Tuesday, 22 April 2025
TheIcon

เปิดใจครั้งแรก บอสพอล The iCon หลังกระแสดราม่าถาโถมหนัก

(9 ต.ค. 67) นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

สวัสดีทุกท่านครับ
ผมขอเรียนชี้แจง
ผ่านทางช่องทางนี้นะครับ

ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจ
ขายปลีก-ขายส่ง ผ่านระบบตัวแทน
ภายใต้ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป
มาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว

ผมเชื่อมั่นว่า…
ผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใส
มาโดยตลอด

แต่จากเหตุการณ์
ที่เกิดเป็นกระแสสังคมขึ้น ณ ขณะนี้
ผมติดตามข้อมูลต่อเนื่องมา
และรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ที่เกิดเหตุว่า…
มีผู้เสียหายเกิดขึ้น
เนื่องจากการทำธุรกิจ
กับบริษัทของผม

ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูล
ปรากฏมีหลายเคส
ตามที่เกิดดราม่า
ที่ออกมา ต่อว่า ด่าทอบริษัท
กลับไม่ได้เป็น ตัวแทนจำหน่ายของผม
แบบที่เค้ากล่าวอ้างเลย
และมีอีกหลายเคส
ที่ ขายของ กับบริษัทผม
แล้วได้เงินกำไรไปจำนวนมาก
แต่ก็กลับมาต่อว่า ด่าทอ
ในโลกโซเชียลเช่นเดียวกัน

ผมยอมรับตรงๆว่าผม
งง และ สับสนมากครับ
พยามตั้งสติ 
พยามติดตาม ดูข้อมูล
ว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริง 
อันไหน เป็นการกลั่นแกล้ง 
ใส่ความ ปลุกปั่น
บ้างก็ด่าเอามัน เอาสะใจ 
โดยมีข้อมูลถึงขั้นที่ว่า
ทำธุรกิจกับบริษัทของผม
แล้วฆ่าตัวตาย
อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุด
ที่ผมเองไม่เคย ได้รู้มาก่อนเลยครับ

และยังคงสงสัยอยู่ว่า
ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้
แล้วทำไม ?
ถึงไม่มีใครในองค์กร
รู้มาก่อนบ้างเลย

อย่างไรก็ตาม
ถ้าเป็นเรื่องจริง
ผมคงรู้สึกเสียใจมาก
และอยากที่จะ ช่วยเหลือ เยียวยา
ครอบครัวผู้ที่สูญเสีย อย่างเต็มที่ครับ
ขอเพียง ท่านติดต่อกลับมา ที่บริษัท
แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า
ผมไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อนจริงๆ

ส่วนที่ถามว่าทำไม
ผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร
ผมขอตอบตรงๆว่า
เมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว
ผมคิดว่า…
ไม่ว่าจะตอบ อะไร ออกมา
ในช่วงที่กระแสสังคม
เปรียบเหมือนน้ำเชี่ยว
จากการรับข้อมูล “ทางเดียว” ในตอนนี้
ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์
ที่หนักอยู่แล้ว หนักยิ่งขึ้น

ผมจึงใช้เวลาทั้งหมดในการเตรียม
ข้อมูล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง 
รวมทั้งหลักฐานต่างๆ
ที่จะชี้แจงให้ทราบ
ผ่านกระบวนการยุติธรรม ทางกฎหมาย
ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการ
เพราะผมเชื่อว่า…
เราต่างเป็นสุจริตชน
ที่อยู่ภายใต้ “กฎหมาย”
ไม่ใช่การใช้ “กฎหมู่” 
หรือกระแสสังคม ในการทำลายกัน
ผมพร้อมจะเข้าไป แสดงตัว 
”มอบตัวกับตำรวจ“
ตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ
ผมรอพิสูจน์ความจริง อยู่ตรงนี้
ไม่หนีไปไหน แน่นอนครับ!!!
และพร้อม นำข้อเท็จจริง
และหลักฐานทั้งหมด
เข้าชี้แจงผ่าน “กระบวนการยุติธรรม”
ทุกท่านอดใจรอหน่อยนะครับ 
เดี๋ยวความจริงก็จะเปิดเผยออกมา
ให้ทุกท่านทราบ…
ถ้าผมทำผิด ตามที่ถูกกล่าวหา
ผมย่อมจะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย
อย่างถึงที่สุด แน่นอนครับ
เมื่อถึงวันนั้นค่อยด่าทอ 
ประณาม เหยียบย่ำ
ผมได้เลยครับ 
เชื่อว่า… ไม่ช้าเกินไป
แต่วันนี้ ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ครับ
และผมเชื่อ ในความบริสุทธิ์ ของผม
ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้ว
ผมยังสามารถ สบตาตัวเองได้
“อย่างเต็มตา”
ในขณะเดียวกัน
ผมก็สลดใจ ที่ตัวเอง และ องค์กร
ต้องมาถูกเหยียบย่ำ ทำลาย ต่างๆ นาๆ
ในขณะที่ยังไม่ได้มีการตัดสิน
จากกระบวนการยุติธรรม
ที่พวกเรา เชื่อมั่น เชื่อถือ
ผมอยาก ขอร้อง วิงวอนให้ทุกท่าน 
โปรดให้โอกาสผมและองค์กร
ได้พิสูจน์ตัวเอง
ผ่านกระบวนการยุติธรรม
ก่อนที่จะด่วนตัดสินกัน นะครับ
ขอบคุณครับ

