Sunday, 6 July 2025
TheStatesTimes

ปราจีนบุรี - สาวเสริมสวยใฝ่ธรรมะทุ่มเงินส่วนตัวสองล้านสร้างลานธรรมในหมู่บ้าน

วันที่ 20 เมย.64 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรีรับแจ้งว่าที่บ้านนาไผ่รส ม.2 ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรีจ.ปราจีนบุรี เจ้าของร้านเสริมสวยบัญชิตา บิวตี้ ซาลอน ควักเงินส่วนตัว 2 ล้านบาทซื้อที่ดินเพื่อสร้างลานธรรมะประจำหมู่บ้านโดยมีเจตนารมณ์เปิดใจใส่ธรรมะให้คนในหมู่บ้านมาสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ เช้า-เย็น โดยเจ้าตัวยึดธรรมะถือศีลปฏิบัติธรรมมาแล้วหลายปี เมื่อมีโอกาสอยากทำในสิ่งที่คิดไว้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านเสริมสวยบัญชิตาบิวตี้ซาลอน นส.บัญชิตา บุญพรมอ่อน อายุ 37 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยนส.บัญชิตา หรือ น้องแอม เปิดเผยว่า หลังจากที่เรียนเสริมสวยมา 10 ปี เปิดร้านเสริมสวยครบวงจรและเรียนนวดคลายเส้นมาด้วยต่อมาได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ทำให้คิดได้ว่า คนเราทุกคนเกิดมามีคุณภาพชีวิตไม่เหมือนกันอาจเป็นเพราะว่า"บุญ-บาป "เป็นตัวกำหนด สังเกตดูจากการกระทำของตัวเองแต่ละครั้งที่ได้ทำบุญช่วยเหลือคนจนรู้สึกอิ่มใจ มีโอกาสจะร่วมทำบุญกับผู้ยากไร้ตลอดมาในรอบ 10 ปี

ขณะเดียวกันได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมบ่อย ๆ สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ ฟังธรรมะจากหลวงพ่อต่าง ๆ ซาบซึ้งในพุทธคุณเก่งมีแนวคิดที่จะสร้างลานธรรมด้วยตัวเองควักเงินส่วนตัวซื้อที่ 5 ไร่ เพื่อสร้างลานธรรมให้คนเฒ่าคนแก่และ เพื่อน ๆ ที่เป็นกัลยาณมิตรมีใจใฝ่ธรรมะด้วยกันให้มาถือศีลปฏิบัติธรรมที่ลานธรรมที่จะสร้างขึ้นในหมู่บ้าน โดยการเปิดเป็นลานธรรมมีที่นั่งสวดมนต์ไหว้พระ ลานธรรมแห่งนี้จะให้ผู้สูงอายุในหมู่บ้านและใกล้เคียงมาร่วมปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เช้า-เย็นมีโรงทานไว้บริการแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมรวมถึงจะสร้างห้องนวดคลายเส้นให้กับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมด้วย แรงบันดาลใจที่จะสร้างลานปฏิบัติธรรมในคิดว่าตัวเองสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงนึกถึงหลักความเป็นจริงคนทุกคน หนีการเกิดแก่เจ็บตายไม่พ้น การได้สวดมนต์ไหว้พระและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พ้นจากทุกข์กายทุกข์ใจถือว่าได้สั่งสมบุญแล้ว ได้บริจาคร่างกายกับสภากาชาดไทยเอาไว้แล้วเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ดีกว่าเผาทิ้งซึ่งไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ เลยพอมีแนวคิดที่จะสร้างลานธรรมมีญาติติธรรมหลายคนติดต่อเข้ามาที่จะมาร่วมปฏิบัติธรรมอย่างนี้หลายคนแล้วขออนุโมทนาบุญไว้ล่วงหน้าด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  ลักขณา สีนายกอง

ขอนแก่น - รพ.ศรีนครินทร์ เสริมเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มหลังเตียงผู้ป่วยเต็ม ยืนยันสามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่และครอบคลุมผู้ติดเชื้อทุกระดับ พร้อมนำหุ่นยนต์ทดแทนบุคลากรมาใช้ในการส่งอาหาร

