Sunday, 8 June 2025
TheSatesTimes

‘สุริยะ’ ลุยแผนลงทุน!! ‘ทางคู่ - ไฮสปีด – มอเตอร์เวย์’ สร้างโครงข่าย!! การเดินทาง ขนส่งสินค้า ‘ไทย - ลาว - จีน’

(22 ธ.ค. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันจีนเป็นฐานการผลิตและการบริโภคที่สำคัญ และเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน GPD กว่า 623 ล้านล้านบาท การเชื่อมต่อการเดินทางที่มีประสิทธิภาพจากไทยไปสู่จีน จึงเป็นการสร้างโอกาสทั้งในด้านการเดินทาง การขนส่งสินค้า การค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวออกไปยังจีนและภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาการเดินทางเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านและจีนได้ทั้งทางถนนและทางรถไฟ

กระทรวงคมนาคมจึงมีแผนที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เชื่อมโยงระหว่างไทย - ลาว - จีน และภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการลงทุนและการท่องเที่ยว โดยได้เร่งรัดพัฒนารถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง เชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งจากกรุงเทพฯ และพื้นที่ EEC ให้เชื่อมต่อไปยังลาว เวียดนาม และจีนได้อย่างสะดวกและต่อเนื่อง

ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น เสร็จแล้ว ส่วนช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ และทางคู่สายใหม่ ช่วงบ้านไผ่ - มุกดาหาร - นครพนม อยู่ระหว่างการก่อสร้าง สำหรับระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น - หนองคาย และชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี คาดว่าจะก่อสร้างได้ในปี 2568 พร้อมนี้ได้เร่งรัดการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ให้แล้วเสร็จ และเปิดให้บริการได้ในปี 2571

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้พัฒนามอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ปัจจุบันใกล้เสร็จแล้วและจะเปิดให้บริการตลอดเส้นทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ซึ่งจะช่วยลดเวลาการเดินทางจากกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ให้เหลือเพียง 2 ชั่วโมง อยู่ระหว่างศึกษาออกแบบมอเตอร์เวย์สายใหม่ร่วมกับระบบรางจากแหลมฉบัง - นครราชสีมา เร่งรัดเปิดให้บริการสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) ภายในปี 2568 และอยู่ระหว่างพัฒนาศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม โดยจะเปิดให้บริการได้ในปี 2568 และพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อเชื่อมรางกับถนนเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ โดยได้มอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยศึกษาความเหมาะสมของตำแหน่งที่ตั้งว่าจะอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นหรือนครราชสีมา เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งไปยังท่าเรือแหลมฉบังในอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายการเป็นศูนย์กลางการเดินทางทางอากาศ (Aviation Hub) ของประเทศ กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาท่าอากาศยานที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรองรับการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต อาทิ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น 2.8 ล้านคนต่อปี ก่อสร้างลานกลับลำอากาศยานของท่าอากาศยานนครราชสีมา และสนับสนุนให้มีสายการบินพาณิชย์มาทำการบินให้มากขึ้น ขยายลานจอดเครื่องบินท่าอากาศยานขอนแก่นและนครพนมให้สามารถรองรับจำนวนอากาศยานได้มากขึ้น และศึกษาออกแบบต่อเติมขยายความยาวทางวิ่งของท่าอากาศยานร้อยเอ็ดและเลย ให้สามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ได้

นายสุริยะ กล่าวว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็น Corridor สำคัญของไทย และเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ กระทรวงคมนาคมพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเปลี่ยน ‘ความท้าทาย’ ให้กลายเป็น ‘ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม’ ของคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม โดยได้มอบนโยบาย ‘คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย’ ให้หน่วยงานในสังกัดใช้เป็นกรอบการดำเนินงาน เดินหน้าลงทุนพัฒนา Mega Projects ทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศให้มีประสิทธิภาพ เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

มทบ.32 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมและขยายผลยาเสพติดรายสำคัญ

