาณวิทยุ เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม ลำโพงพร้อมขยายสัญญาณ เครื่องแปลงสัญญาณ เครื่องปรับแต่งสัญญาณ เครื่องผสมสัญญาณเสียง เครื่องจ่ายไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเล่นเสียงและภาพ เครื่องรับสัญญาณภาพและเสียงผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เครื่องรับสัญญาณเคเบิลทีวี และเครื่องแปลงสัญญาณเสียง

พาณิชย์ ถกห้างสต็อกสินค้า - อาหารแห้งเพิ่มรับโควิด

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสต็อกสินค้าเพิ่มมากขึ้นจากภาวะปกติ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ ทั้ง ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง น้ำดื่ม และของใช้อื่น ๆ ให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน 

พร้อมกันนี้ยังขอเพิ่มความถี่ในการเติมสินค้าในชั้นวางอยู่เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ว่าสินค้า ไม่มีปัญหาขาดแคลน หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด–19 ระลอกใหม่ที่มีความรุนแรง อีกทั้งกรมฯ ยังได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและปริมาณสินค้าอย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน

ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากตรวจพบว่ามีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท

ทบ.ชี้ “ทหารเมียนมา” เข้าใจผิด ขอโทษยิงส่งสัญญาณขอให้เรือจอดเทียบท่า นึกว่าเป็นเรือส่งสินค้า บอกไม่ได้มีเจตนาในทางลบ ขณะที่ไทยเตือนให้ระมัดระวัง-ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วม

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ทหารเมียนมายิงเรือไทยว่า กองทัพบกโดยกองกำลังนเรศวร ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับทหารเมียนมาที่รับผิดชอบพื้นที่ตรงข้าม บ.แม่สามแลบ อ.สบเมยจ.แม่ฮ่องสอน โดยทันที จากการพูดคุยถึงข่าวที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด โดยทางเมียนมายอมรับว่ากำลังพลของตนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรือขนสินค้า จึงได้ทำการส่งสัญญาณขอให้เรือจอดเทียบท่า เพื่อขอซื้อเวชภัณฑ์และอาหาร โดยไม่ได้มีเจตนาในทางลบ พร้อมกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้พูดคุยให้ระมัดระวังและให้ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมที่ได้กำหนดไว้มาก่อนหน้าแล้ว โดยเฉพาะจะต้องไม่มีปฏิบัติการทางทหารหรือใช้อาวุธที่อาจจะส่งผลต่อความรู้สึกหรือการดำเนินชีวิตของประชาชน และการค้าขายชายแดนตามลำน้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแนวเขตแดน(ลำน้ำกลาง) 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในปัจจุบันการสัญจรและค้าขายในบริเวณแม่น้ำสาละวินยังคงดำเนินไปตามปกติ
จากสถานการณ์ปัจจุบัน พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก มีความอ่อนไหว ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงและกองทัพบกได้บูรณาการดูแลพื้นที่และประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน, การหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย, การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยยึดตามนโยบายของรัฐบาล ศบค. ภายใต้กลไกคณะกรรมการชายแดนในระดับต่าง ๆ ร่วมแก้ไขและคลี่คลายในทุกปัญหาที่เกิดขึ้น

ทบ.สั่งเตรียมกำลังพลสายแพทย์ช่วยงานสาธารณสุข ส่วน รพ.สนาม ทบ. เปิดแล้ว 7 แห่ง ในกทม.-ประจวบฯ-สงขลา เผยส่งรถพยาบาลและทีมแพทย์เหล่าทัพช่วยงาน รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทยในปัจจุบันที่ต้องเข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล โดยศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดตั้งรพ.สนามเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรงเข้ามารับการรักษาพยาบาล สำหรับกองทัพบกได้เตรียมการสนับสนุนเกี่ยวกับ รพ.สนาม มาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพบกได้ใช้อาคาร สถานที่ในหน่วยทหาร และสิ่งอุปกรณ์ที่มีอยู่ดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในขั้นต้นแล้ว จำนวน 19 แห่ง รองรับผู้ติดเชื้อได้ 3,050 เตียง ซึ่ง ปัจจุบัน รพ.สนามของกองทัพกได้เปิดดำเนินการแล้ว 7 แห่ง โดยมอบให้ กระทรวงสาธารณสุข เข้าบริหารจัดการแล้ว 3 แห่ง 

ได้แก่ 1. โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1) เปิดให้บริการเมื่อ 19 เมษายน 2564 รองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 300 เตียง ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยพักแล้ว จำนวน 246 ราย (25 เมษายน 2564)  ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจัดบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาบริหารจัดการ โดยกองทัพบกได้ช่วยอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่เป็นการทำงานในลักษณะกองอำนวยการร่วม แห่งที่ 2 คือ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (ศูนย์การทหารราบ) จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับผิดชอบการดำเนินงานโดยโรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ รองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 100 เตียง เปิดให้บริการเมื่อ 16 เมษายน 2564 ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยเข้าใช้บริการ จำนวน 31 ราย (25 เมษายน2564)