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 20 เม.ย.2564 ที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข.รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข.  เปิดเผยว่า การบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ของทางโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ในสังกัดชอง มข. ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ที่ในขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อต่อเนื่องทะลุกว่า 200 ราย ทำให้เตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆที่เตรียมสำหรับรองรับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะเริ่มเต็ม ซึ่ง รพ.ศรีนครินทร์มีห้องความดันลบทั้งหมด 8 ห้อง เตียงผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระดับหนัก-วิกฤติ ซึ่งมีเตียงผู้ป่วยอยู่ 5 เตียงขณะนี้ก็เต็มเช่นเดียวกัน

"ในส่วนของเตียงที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในระดับหนักและวิกฤตินั้น ทางโรงพยาบาลได้เพิ่มเตียงอีก 5 เตียง ซึ่งจะเพียงพอในการดูและผู้ป่วยในระดับหนัก-วิกฤติ ในส่วนของผู้ติดเชื้อที่มีอาการปานกลาง ภายใต้การบริหารจัดการรับมือสถานการณ์ในระดับสูงสุด ซึ่งในเรื่องของเตียงผู้ป่วยขณะนี้จะสามารถรองรับผู้ป่วยทุกระดับได้ทั้งหมด"

ขณะที่ รศ.นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล ผอ.รพ.ศรีนครินทร์ กล่าวว่า ในแผนของการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ทางโรงพยาบาลได้มีแผนเตรียมพร้อมรับในทุกระดับตั้งแต่ระดับน้อยไม่แสดงอาการไปจนถึงระดับหนักถึงขั้นวิกฤติ แต่จะเน้นในการรักษาผู้ติดเชื้อภาวะวิกฤติเป็นหลักเหมือนกับที่โรงพยาบาลขอนแก่น เนื่องจากมีความพร้อมทางด้านอุปกรณ์การแพทย์และบุคลากร ซึ่งการดูแลผู้ป่วยหนักจะแตกต่างจากการดูแลผู้ป่วยระดับอื่น ๆ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอื่น ๆ เยอะ ทั้งชุดป้องกันที่จะต้องมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยในระดับที่สูง และต้องใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วอย่างดี แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้มีการพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โรงพยาบาลจึงต้องช่วยดูแลผู้ป่วยที่มีอาการในระดับน้อยถึงปานกลางด้วย ทำให้มีการแบ่งสัดส่วนของจำนวนเตียงผู้ป่วยให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

"ขณะนี้เรามีตั้งแต่ผู้ป่วยที่ต้องสงสัยรอผลตรวจ โดยจัดโซนภายในตึกสามารถรองรับได้จำนวน 14 คน คนไข้ที่มีอาการปานกลางจัดโซนไว้ให้ 2 ตึก สามารถรองรับได้จำนวน 20 คน ส่วนคนไข้ที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้นแล้วเป็นอาการคงที่จะย้ายไปอีกตึกหนึ่งและรอกลับบ้านซึ่งรองรับได้16 คนและกำลังพิจารณาหาหอผู้ป่วยรองรับอีก 12 เตียง ในส่วนของคนไข้หนักซึ่งเป็นภารกิจหลักของเราสามารถรับผู้ป่วยได้ทั้งหมด 5 คน ขณะนี้จำนวนเตียงเต็มแล้วทั้ง 5 เตียง แต่เร็ว ๆ นี้จะสามารถส่งผู้ติดเชื้ออาการหนักที่ทำการรักษาหายแล้วกลับบ้าน 1 ราย ก็จะทำให้เตียงหนักว่าง 1 เตียง ทำให้ตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้ทำการจัดสรรหาหอผู้ป่วยรองรับผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นอีก โดยใช้หอผู้ป่วยจำนวน 1 ตึกซึ่งจะสามารถรองรับผู้ติดเชื้ออาการหนักจนถึงขั้นวิกฤติได้อีก 5 เตียง โดยวันนี้จะเริ่มเข้าไปทำการปรับเปลี่ยนทันทีตามความเหมาะสมและได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข"