‘อ.สุวินัย’ ดีดลูกคิด เปิดหลักสูตร ‘คณิตศาสตร์แชร์ลูกโซ่’ อึ้ง The iCon สมาชิก 4 แสน ยอดลงทุนเกือบหมื่นล้าน

(15 ต.ค. 67) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักเขียนชื่อดัง ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณี The iCon ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า 

‘คณิตศาสตร์แชร์ลูกโซ่หมื่นล้าน : แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีสมาชิกเข้าร่วมเกือบสี่แสนคน’

ในช่วงหนึ่งของรายการ THE STANDARD NOW 

บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยข้อมูลยอดสมาชิกในระดับต่าง ๆ ของการดำเนินธุรกิจ ล่าสุด จำนวน 368,257 ราย แบ่งเป็น

ร้านค้าปลีก distributor : 285,833 ราย (ลงทุน 2,500) ยอดลงทุนทั้งสิ้น = 714,582,500 บาท
หัวหน้าทีม Supervisor  : 43,976 ราย (ลงทุน 25,000) ยอดลงทุนทั้งสิ้น = 1,099,400,400 บาท
ตัวแทนจำหน่าย Dealer : 31,972 ราย (ลงทุน 250,000) ยอดลงทุนทั้งสิ้น = 7,993,000,000 บาท

ยอดรวมทั้งหมดของการลงทุนในแชร์ลูกโซ่ The Icon  คือ 9,806,982,900 บาท คือเกือบหมื่นล้านบาท ถือเป็นแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
หากรวมตัวแทนจำหน่าย (เล็ก) Mini Dealer : 6,476 ราย × 25,000 (ลงทุน) = 161,900,000 บาท ยอดเงินทั้งหมดจะเป็น 9,968,882,900 บาทคือเฉียดหมื่นล้านบาท

หากหักค่าจัดการ-ค่าบริหารแชร์ลูกโซ่ไป 30%  ก็จะเหลือเงินประมาณ 7,000,000,000 (เจ็ดพันล้านบาท) ที่กระจุกอยู่ใน "กลุ่มบอส" กับเครือข่ายแม่ทีมทั้งหมด ที่มีจำนวน 0.15%  (ตัวเลขจำนวนคนระดับยอดพีระมิดของแชร์ลูกโซ่) ของ จำนวนคนที่เข้าร่วมแชร์ลูกโซ่ทั้งหมด 368,257 ราย ก็จะมีคนที่กอบโกยเงินทองจากแชร์ลูกโซ่นี้อยู่ราว ๆ 552 คน

แต่เงินเจ็ดพันบาทที่ดูดมานี้ หาได้กระจายสู่คนจำนวน 552 คน บนยอดพีระมิดอย่างเท่าเทียมกันไม่
ดูทรงแล้วคิดว่า เงินห้าพันล้านบาทจากยอดเจ็ดพันล้านบาทน่าจะตกอยู่ใน "กลุ่มบอส" ที่มีจำนวนไม่น่าเกิน 20 คนเท่านั้น 