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับแห่งที่ 3 คือ คือ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก(กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5) จ.สงขลา รองรับผู้ติดเชื้อได้ 100 ราย ปัจจุบันมีผู้เข้าพักแล้ว 36 ราย ส่วนโรงพยาบาลสนามกองทัพบก(กรมพลาธิการทหารบก) ได้เปิดให้บริการแล้วใน 21 เมษายน 2564 สามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 200 เตียง โดยหลังกระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบพื้นที่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายเพื่อรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติม โดยยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก (25 เมษายน 2564) อยู่ระหว่างการปรับปรุง นอกจากนี้กองทัพบกยังได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15) จ.กระบี่ สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 280 ราย โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพลทหารราบที่ 15) จ.สงขลา สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 100 ราย และโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพันเสนารักษ์ที่ 1) จ.ลพบุรี สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 150 ราย 

ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก โดยล่าสุดกองทัพบกเตรียมจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามกองทัพบก(มณฑลทหารบกที่ 11) ที่กระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบความคืบหน้า และยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงให้เหมาะสมตามคำแนะนำของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งจะจัดบุคลากรทางการแพทย์เข้าบริหารจัดการ โดยมีการแบ่งสัดส่วนชัดเจนเพื่อความปลอดภัย  นอกจากนี้ในส่วนของโรงพยาบาลสนามกองทัพบก(เกียกกาย) ซึ่งกองทัพบกบริหารจัดการเอง ดำเนินการโดย ศบค.19 ทบ. และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รองรับผู้ติดเชื้อได้ 137 ราย เพื่อรองรับกำลังพลและครอบครัว เป็นการลดภาระของโรงพยาบาลสาธารณสุขและรองรับผู้ป่วยCOVID-19 อาการทุเลาแล้วจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งขณะนี้มีผู้เข้าพักแล้ว 101 ราย (25 เมษายน 2564)

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากการที่กระทรวงกลาโหมได้จัดชุดแพทย์ผสมเหล่าทัพไปสนับสนุน การบริการด้านการแพทย์ ให้กับรพ.สนามในความรับผิดชอบของกทม.นั้น ในส่วนของกองทัพบกได้มอบหมายให้ กรมแพทย์ทหารบก จัดชุดแพทย์ 2 ชุด จำนวน 10 นาย เข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลสนาม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ร่วมกับโรงพยาบาลลาดกระบัง ตั้งแต่ 22 เมษายน เป็นต้นไป โดยหมุนเวียนกับชุดแพทย์ของเหล่าทัพอื่น นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้สนับสนุนรถพยาบาลเพื่อช่วยเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อCOVID-19 ในกระบวนการรับ- ส่งผู้ป่วยจากที่พัก เพื่อเข้ารับการรักษา ณ รพ.สนามในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้เพิ่มศักยภาพในกระบวนการรับ-ส่ง ผู้ป่วย โดยได้รับการสนับสนุนการจัดยานพาหนะ จากทุกเหล่าทัพ และโดยขณะนี้กองทัพบกสนับสนุนยานพาหนะ 10 คัน จาก กองทัพภาคที่ 1, หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก และกรมการขนส่งทหารบก ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทำงานเป็นวงรอบกับเหล่าทัพอื่นๆ ด้วย 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์COVID-19 ที่ผ่านมาทำให้บุคลากรทางการแพทย์แถวหน้าต้องทำงานอย่างหนัก อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้บัญชาการทหารบกมีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว ได้สั่งการให้ ศบค.19 ทบ. และกรมแพทย์ทหารบกได้จัดเตรียมกำลังพลที่เคยปฏิบัติงานสายแพทย์สำรองไว้ เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนมากในอนาคต ซึ่งขณะนี้กองทัพบกได้จัดทำบัญชีรายชื่อและแผนการปฏิบัติงานรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว พร้อมสนับสนุนเมื่อได้รับการร้องขอ 

โดยมองว่างานด้านการรักษาพยาบาลถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลประชาชน ให้ความสำคัญกับการรักษาพยาบาลและดูแลประชาชน เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และลดภาระบุคลากรทางการแพทย์แถวหน้าที่ทำงานหนักในสถานการณ์ที่ผ่านมา สำหรับการป้องกันการติดเชื้อในหน่วยทหาร เพื่อดำรงสภาพความพร้อมของกองทัพบกในการสนับสนุนภารกิจดูแลประชาชนในสถการณ์COVID-19 ขณะนี้กองทัพบกได้กระชับและดำรงความเข้มงวดใน “มาตรการพิทักษ์พล” และมีการปรับการปฏิบัติในบางภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อาทิ ยกระดับกองรักษาการณ์คัดกรองการผ่านเข้า-ออกหน่วยทหาร, การจัดสรรกำลังพลให้ปฏิบัติงานในลักษณะ WFH, หลีกเลี่ยงหรืองดการสังสรรค์แบบหมู่คณะ, การประชุมและจัดการเรียนการสอนออนไลน์, งดการฝึก, การรักษากำลังพลที่ติดเชื้อและกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เป็นต้น ส่วนการดูแลประชาชน 

เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อน ยังคงเดินหน้านโยบาย อาทิ Army Delivery, ช่วยเหลือเกษตรกร, อุดหนุนผลผลิตทางการเกษตร, แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ พร้อมลงพื้นที่สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตน การสังเกตและเฝ้าระวังอาการผิดปกติ รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดCOVID-19 จากแนวโน้มของการแพร่ระบาดที่สูงขึ้นนี้ กองทัพบกได้ติดตามและเตรียมความพร้อมในศักยภาพทั้งบุคลากรสิ่งอุปกรณ์และความร่วมมือ พร้อมให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนขับเคลื่อนให้มาตรการป้องกันและการรักษาพยาบาลของภาครัฐ สามารถรองรับและดูแลประชาชนได้อย่างดีที่สุด

ทบ. แจงเหตุจำเป็นด้านความมั่นคง ต้องซื้อยุทโธปกรณ์ หลังงบได้รับอนุมัติผ่านสายบังคับบัญชา-รบ.มาแล้ว ขณะที่ “บิ๊กบี้” กำชับหน่วย งบอะไรช่วยโควิดได้ ขอให้พิจารณาปรับ

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกที่ยังมีอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ภาพรวมเจตนาการใช้งบประมาณของกองทัพบก คือจะต้องใช้งบประมาณตามที่ได้รับการจัดสรรให้ดีที่สุด โดยล่าสุดพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับทุกหน่วยทหารว่างบประมาณอะไรที่สามารถปรับมาใช้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ก็ขอให้พิจารณา แต่อะไรที่เป็นเรื่องของการดำรงความพร้อมทางด้านความมั่นคงของประเทศ และมีความจำเป็น รวมถึงผ่านการเห็นชอบในระดับสายการบังคับบัญชาและรัฐบาลแล้ว คงจำเป็นต้องเดินหน้า ภายใต้ข้อผูกพันธ์ต่างๆที่มี ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเสริมสร้างความพร้อมรบ ความแข็งแกร่ง และศักยภาพความมั่นคงของประเทศในภาพรวม แต่ยังไม่ขอลงในรายละเอียดในแต่ละโครงการ

เมื่อถามถึงข้อเสนอของน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอให้กองทัพยกเลิกโครงการจัดซื้ออาวุธ ถ้าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของความคิดเห็น เราก็รับฟัง

เมื่อถามย้ำว่า ถ้ารับฟังแล้วกองทัพบกจะทบทวนหรือไม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า การบริหารงบประมาณของกองทัพบก มีการอนุมัติ และพิจารณาเห็นชอบจากหลายส่วนแล้ว เจตนารมณ์ของกองทัพบกนอกจากจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ตรงกับความต้องการ เสริมสร้างความแข็งแกร่งงานความมั่นคง อะไรที่สามารถผ่องถ่ายไปช่วยเหลือประชาชน หรือปรับไปเพื่อดูแลสถานการณ์โควิด ทางกองทัพบกก็ดำเนินการอยู่ แต่ในรายละเอียดไม่ได้มีการตีแผ่ให้ส่วนต่างๆได้รับทราบ จึงขอให้มั่นใจว่ากองทัพบกจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือเรื่องโควิดอย่างเต็มที

“อนุทิน” เผย แอสตร้าฯ ชมการผลิตวัคซีนสยามไบโอไซเอนซ์ ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบจากนานาชาติแล้ว

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ตนได้เข้าประชุมร่วมกับผู้แทนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อติดตามความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยวัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในประเทศไทย ผ่านการตรวจสอบคุณภาพผลิตในต่างประเทศแล้ว อาทิ สก็อตแลนด์ เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา 

“ทางบริษัทแอสตร้าฯ ได้กล่าวชื่นชมมาตรฐานการผลิตของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยการผลิตแต่ละขั้นตอนเป็นไปตามคุณภาพที่กำหนด และกล่าวไว้ว่า Asean countries can only rely on Siam Bioscience for AstraZeneca ที่มีความหมายว่า สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นแหล่งผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสำหรับทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน เป็นสิ่งที่เราต้องภาคภูมิใจ” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ตามสัญญาจัดซื้อจัดหาวัคซีนระหว่างบริษัทแอสตร้าฯ และกรมควบคุมโรค ระบุว่าจะส่งให้ประเทศไทยในเดือน มิ.ย. แต่ทางไทย ขอต่อรองฯ ให้ส่งเร็วขึ้น ซึ่งทางแอสตราฯ ได้รับพิจารณา และจะหาทางช่วย ทั้งนี้ การรับถ่ายทอดเทคโนโลยี บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ สามารถทำได้ภายใน 5-6 เดือนจากเดิมที่ต้องใช้ประมาณ 24 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วมากและนับเป็นความสามารถของผู้ผลิต

นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้เราได้เจรจาถึงเรื่องสัดส่วนที่จะมีการนำวัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในไทยส่งให้กับโครงการโคแวกซ์และประเทศในอาเซียนว่า ประเทศไทยต้องได้รับความสำคัญ ได้รับการจัดสรรให้มากที่สุดก่อน แต่ยืนยันว่า จะไม่กระทบกับยอดการสั่งซื้อวัคซีนที่จะนำไปฉีดเพื่อคนไทยอย่างแน่นอน และเพราะโรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศไทย จึงสามารถลดขั้นตอนการขนส่งและจัดเก็บได้ โดยก่อนจะนำไปฉีดให้ประชาชน ก็ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของทุกคน

ฝ่าวิกฤติโควิด ‘เกษตรฯ.’ ชูธง ‘5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย’ ใช้แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ระบบสั่งซื้อทุเรียนล่วงหน้าออนไลน์ เจาะตลาดจีน 1,400 ล้านคน เตรียมขึ้นเครื่องเช่าเหมาลำล็อตแรก 27 เมษายนนี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 เมษายนนี้จะจัดส่งทุเรียนจากสหกรณ์เมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี ไปจำหน่ายที่ประเทศจีนโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินเซินเจิ้นแอร์ไลน์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์แบบสั่งซื้อล่วงหน้า ( Pre-Order) ที่ลูกค้าจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์มาเรียบร้อยแล้ว จำนวน 20 ตัน

“เป็นครั้งแรกของการจำหน่ายทุเรียนผ่านระบบ Pre-Order ไปประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของผลไม้ไทยโดยเฉพาะทุเรียน เราต้องเจาะตลาดจีนที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วขายทุเรียนได้กว่า 6 หมื่นล้านบาทด้วยแพลตฟอร์มใหม่ ๆ บนความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ บริษัทเอกชนและสหกรณ์ผลไม้ เช่นสหกรณ์เมืองขลุง จังหวัดจันทบุรีและยังเป็นทุเรียนชุดแรกที่มีการสร้างแบรนด์ทุเรียนไทยในระดับสหกรณ์ผลไม้ (Cooperative based Branding) ให้เป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลกทำให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียนและสหกรณ์ขายได้ราคาสูงขึ้นคู่ขนานไปกับการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของทุเรียนในระบบ GAP และ GMP ภายใต้ "5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” และโมเดล ‘เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายการปฏิรูปไม้ผลทั้งระบบของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) และการขับเคลื่อนโมเดล "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ร่วมกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์

“ถือเป็นความสำเร็จทางนโยบายและการบริหารแบบทำได้ไวทำได้จริง หลังจากคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 3/2564 เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เห็นชอบโครงการจำหน่ายผลไม้บนแพลตฟอร์มออนไลน์แบบสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-order) เพื่อเป็นกลไกการขายเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศโดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน E-Commerce กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และฝ่ายเลขานุการของฟรุ้ทบอร์ด คือกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ภาคเอกชนและกระทรวงพาณิชย์

โดยล่าสุดกรมประชาสัมพันธ์จะมาช่วยเสริมทัพด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์และการผลิตสื่อออนไลน์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้จะมีการส่งออกภายใต้ระบบพรีออเดอร์อีกหลายประเทศในเดือนหน้าและขอแสดงความชื่นชมความร่วมมือระหว่างฟรุ้ทบอร์ด ผู้ประกอบการ สหกรณ์เมืองขลุงและจังหวัดจันทบุรี ที่สามารถเปิดฉากการส่งออกทุเรียนล็อตแรกได้สำเร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน

นายกฤชฐา โภคาสถิตย์ ประธานคณะอนุกรรมการอนุกรรมการขับเคลื่อน E-Commerce กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ. ได้ประสานความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้าง New Ecosystem ในการ “สร้างแบรนด์ผลไม้ไทย” ในการส่งออกไปทั่วโลก

ผ่านช่องทาง Pre-order เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำ ในฐานะที่เราเป็นผู้ส่งออกผลไม้ที่มีศักยภาพอันดับต้น ๆ ของโลก เราสามารถสร้างแบรนด์ให้แต่ละสวน แต่ละฟาร์มผ่านกลไกสหกรณ์ และมีระบบ Logistics ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่แข็งแรง ผสานเข้ากับ ผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการส่งออกผ่านกระบวนการ Pre-Order ทางออนไลน์ นี่จะเป็นมิติใหม่ในการจำหน่ายและเพิ่มมูลค่าของผลไม้ไทยอย่างยั่งยืน”