ผอ.รพ.ศรีนครินทร์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โรงพยาบาล ได้นำหุ่นยนต์มาช่วยในเรื่องของการส่งอาหารและยาให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระดับสูงสุด ส่วนบุคลากรของ รพ.ศรีนครินทร์ ในช่วงของการระบาดระลอกที่ 3 นี้ภายหลังจากพบแพทย์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 คน ทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงในโรงพยาบาลและตัวผู้ป่วยด้วย เนื่องจากบุคลกรทางการแพทย์นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกันในหลายๆ แผนก ต้องมีการปิดหอผู้ป่วยและตึกผ่าตัดเพื่อทำความสะอาด

ในขณะนั้นมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับ แพทย์ที่ติดเชื้อจำนวนเกือบ 600 คน ผู้ป่วยที่แพทย์ที่ติดเชื้อให้การรักษาอีกเกือบ 30 คน แต่ผลตรวจหาเชื้อของทุกคนเป็นลบ ทำให้มีความเข้มงวดมากขึ้นตั้งแต่การคัดกรองผู้ป่วยทั่วไป ผู้ป่วยต้องสงสัย และผู้ป่วยที่จะเข้ารับการผ่าตัด จะมีการนำเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์มาเสริมโดยซักประวัติผู้ป่วยผ่านทางวีดีโอคอล การสวอบผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดทุกคนรวมถึงผู้ป่วยต้องสงสัยว่าติดเชื้อจะมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเพื่อความปลอดภัยต่อบุคลากรทางแพทย์ในระดับสูงสุด พร้อมทั้งจัดทีมแพทย์ให้เข้ากับสถานการณ์หากมีทีมแพทย์ติดเชื้อก็สามารถสับเปลี่ยนทีมแพทย์ยกชุดได้ทันที

นอกจากนี้ยังบริหารจัดการในส่วนของผู้ป่วยโดยการลดการให้บริการบางส่วนภายในโรงพยาบาล แต่จะให้การสอบถามอาการผ่านทางโทรศัพท์และส่งยาไปให้ผู้ป่วยที่บ้านทางไปรษณีย์ ลดระยะเวลาของผู้ป่วยที่จะอยู่ในโรงพยาบาลให้น้อยที่สุด ซึ่งผู้ป่วยที่จะรับยาภายหลังจากยื่นใบสั่งยาแล้วให้ไปที่อื่นทันทีและจะมีข้อความแจ้งมายังผู้ป่วยว่าขณะนี้สามารถรับยาได้แล้วจึงค่อยเดินทางมารับยากลับไป หรือผู้ป่วยบางรายที่กลัวไม่กล้าเดินทางมาโรงพยาบาลก็จะใช้วิธีการสอบถามอาการผ่านทางโทรศัพท์และจัดยาส่งไปให้ทางไปรษณีย์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเศรษฐกิจไทยปี 2564 โตลดลงที่ 1.8% หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่

จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองเศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มเติบโตลดลงที่ 1.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.6% โดยมองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่มีความรุนแรงกว่าในระลอกก่อนหน้านี้ ในขณะที่แม้ว่าจะไม่ได้มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด แต่ความกังวลต่อสถานการณ์จะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงมีผลต่อการบริโภคครัวเรือนให้มีทิศทางต่ำกว่าที่ประเมิน

อย่างไรก็ตาม ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ได้รวมปัจจัยบวกจากแนวโน้มการส่งออกที่จะเติบโตดีกว่าที่เคยประเมินไว้จากอานิสงส์ของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีกว่าคาด นอกจากนี้ยังได้รวมถึงปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปแล้ว โดยมีโครงการที่ยังดำเนินอยู่ เช่น โครงการเราชนะ และโครงการเรารักกัน ขณะที่มีมุมมองว่า ภาครัฐจะมีมาตรการต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศภายใต้วงเงินกู้ 1 ล้านล้าน ซึ่งยังมีวงเงินคงเหลืออยู่ราว 2.4 แสนล้านบาท ประกอบกับยังมีเงินจากงบกลาง ภายใต้ พรบ.งบประมาณปี 2564 ที่สามารถนำมาใช้ได้อีกราว 1.3 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีความกังวลถึงการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2 ล้านคน

ตัวแปรสำคัญคือการเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งหากการฉีดวัคซีนมีความล่าช้า ก็มีความเป็นไปได้ที่การแพร่ระบาดจะยืดเยื้อหรืออาจเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก และทำให้ความหวังของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวให้ทยอยกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอาจต้องล่าช้าออกไป