โดยที่ "หัวหน้าบอส" คนเดียวน่าจะฮุบไปอย่างน้อยสองพันล้านบาทจากยอดห้าพันล้านบาท
นี่คือตัวเลขคร่าว ๆ ที่ ปปง.กับดีเอสไอ ต้องดำเนินคดีและยึดทรัพย์คืนกลับมาให้ได้
สุวินัย ภรณวลัย

เจาะ Model สามองค์กรคล้ายแชร์ลูกโซ่ ? ใช้การตลาดนำ แต่ตั้งอยู่บนความว่างเปล่า

(25 ต.ค. 67) กระแสข่าวในช่วงที่ผ่านมาคงไม่มีใครสามารถหลบความมาแรงของข่าว บอส...บอส ของ The iCon Group ได้พ้น 

เพราะอานิสงส์จากคดีนี้แทรกไปในทุกวงการไม่ว่าจะเป็น วงการบันเทิง วงการการเมือง วงการสีกากี หรือแม้กระทั่งวงการสงฆ์

หัวใจของกลเกมจาก The iCon Group ไม่ใช่เรื่องที่ลึกล้ำอะไรมากนัก เพราะธุรกิจของกลุ่มนี้ล้วนทำมาหากินบน ‘อคติ 4’ อันประกอบด้วย ‘รัก โลภ โกรธ หลง’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์

ถ้าพูดตามตำรา MBA แล้วต้องบอกว่าธุรกิจนี้สามารถจี้ไปยัง Pain Point ของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นกระตุ้นความโลภ ให้ทุกคนอยากรวยไปด้วยกัน โดยใช้เทคนิคทางการตลาดต่าง ๆ หว่านล้อม

แต่สุดท้าย พอถึงเวลาอันสมควร สิ่งที่กลวงเปล่าขององค์กรก็ปรากฏตัวขึ้น บนความเสียหายมหาศาล ที่เพิ่งเห็นข่าวสารผ่านตาว่ามีผู้เสียหายไม่น้อยกว่า 8,000 คน

ดูละครแล้วย้อนดูตัว 

การตลาดนำโดยจี้ไปที่ Pain Point ในสังคมไทย สังคมโลก ‘The iCon’ เป็นแค่หนึ่งในผู้ที่ฉกฉวยเอาเทคนิคนี้มาใช้เท่านั้น 

ในวงการการเมือง พรรคสีส้ม ๆ บางพรรคก็ได้ใช้การตลาดนำ จี้ไปที่ความต้องการของผู้คน เช่น บำนาญผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน, รวมถึง ‘นโยบายทุ่มเงิน’ ภายใต้ชุดที่ถูกเรียกว่า ‘รัฐสวัสดิการ’ 

เพราะจากสถานการณ์ปัจจุบัน 10,000 บาทของเพื่อไทย กว่าจะสามารถทำได้ก็ต้องออกแรงเข็นกันจนเลือดตาแทบกระเด็น 

หากใช้มุมมองแบบ Bird Eyes View กว้างออกไปสุดลูกหูลูกตา ประเทศพี่ใหญ่ที่ตั้งอยู่บนทวีปอเมริกาก็คงไม่ต่างกัน 

ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตาที่ชื่อว่า ‘ประชาธิปไตย’ หรือ ‘สิทธิมนุษยชน’ ที่ส่งออกไปยังหลายประเทศ โดยมีบางประเทศถึงระดับ ‘รัฐล้มเหลว’ จนสุดท้ายแหล่งทรัพยากรถูกแทรกแซงโดยบริษัทต่างชาติที่ปฏิบัติการภายใต้หน้ากากทุนนิยม ไม่ใช่พวกเดียวกับ ประชาธิปไตย 

หรือแม้กระทั่งเงินดอลลาร์ที่ตนเองใช้อำนาจและบารมีบีบคั้น จนไม่ต้องผูกกับอะไรนอกจาก ‘พันธบัตร’ ที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

ทำให้ทุก ๆ ปีต้องมีการออกพันธบัตรใหม่เพื่อใช้หนี้พันธบัตรเก่าอยู่ไม่รู้จบ และจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอัตราดอกเบี้ย 

ละครเรื่อง The iCon ยังไม่จบ ละครในวงการการเมืองไทย และการเมืองโลกก็ยังไม่จบเช่นกัน

โปรดติดตามโดยใจระทึกพลัน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top