ทางด้านคุณเจียวหลิง ฟาน (Jiaoling Pan) กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอยัล ฟาร์ม กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการเปิดรับ Pre-Oder เพื่อจำหน่ายทุเรียนไทยส่งขายไปที่ประเทศจีน ว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลผลิตทุเรียน ทางบริษัทของเราต้องการได้ทุเรียนที่มีคุณภาพเพื่อส่งไปขายที่จีน และเมื่อได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการสร้างแบรนด์ผลไม้ไทย โดยมีพันธมิตรคือสหกรณ์เมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี ร่วมคัดเลือกทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่ได้คุณภาพ ก็ยิ่งมั่นใจในคุณภาพว่าลูกค้าชาวจีนของเราทุกคนจะได้รับประทานทุเรียนจากเมืองไทยที่มีคุณภาพระดับเกรดพรีเมียม รสชาติอร่อย และผ่านการคัดเลือกคัดกรองอย่างมีคุณภาพในทุกขั้นตอน และปลอดจากเชื้อโควิดด้วย เรียกว่าเป็นทุเรียนแบรนด์เมืองไทย ที่มาจากการสร้างแบรนด์ของเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง

“เมื่อชาวสวนและสหกรณ์สามารถรับรองคุณภาพทุเรียนให้ได้ เป็นแบรนด์ผลไม้ไทย และเราเป็นเจ้าแรกที่นำเอาผลไม้ไทยไปขายที่จีน ผ่านระบบ Pre-Order เราก็เลยเห็นว่าแนวทางนี้มีความมั่นคง เรามาถูกทางแล้วเพราะมีภาครัฐและสหกรณ์ออกมารับรองคุณภาพด้วย ทำให้เรามั่นใจและสามารถส่งออกผลไม้ไปขายได้อย่างเต็มที่" คุณเจียวหลิง ฟาน กล่าว

ดังนั้น สิ่งที่อยากเห็นมากขึ้นคือการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องเกษตรกรเห็นถึงการขายทุเรียน และผลไม้ไทยทุกชนิดผ่านระบบ Pre-Order ที่สามารถทำได้จริง และได้กำไรด้วยเพราะเราสามารถกำหนดราคาขายที่แพงกว่าตลาดได้ หากสินค้าที่นำมาขายนั้นมีคุณภาพดีและผ่านการการันตี หรือได้รับการรับรองจากทางสหกรณ์และภาครัฐแล้ว และการซื้อทุเรียนล็อตนี้ทางบริษัทฯ เราก็ซื้อในราคาที่แพงกว่าราคาที่ขายในท้องตลาดจริงถึง 20 บาทด้วยกัน และถ้าเราสามารถประชาสัมพันธ์ให้ต่างชาติรับรู้และเข้าถึงผลไม้ไทยทุกชนิดที่เป็นความต้องการของตลาด ก็จะยิ่งเป็นการเปิดโอกาสและเป็นการเปิดเส้นทางการขายผลไม้ไทยสู่ตลาดโลกด้วยระบบออนไลน์ผ่านการ Pre-Order ซึ่งจะช่วยให้การจำหน่ายผลไม้ไทยเกิดความยั่งยืนด้วย

คุณเจียวหลิง ฟาน บอกอีกว่ากระแสการสั่งซื้อทุเรียนของไทยผ่านระบบ Pre-Order ในขณะนี้ถือว่าได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมาก ซึ่งลูกค้าชาวจีนให้ความสนใจและชื่นชอบทุเรียนจากเมืองไทยอยู่แล้ว และทางบริษัทฯ และสหกรณ์เมืองขลุง ก็ได้มีการรับรองคุณภาพด้วย หากว่าทุเรียนที่ส่งถึงมือลูกค้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ทางบริษัทฯ ก็ยินดีรับเคลมและจัดส่งทุเรียนให้กับลูกค้าใหม่อีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเรามีระบบการขายและการดูแลลูกค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งตลาดลูกค้าชาวจีนนั้นมีมากถึง 1,400 ล้านคนทีเดียว