ทั้งนี้ ในกรณีที่การแพร่ระบาดยืดเยื้อหรือมีการระบาดที่รุนแรงอีกรอบไตรมาส 3/2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะไม่เติบโตจากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรวมถึงการเร่งปูพรมกระจายวัคซีนเป็นภารกิจเร่งด่วน เนื่องจากระบบสาธารณสุขไทยมีขีดจำกัดในการรองรับผู้ติดเชื้อ หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับสูงมากกว่าพันคนอย่างต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ อาจเกิดภาวะระบบสาธารณสุขล่ม และส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับต้นทุนแฝง (Hidden cost) ที่อาจประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มเห็นหลายโรงพยาบาลเผชิญกับปัญหาเตียงผู้ป่วยเต็ม และขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องช่วยหายใจ

ขณะที่ต้นทุนต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนจะเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้เป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อประสิทธิภาพของแรงงานให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะมีมากกว่าการบริโภคที่ลดลงและรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 21 เม.ย. 2564 ก่อนจะเดินทางเข้าทำเนียบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้แทนประชาชน ทำหน้าที่ประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาพุทธและจัดพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์อย่างเรียบง่าย ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ครบรอบ 239 ปี และ 21 เม.ย. คือวันตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 239 ปี

โดยนิมนต์พระสงฆ์ ประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นศิริมงคลของประชาชนชาวไทยทุกคนและประเทศชาติ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘รองโฆษก ปชป.’ แนะรัฐบาล เร่งหามาตรการช่วยแบ่งเบาภาระช่วงใกล้เปิดเทอมฯ ให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ฝ่าวิกฤติโควิด

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการใช้เงินตามโครงการ เราชนะ ไปจนถึง 30 มิ.ย.นี้ และมีการพิจารณาในการดำเนินการโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ว่า ตนขอขอบคุณรัฐบาลแทนประชาชนที่เข้าใจถึงสถานการณ์ความยากลำบากในช่วงของการระบาดระลอกใหม่ เพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดนี้ สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายและอันตรายต่อผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งจากยอดติดเชื้อที่ยังคงอยู่ในระดับหลักพัน และคาดว่าจะยังคงสถานการณ์แบบนี้อีกหลายวัน ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกชักหน้าไม่ถึงหลัง พะว้าพะวังเป็นอย่างมาก

ดังนั้น การขยายระเวลาใช้สิทธิตามโครงการดังกล่าว ถือว่ารัฐบาลได้นำเสียงของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาร่วมพิจารณา ซึ่งมติ ครม.ที่เกิดขึ้นจะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนได้เป็นอย่างดี มีข้อพิสูจน์แล้วว่า ประชาชนต่างมีความกล้าในการจับจ่ายซื้อของมากขึ้น เพราะรัฐบาลได้สนับสนุนเงินทั้งประชาชนผู้ใช้สิทธิ์และร้านค้าผู้เข้าร่วมโครงการ ทำให้ภาพรวมสามารถประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเอาไว้ได้

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่มีความกังวลในช่วงนี้คือความวิตกกังวลของผู้ปกครองที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับลูกหลานในวัยเรียน ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะพยายามให้มีการเปิดเรียนในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด จะเบาบางลงวันไหน ดังนั้นหากรัฐบาลมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือผู้ปกครองให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากเพื่อสร้างอนาคตของชาติแล้ว จะต้องนำแนวคิดที่เคยมีผู้เสนอ เช่น การลดค่าเทอม 40 % การสนับสนุนค่าใช้จ่ายหรือการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษาค้นคว้าฟรี หากจะต้องมีการเรียนผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น หรือการขยายสิทธิ์ของโครงการเยียวยาของรัฐบาล ให้ครอบคลุมหรือระบุวัตถุประสงค์ว่า จะต้องใช้จ่ายให้กับบุตรหลานในการเรียนเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และสร้างความสบายใจให้กับเด็กในช่วงเวลาใกล้เปิดเทอมที่จะถึงนี้