(10 ก.พ.68) เวลา 11.00 น. พล.ต. วิชาญ  ศรีภัทรางกูร ผบ.มทบ.32 มอบหมายให้ พ.อ กวิน ยาวิชัย รอง ผบ.มทบ.32​ ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมและขยายผลยาเสพติดรายสำคัญฯ โดยมีรายละเอียดคือ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเถิน ร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรแม่พริก และฝ่ายปกครอง ได้ทำการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน พร้อมยาเสพติดของกลาง (ยาบ้า) จำนวน 6,000,000 เม็ด และ รถยนต์ จำนวน 1 คัน โดยมี พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานฯ ณ ที่ทำการ ภ.จว.ลำปาง (แห่งใหม่)อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้นำบัญชาและข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเพื่อร่วมกันสอดส่องดูแลลูกหลานหรือบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยสามารถแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599 , สายด่วน 191 , line@inthanon1(ผบช.ภ.5) และ Application Police l lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'พล.ต.อ.กรไชยฯ' ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ชื่นชมเป็นหน่วยงานที่สร้างภาพลักษณ์ด้านดีให้กับองค์กรอย่างต่อเนื่อง 

(4 มิ.ย.68) เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายในการปฏิบัติหน้าที่แก่ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร (ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ) โดยมี พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผู้บังคับการตำรวจจราจร , พ.ต.อ.ประทีป ศรีหรั่งไพโรจน์ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ให้การต้อนรับ โดย พล.ต.อ.กรไชยฯ เลี้ยงอาหารกลางวันและมอบนโยบายแก่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ณ กองกำกับการ 6 (จราจรโครงการพระราชดำริ) กองบังคับการตำรวจจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล

พล.ต.อ.กรไชยฯ กล่าวว่า เป็นอีกครั้งที่ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยงานนี้ ในฐานะที่เคยกำกับดูแลและเคยร่วมปฏิบัติภารกิจ และความรับผิดชอบตามที่ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในงานด้านบริหาร โอกาสนี้จึงมาขอบคุณและเป็นกำลังใจตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริทุกนาย ซึ่งตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริมีบทบาทสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในสายการแพทย์ ที่สำคัญคือภารกิจการนำส่งอวัยวะหัวใจที่ได้นำส่งมาแล้วถึง 128 ดวง จึงขอเน้นย้ำกำลังพลทุกนายมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ด้วยจิตวิญญาณของการเป็นตำรวจ เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง โดยยึดหลักตามแนวทางพระราชดำริและอุดมคติของตำรวจเป็นที่ตั้ง ดูแลทุกข์สุขของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ประชาชนและสังคมเกิดความเชื่อมั่นศรัทธา ตามเจตนารมย์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับโครงการตำรวจจราจรในพระราชดำริ เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร จึงมีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหาให้ทุเลาลงด้วยการพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 8 ล้านบาท ให้กรมตำรวจ (ในขณะนั้น) นำไปซื้อรถจักรยานยนต์เป็น 'หน่วยเคลื่อนที่เร็ว' ทำหน้าที่ 'สายตรวจจราจร' รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อวิทยุสื่อสาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ ในการนี้พระองค์ได้พระราชทานแนวทางการปฏิบัติในโครงการนี้  5 ประการ คือ
1. แสวงหาแนวทางให้ผู้ใช้รถใช้ถนน เคารพกฎจราจร และมีมารยาท
2. ใช้รถจักรยานยนต์ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วแก้ปัญหาจุดที่รถติด เสมือน 'รถนำขบวน' โดยรถจักรยานยนต์จะเข้าไปแก้ไขปัญหาทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ไปได้
3. ใช้รถจักรยานยนต์ดูแลการจราจรบนถนน ให้รถเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ตามความเหมาะสม
4. ถนนที่เป็น 'คอขวด' ให้รถจักรยานยนต์เข้าไปแก้ไขให้เคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ เสมือนเทน้ำออกจากขวด
5. ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการจราจร

โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2536 โดยการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร จำนวน 150 นาย เข้ารับการอบรมความรู้เพิ่มเติมด้านการจราจรตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการประชาสัมพันธ์ และนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนและสังคมรวมระยะเวลา 32 ปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top