ด้านคุณอุไร เปี่ยมคูหา เลขานุการสหกรณ์เมืองขลุง จำกัด จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าสหกรณ์ของ เรามีสมาชิกกว่า 2,000 คน ซึ่งมีความตั้งใจที่จะให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกและจำหน่ายผลไม้ไทย ร่วมกันสร้างแบรนด์ผลไม้ไทย โดยสหกรณ์เป็นแกนนำให้สมาชิกได้ขายผลไม้ในราคาที่สูง มีคุณภาพดี เป็นผลไม้เกรดดี พรีเมียมและสมาชิกสามารถอยู่ได้เพื่อรองรับอนาคตที่ผลไม้จะออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเราอยากมีศูนย์ส่งออกเป็นของตนเอง มีรัฐบาลคอยให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านต่าง ๆ มีความร่วมมือจากทางจังหวัดและมีบริษัทที่มารับซื้อผลไม้จากเราเพื่อสร้างความมั่นใจได้ว่าผลไม้ที่ออกมาในแต่ละฤดูกาลจะสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ดี และมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด

“การขายผ่านระบบออนไลน์ หรือ Pre-Order นี้ นับว่าตอบโจทย์ของเรามากเพราะช่วยให้เกษตรกรและสมาชิกของเราสามารถขายผลไม้ได้อย่างยั่งยืน มีตลาดรองรับที่แน่นอน ขอเพียงเราปลูกผลไม้ให้ได้มาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งปีนี้เราก็ได้บุกเบิกขายทุเรียนพันธุ์หมอนทอง จันทบุรี ผ่านระบบ Pre-Order เป็นครั้งแรก และเป็นการผลักดันผลไม้แบรนด์ไทย คือทุเรียนให้เป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลก” คุณอุไร กล่าวย้ำและว่าบริษัทฯ ที่มารับซื้อมีความตั้งใจมาก มีการแจ้งยอด Order เข้ามา และทางสหกรณ์กับสมาชิกก็ยินดีที่จะขายทุเรียนในรูปแบบนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีและเราก็อยากจำหน่ายในรูปแบบนี้มานานแล้ว ก็ได้มีการไปตรวจแป้งทุเรียนที่ต้องผ่านเกณฑ์ตามที่บริษัทฯ กำหนดไว้ นั่นคือต้องมีแป้งไม่น้อยกว่า 32% ขึ้นไป ซึ่งทุเรียนที่เราจำหน่าย 20 ตันในนี้มีขนาดน้ำหนักแป้งตั้งแต่ 33-35% ขึ้นไป ซึ่งสมาชิกของเรา 20 คน ที่เป็นแกนในการส่งออกทุเรียน ทุกคนยินดีที่จะทำตามกฎระเบียบของสหกรณ์และตามที่บริษัทฯ กำหนดไว้เพื่อให้ได้ทุเรียนที่มีคุณภาพดี รสชาติหวาน และได้มาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ

ขณะที่ คุณอรทัย เอื้อตระกูล อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนำเข้า-ส่งออกสินค้าพืชและปัจจัยการผลิต กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การจำหน่ายผลไม้ไทย ผ่านระบบออนไลน์แบบ Pre-Order ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะสามารถสร้างแบรนด์ผลไม้ไทย และส่งขายผลไม้ไทยได้มากยิ่งขึ้นกับในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิดนี้ แต่หัวใจสำคัญคือระบบโลจิสติกส์ที่จะต้องสอดประสานและเป็นสะพานในการเชื่อมต่อระหว่างสินค้าจากเกษตรกรไทยของเรา พี่น้องชาวไร่ ชาวสวนให้สามารถส่งขายสินค้าไปยังปลายทาง โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่มีบริษัทฯ กลางมารับซื้อและจัดจำหน่ายผ่านการ Pre-Oder

ซึ่งวันนี้เราได้เริ่มจัดส่งทุเรียนออกขายที่เมืองจีน ผ่านระบบการขนส่งโดยเครื่องบิน ซึ่งถือว่าดีมากเพราะช่วยในเรื่องของการรับประกันคุณภาพทุเรียนได้เมื่อส่งถึงมือผู้บริโภค หรือตลาดตามที่เราได้กำหนดไว้ แต่การจัดส่งโดยเครื่องบินก็มีราคาขนส่งที่แพงในระดับหนึ่ง ถ้ามีช่องทางการขนส่งในราคาไม่แพงมากจนเกินไป ก็จะส่งผลดีต่อการขายทุเรียนและผลไม้ไทยอื่น ๆ ได้อย่างมาก

“แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องผลิตสินค้า หรือจำหน่ายผลไม้ไทยที่มีคุณภาพ เกรดพรีเมียมด้วยเพราะเมื่อเป็นการขายแบบ Pre-Order เราต้องคัดสินค้าอย่างดีให้กับลูกค้า ประกอบกับการมีระบบการจัดส่งขนส่งที่ดี มีบริษัทรับซื้อที่เชื่อถือได้และมีมาตรฐาน เมื่อทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน เส้นทางการจำหน่ายผลไม้ไทยไปสู่ตลาดโลกและเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ผ่านการ Pre-Order ก็จะประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี” คุณอรทัย บอกไว้ในตอนท้าย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

I Care a Lot เมื่อห่วง...แต่หวังฮุบ มิจฉาชีพในคราบนักธุรกิจ | LOCK LENS GURU EP.2

LOCK LENS GURU / EP.2 วันอังคาร ที่ 27 เมษายน

???? GURU : อ.ระวีวรรณ ทรัพย์อินทร์ อาจารย์ประจำหลักสูตรการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (BMCI) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

▶️ หัวข้อ : I Care a Lot เมื่อห่วง...แต่หวังฮุบ มิจฉาชีพในคราบนักธุรกิจ

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021032004

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES 

.