“ผมเข้าใจว่า ขณะนี้ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนส่วนใหญ่ นอกจากค่าชุดนักเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนพื้นฐานแล้ว ก็มาจากการที่โรงเรียนเก็บเป็นเงินบำรุงหรือเงินอุดหนุนการศึกษา เพื่อดำเนินการจัดการเรียนการสอนเพิ่มเติมตามแต่ละโรงเรียน ซึ่งถือว่า เป็นภาระของผู้ปกครองที่จำเป็นจะต้องใช้จ่าย เพื่ออนาคตของบุตรหลาน ดังนั้น แนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมาโดยตลอดคือการสนับสนุนเด็ก ๆ ให้มีอนาคตสดใส โดยพยายามแก้ไขปัญหาระหว่างทางให้มีน้อยที่สุด

ในสถานการณ์ท่ามกลางการระบาดของโควิดขณะนี้ ผมจึงอยากให้รัฐบาล หามาตรการในการช่วยเหลือเด็กนักเรียนและผู้ปกครองอย่างรวดเร็วที่สุด โดยรัฐบาลจะต้องประสานงานในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาความร่วมมือ จนมาออกเป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และทำให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ได้ในที่สุด ” นายชัยชนะกล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ขอนแก่น - เร่งระบายน้ำบึงหนองโคตร รับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาอย่างต่อเนื่องเพื่อ ป้องกันน้ำท่วมเขตเศรษฐกิจของเมือง ผู้ว่าฯ คาดปีนี้ฝนตกชุก เร่งเตรียมรับน้ำในทุกพื้นที่อย่างเข้มงวด

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 20 เม.ย 2564 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอนแก่น, เทศบาลนครขอนแก่น และเทศบาลตำบลบ้านเป็ด ลงพื้นที่ตรวจสภาพปริมาณน้ำเก็บกักและการบริหารจัดการน้ำที่สถานีสูบน้ำพลังงานไฟฟ้าบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด  หลังจากที่ได้เริ่มพร่องน้ำลงสู่คลองร่องเหมือง มานานกว่า 1 สัปดาห์

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าขอนแก่น จะมีปริมาณฝนที่จะชุกกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ในขณะนี้จังหวัดได้มีการประสานไปยังเทศบาลตำบลบ้านเป็ด เดินเครื่องสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำในบึงหนองโคตรลงอีก 3 เมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการรองรับน้ำ ในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

" บึงหนองโคตรเป็นบึงขนาดใหญ่กว่า 800 ไร่ เป็นแก้มลิงในการรับน้ำจากชุมชนเมือง,ท่าอากาศยานขอนแก่น และกรมทหารราบที่ 8 ดังนั้น เมื่อพร่องน้ำได้ระดับ 3 เมตร จะทำให้รองรับน้ำได้ปริมาณมาก ซึ่งจะทำให้พื้นที่เศรษฐกิจไม่มีปัญหาน้ำท่วมขังอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันได้สั่งการไปให้ทุกอำเภอ ได้มีการสำรวจ และวางแผนในการเฝ้าระวังน้ำท่วมเช่นกัน"

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า เขตพื้นที่เทศบาลนครขอนแก่น ได้วางแผนให้มีการพร่องน้ำออกจากคลองร่องเหมือง เพื่อให้น้ำไหลลงสู่บึงทุ่งสร้าง ก่อนที่จะมีการระบายต่อไปยังหนองอีเลิง และไหลลงสู่ห้วยพระคือ และแม่น้ำชี ในเขต ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป ขณะเดียวกันสำนักงานชลประทานที่ 6 เตรียมวางเครื่องสูบน้ำจำนวน 8 จุด รวม 9 เครื่อง  ตามพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง เพื่อช่วยในกรระบายน้ำที่ท่วมขังผิวจราจร และพื้นที่ลุ่มต่ำที่จะส่งผลน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน    

 

อย่างไรก็ตามสำหรับถนนมลิวรรณ ที่จะเริ่มมีการขยายผิวจราจร ตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น จนถึงทางเข้าท่าอากาศยานขอนแก่น แขวงทางหลวงที่ 1 ได่มีการมีการวางท่อระบายที่จะระบายจากชุมชนค่ายกรมทหารราบที่ 8 เพื่อให้น้ำไหลลงสู่บึงหนองโคตร จำนวน 3 จุด ซึ่งหากการก่อสร้างโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะทำให้การระบายน้ำที่เคยท่วมขังชุมชนทางเข้ากรมทหารราบที่ 8 จะมีประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย

สตูล - กอ.รมน.จังหวัดสตูลร่วมกับ สนง.สสจ.สตูล, ป้องกันจังหวัดสตูล, สภ.เมืองสตูล และ ฝ่ายปกครอง อ.เมืองสตูล ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1374 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตรวจพบร้านนวดแผนโบราณ

กอ.รมน.จังหวัด ส.ต. ได้รับการร้องเรียนร้องทุกข์ผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1374 กอ.รมน. รับแจ้งเหตุความมั่นคง (Coll center 1374 กอ.รมน. รับแจ้งเหตุความมั่นคง) จากพลเมืองดี ว่ามีบุคคลชายไทย อายุ ประมาณ 65 ปี รูปร่างสันทัด ผิวขาว ผมสั้น เปิดร้านนวดแผนโบราณชื่อ “อาเสียน แดนใต้”ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 95/88 ถ.สฤษดิ์ภูมินารถ ซ.12 ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล มีพฤติกรรมน่าสงสัย ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการหลอกลวงประชาชน และประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนผู้มาใช้บริการสถานประกอบการดังกล่าว

กอ.รมน.จังหวัดสตูล ร่วมกับ สนง.สสจ.สตูล, ป้องกันจังหวัดสตูล, สภ.เมืองสตูล และ ฝ่ายปกครอง อ.เมืองสตูล  ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1374 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตรวจพบร้านนวดแผนโบราณชื่อ “เสียน แดนใต้”  ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 95/88 ถนนสฤษดิ์ภูมินารถ ซอย 12 ต.พิมาน อ.เมืองสตูล  จ.สตูล ผลการตรวจสอบภายในบ้านดังกล่าวพบ  นายอาคม วันนา อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 ถ.ภูมินารถภักดี 2 ต.พิมาน อ.เมืองสตูล จ.สตูล และ นางไหมกาญจณ์  แก้วประมูล  อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/61 ถ.สฤษดิ์ภูมินารถ ต.พิมาน อ.เมืองสตูล  จ.สตูล โดยมี นายอาคม วันนา รับเป็นเจ้าของกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับตรวจพบสิ่งของอุปกรณ์ซึ่งตกเป็นของกลาง จำนวน 7 รายการ ยาสมุนไพรสีน้ำตาล จำนวน 11 ห่อ, ยาแผนปัจจุบันจัดเป็นชุด ประกอบด้วย สีเหลืองกลม 2 เม็ด  สีเหลืองห้าเหลี่ยม 1 เม็ด สีเขียวกลมรีรูปไข่ 1 เม็ด สีเหลืองนวล 1 เม็ด รวมจำนวน 1,924 ชุด, ยาแผนปัจจุบันจัดเป็นชุด ประกอบด้วย สีเหลืองกลม 2 เม็ด สีเหลืองห้าเหลี่ยม 1 เม็ด และสีขาว 1 เม็ด 3 ชุด รวมจำนวน 19 ชุด,ยาแผนปัจจุบันจัดเป็นชุด ประกอบด้วยสีเหลืองกลม 2 เม็ด สีเหลืองห้าเหลี่ยม 1 เม็ด และเม็ดขาวกลม ๑ เม็ด รวมจำนวน 3 ชุด, ปืนพกสั้นยี่ห้อ colt ขนาด 11 มม.  จำนวน 1 กระบอก ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน, เครื่องกระสุนขนาด 11 มม.  จำนวน 13 นัด,ซองกระสุน จำนวน 1 ซอง

เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบได้นำตัว นายอาคม วันนา และ นางไหมกาญจณ์  แก้วประมูล พร้อมด้วยของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำความผิด จำนวน 8 กระทง ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืน ม.16 ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ,ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตฝ่าผืน ม.24 ตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ.2541,ประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียน และรับอนุญาต ฝ่าฝืน ม.30 ตาม พ.ร.บ. การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542,ขายยาแผนปัจจุบัน โดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืน ม.12 ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510, ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยไม่ได้รับอนุญาตฝ่าฝืน ม.๑๗ ตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร 2562,ฝ่าฝืน ม.75 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุด  ในคราวเดียวกัน โดยเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ (พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ),มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่, ฝ่าฝืนคำสั่ง จ.สตูล ที่ 726/2564 ลงวันที่ 17 เมษายน 2564  เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) จ.สตูล

จากการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนร้องทุกข์ พฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว ได้ขออนุญาตเปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ แต่กลับมีการดำเนินการประกอบสถานพยาบาล, การประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียนและไม่ได้รับอนุญาต ตลอดจนการจำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งอาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่มาใช้บริการดังกล่าว ได้รับอันตรายต่อสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนอาจจะเข้าข่ายการร่วมกันหลอกลวงประชาชน ให้เกิดความหลงเชื่ออันจะส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

‘แรมโบ้’ กางปีกป้อง ซัด ‘โอ๊ค’ ไล่ ‘บิ๊กตู่’ หวังให้พ่อกับอากลับมาเป็นนายกฯ หรือ โวลั่นสถานการณ์แบบนี้ยิ่งไม่ควรลาออก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทาง เฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าพาประเทศฝ่าโควิด เหมือนตาบอดคลำทาง ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ชี้ต้องให้ลาออก ให้คนมีความสามารถมาบริหาร ว่าแม้นายพานทองแท้ จะมองว่าการแก้ไขปัญหาโควิดของนายกฯ และรัฐบาล เหมือนตาบอดคลำทาง แต่ที่ผ่านมา 2 ครั้ง นายกฯ และรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้มาแล้ว และครั้งนี้ตนเองมั่นใจว่านายกฯ จะสามารถทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ อย่าได้มาใช้นิสัยเดิม ๆ มาซ้ำเติมทำร้ายจิตใจคนที่ทุ่มเททำงานแก้ปัญหา

เรื่องการแถลงข่าวของนายกฯ หากนายพานทองแท้ตั้งใจฟังก็จะเห็นว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว และจะทำอะไรต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนที่กำลังทยอยเข้ามาฉีดให้กับประชาชน อีกทั้งนายกฯ ได้มีการติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศก็มีแนวโน้มว่ามีแนวทางในการจัดหาวัคซีนมากขึ้นอย่างแน่นอน และในเดือนมิถุนายนนี้เราก็จะมีวัคซีนจำนวนมาก เพราะสามารถผลิตได้ในประเทศ สามารถที่จะคำนวณฉีดให้กับประชาชนได้โดยภายในปีนี้จะสามารถฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุดอย่างน้อยร้อยละ 60

นายเสกสกล กล่าวว่า คนทำงานอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรต้องลาออก เพราะต้องแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและพัฒนาประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากเป็นคนอื่นน่าจะทำไม่ได้เท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะคงจะไม่เห็นความสำคัญของประชาชน ประเทศชาติ จะเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวของตัวเองเท่านั้น เหมือนผู้นำบางตระกูลก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ คงจำได้แน่นอน ขอให้นายพานทองแท้ เปิดใจรับฟังคนอื่นบ้าง ไม่ใช่จะว่ากล่าวตำหนิเพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่ทั้งนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามทำอย่างดีที่สุด ทั้งนี้นายพานทองแท้ จะไม่ให้กำลังใจนายกฯ แต่ก็ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และคนทำงาน ให้กำลังใจคนไทยในการช่วยกันฝ่าฟันสถานการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้

"นายพานทองแท้ ไล่นายกฯ ให้ออกจากตำแหน่ง ขอถามกลับว่าคงอยากให้คุณพ่อหรือคุณอา กลับมาเป็นนายกฯ อีกใช่ไหม ช่วยถามหัวใจคนไทยส่วนใหญ่หน่อยว่า รับได้หรือเปล่า ก่อนจะไล่ใคร ช่วยย้อนกลับมามองตัวเองก่อน อย่าเอาอคติความแค้นส่วนตัวมาจ้องทำลายคนอื่น เพราะสิ่งที่เสียหายในอดีตมากมายมหาศาล นายกฯ คนนี้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา ยังไม่ได้ทำให้ประเทศชาติประชาชนเสียหายอะไร แต่ในภาวะวิกฤติทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหากับโควิด ประเทศเราก็ย่อมส่งผลกระทบความเดือดร้อนบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนการทุจริตคอร์รัปชัน โกงบ้านโกงเมืองแต่อย่างใด" นายเสกสกล กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กระบี่ - นายก อบจ.กระบี่นำทีม ฉก.โควิด-19 พ่นยาฆ่าเชื้อย่านการค้าชุมชนกลางเมือง"โครงการท้องถิ่นรวมใจสู้ภัยโควิด19 สร้างความมั่นใจให้ประชาชน