สระแก้ว – กองกำลังบูรพา ประกอบพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นสิริมงคล

วันนี้ พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายวินัย โตเจริญนายอำเภออรัญประเทศ นายสุรศักดิ์ ชินนวรรณ์ สส.สระแก้วเขต3 นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว นำคณะผู้บริหารหน่วยงานทหาร องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวสระแก้ว ทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องสังเวยบวงสรวงตามพิธีพราหมณ์ เนื่องในวันรัฐพิธียุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ได้กระทำยุทธหัตถี ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จากพระราชดำรัสที่ทรงกล่าวโดยไม่สะทกสะท้านและมั่นพระทัยในไก่เหลืองหางขาวของพระองค์ ทำให้พระมหาอุปราชาทรงเกรงกลัว หาหนทางกลั่นแกล้งและกำจัด เป็นผลทำให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชจากพม่าได้ ไก่เหลืองหางขาวจึง มีชื่อเสียงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไก่เจ้าเลี้ยง” และ “ไก่พระนเรศวร”ซึ่งปัจจุบันชาวพิษณุโลกมีความภาคภูมิใจและหวงแหนในสมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์นี้มาก จึงมีการอนุรักษ์และพัฒนาไก่สายพันธุ์นี้มาโดยตลอด ในประเทศที่มีกีฬาชนไก่จะรู้จักไก่ไทยเหลืองหางขาวเป็นอย่างดี

พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวว่า ในขณะที่ตนเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยกำลังพล และครอบครัวตั้งพงษ์ทอง รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและประชาชนโดยทั่วไป ได้ร่วมกันจัดสร้างพระบรมราชนุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปางหลังทักษิโณทก ประทับนั่งบนอาคาร 2 ชั้น สูง 25 เมตร ชั้นบนออกแบบอาคาร 6 เหลี่ยม หลังคามุงรูปมาลาออกรบ ประดิษฐาน ณ บริเวณหน้าค่ายสุรสิงหนาท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเชิดชูพระเกียรติยศพระมหากษัตริย์ทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านการรบ การปกครอง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อปวงชนาวไทย เพื่อน้อมระลึกเหตุการณ์ครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยและร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและทรงทำสงครามกอบกู้เอกราช ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทยและขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งได้ตกทอดมาจนถึงพวกเราชาวไทยจวบจนปัจจุบัน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชำนาญการรบอย่างยิ่ง ทรงฉลาดในการวางแผนยุทธวิธีและอุบายกระบวนศึกที่ไม่เหมือนผู้ใด ทรงเป็นวีรกษัตริย์นักรบที่มีพระปรีชาสามารถ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชย์สมบัติ 15 ปี

พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ประธานประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกองพิธี ณ บริเวณหน้าค่ายสุรสิงหนาท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับผู้มาร่วมพิธีของการแต่งกาย ข้าราชการทหารแต่งชุดพระราชฐาน ข้าราชทั่วไปแต่งเครื่องแบบปกติขาว หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ พ่อค้าประชาชนใส่เสื้อเหลืองคอปกผู้ร่วมพิธีสวมหน้ากากอนามัยสีขาว หรือหน้ากากผ้าขาวตลอดการเข้าร่วมพิธีดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  วีระยุทธ สารการ / สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ขอนแก่น - เจ้าของผับชื่อดัง ฮึดสู้โควิด พาลูกน้องเปิดร้านหมูกระทะ ข้าวราดแกง ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ในราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 25 บาท พร้อมจัดเมนูพิเศษทุกวันจันทร์ อิ่มไม่อั้นทุกจาน

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 26 เม.ย.2564 ที่ย่านการค้าโอโซนวิลเลจขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ ริม ถ.เทพารักษ์ ด้านข้างโรงเรียนขอนแก่นคริสเตียน เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีประชาชนจำนวนมากทยอยกันมาเลือกซื้อข้าวแกงยูบาร์ ซึ่งเปิดให้บริการแบบเฉพาะกิจช่วยเหลือพนักงาน ผู้มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ด้วยเมนูอาหาร 14 เมนูหลัก และ ข้าวขาหมูโก้โตน ที่ให้บริการในทุกวันจันทร์ ในราคาเริ่มต้นจานละ 25 บาท โดยมีประชาชนมายืนรอต่อคิวเลือกซื้ออาหารนานาชนิดเพื่อนำกลับไปรับประทานร่วมกันของครอบครัว รวมไปถึงการร่วมส่งกำลังใจสมทบทุนการจัดทำอาหารแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อีกด้วย

นายภาณุ  ธีรภาณุ เจ้าของร้านข้าวแกงยูบาร์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ธุรกิจหลักของครอบครัวคือการเปิดร้านอาหารและสถานบันเทิง ในชื่อร้านเดอ ลา แจ๊ส และ ร้านยูบาร์ ซึ่งจัดเป็นร้านอาหารและสถานบันเทิงชื่อดังขอจังหวัด แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระลอกใหม่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ร้านต้องปิดตัวลงตามคำสั่งและตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็ต้องปฎิบัติตามและให้ความร่วมมือเพื่อให้สถานการณ์นั้นได้คลี่คลายไปได้โดยเร็วที่สุด และเมื่อร้านต้องปิด ทำให้พนังกานที่มีอยู่รวมกว่า 70 คนนั้นต้องตกงาน ในระยะแรกได้ส่งพนักงานทั้งหมดไปทำงานที่โรงงานแต่โรงงานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้นในการเป็นผู้นำเมื่อเราอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันแบบครอบครัว  ผู้นำต้องกล้าที่จะตัดสินใจและไม่ท้อ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันกับครอบครัว ใช้พื้นที่ว่างของย่านการค้าโอโซนวิเลจใจกลางเมืองแห่งนี้เปิดร้านหมูกระทะ ก่อนในระยะแรกและวันนี้เปิดข้าวราดแกง เพื่อให้พนักงานทุกคนนั้นได้มีงานทำและยังคงได้ช่วยเหลือคนอื่น ๆ อีกด้วย

“ โควิดระบาดระลอกใหม่ในช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ผมตัดสินใจเปิดร้านหมูกระทะ เพราะเป็นอาหารทานง่าย และใช้พื้นที่โล่งไม่แออัดและเว้นระยะห่าง ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และมาวันนี้เกิดการระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงในชื่อร้างข้าวแกงยูบาร์ เพื่อให้พนักงานทุกคนนั้นมีงานทำ ด้วยการจัดระบบการทำงานออกเป็น 2 กะ คือกะแรกทำงานร้านข้าวแกง ตั้งแต่เวลา 07.00-14.30 น. จากนั้นกะที่ 2 ทำงานที่ร้านหมูกระทะ ตั้งแต่เวลา 15.30 -21.00 น. ซึ่งพนักงานทุกคนก็ดีใจที่เราไม่ทอดทิ้ง อีกทั้งอาหารที่ทำจำหน่ายนั้นพนักงานยังคงสามารถรับประทานได้อีกด้วย”

นายภาณุ กล่าวต่ออีกว่า ร้านข้าวแกงยูบาร์ ให้บริการทุกวัน โดยไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 07.00-14.30 น. ใน 14 เมนู โดยทุกวันจะต้องมีผัดกะเพรา,ต้มจืด,พะโล้,แกงเขียวหวาน,น้ำพริก,ไข่ดาว,พะแนงหมูและไก่ทอด ส่วนเมนูอื่น ๆ นั้นเป็นไปตามที่เซฟและทีมแม่ครัวจะพิจารณาจัดทำ โดยร้านเสริฟแบบไม่อั้น กินจนอิ่มในราคาที่กำหนดไว้ตายตัว คือราด 1 อย่าง 25 บาท ราด 2 อย่าง 30 บาท ราด 3 อย่าง 35 บาท หากเป็นแกงถุง คือ 30 บาท และข้าวเปล่า 10 บาท ซึ่งทุกจานเราจะเสริฟแบบอิ่มไม่อั้น เพราะข้าวแกงนั้นทานได้ทั้งวัน จึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงขึ้นเพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ร้านได้มีงานทำ ช่วยเหลือผุ้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ชื่นชอบเมนูข้าวแกงได้รับประทานในราคาถูก รสชาติอาหารวัตถุดิบที่นำมาจำหน่ายอัดแน่นและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพเพราะครอบครัวทำร้านอหารมาทั้งชีวิต ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีลูกค้าบางคนที่เข้ามารับประทานและรู้ว่าร้านของเรานั้นขายถูกและให้การช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ไม่มีข้าวทานที่มาขอรับข้าวแกงไปทาน ที่เราก็จัดชุดพิเศษให้ ลูกค้ารายนั้นก็ได้สมทบทุนเพื่อส่งมอบกำลังใจอีกด้วย อย่างไรก็ตามในทุกวันจันทร์ ได้จัดให้มีเมนูพิเศษจานละ 30 บาทคือข้าวขาหมูโก้โตน ให้คนขอนแก่นได้อิ่มอร่อยอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top