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายสัจพร จันทร์ศรีนวล ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ และคณะผู้บริหาร ได้นำชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิด-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ระดมกำลังกวาดล้างทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้โครงการท้องถิ่นรวมใจสู้ภัยโควิด-19 โดยนำรถยนต์บรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อขนาดบรรจุ 600 ลิตร และกำลังเดินเท้า 22 คน ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสภายในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ ตลาดซิตี้ ตลาดลานปูดำหน้าเมืองกระบี่ ย่านการค้ามหาราชทั้ง 15 ซอย บนถนนมหาราชตั้งแต่ทางขึ้นวัดแก้วโกรวารามพระอารามหลวงจังหวัดกระบี่ ไปจนถึงสี่แยกเสือเขี้ยวดาบ และถนนอุตรกิจตั้งแต่สามแยกด่านศุลกากรไปจนถึง สามแยกลานประติมากรรมปูดำหน้าเมืองกระบี่ รวมพื้นที่ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส ระยะทาง 3 กิโลเมตร รวมน้ำยาฆ่าเชื้อ 5,000 ลิตร

ทั้งนี้เพื่อการการเฝ้าระวังและป้องกันพร้อมทำลายการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่รอบสาม ไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปในวงกว้างของพื้นที่จังหวัดกระบี่ และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ ว่าจังหวัดสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวไม่ให้ขยายออกไปในวงกว้างทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดกระบี่ เกิดความมั่นใจว่ามาเที่ยวกระบี่แล้วมีความปลอดภัยจากเชื้อโรคดังกล่าวอบย่างแน่นอน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่รอบสามในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 1 – 19 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยสะสมยืนยันรวม 33 คน แยกเป็นคนไทย 30 คน ชาวต่างชาติ 3 คน รักษาตัวในโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ 22 คน โรงพยาบาลอำเภอลำทับ 3 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 1 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน โรงพยาบาลเอกชน 2 คน และโรงพยาบาลสนาม 4 คน มีผู้สัมผัสและมีความเสียงสูงเข้ารับการตรวจหาเชื้อ 231 คน ไม่พบเชื้อ 14 คน พบเชื้อ 4 คน รองลการตรวจ 213 คน


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง 

อยุธยา - วัดตะโก ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อรวย

เมื่อเวลา 16.00น.วันนี้ 19 เมษายน 2564  ที่ วัดตะโก อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังทางวัดตะโกได้ทำการปิดวัดในวันที่ 17-19 เมษายน 2564 เพื่อที่จะทำความสะอาดฆ่าเชื้อโควิด-19 หลังมีประชาชนได้เข้ามาทำบุญกราบไหว้หลวงพ่อรวยช่วงเทศกาลจำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะเดินทางมา และจะเปิดให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อรวยอีกครั้งเร็ว ๆ นี้

วันนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่ ร่วมกันทำความสะอาดภายในวัด โดยได้รับความร่วมมือจากเอกชน นำน้ำยาฆ่าเชื้อ มาฉีดพ้นภายในพระมหาธาตุเจดีย์ โบสถ์ วิหาร อาคารสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นสถานที่ รวมจำนวนคนมากในช่วงที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพุทธศาสนิกชน ที่จะเดินทางมาวัดตะโก  ส่วนทำความสะอาดทั่วไป วัดเองทำทุกวัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับพุทธศาสนิกชนที่จะเดินทางมาวัดตะโก

หลังจากที่เปิดแล้วขอความร่วมมือทุกคนที่เดินทางมาที่วัดตะโก ขอให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย มีการเว้นระยะห่าง ผ่านจุดคัดกรอง ลงทะเบียนตามคำแนะนำ  ซึ่งจะเปิดให้เข้าเพียงแค่ประตูเดียวเพื่อความเข้มในการคัดกรองเช่นเดิมไว้ตามระเบียบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะเดินทางมา กราบไหว้หลวงพ่อรวย ต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top