Saturday, 19 April 2025
Tencent

Tencent คิดใหญ่ สร้าง Metaverse สัญชาติจีน ด้านรัฐบาลจีนไม่ว่า ขอแค่เคารพกฎหมาย

Tencent เอาด้วย หลังจากที่ Facebook ประกาศเปิดตัว Metaverse จักรวาลโลกเสมือนอย่างยิ่งใหญ่ ที่สร้างความกระแสฮือฮาไปทั่วโลก ว่ามันเป็นสิ่งที่จะมาปฏิวัติโลกดิจิทัลในอนาคต ทำให้องค์กรทุกระดับทั่วโลกต่างกระตือรือร้นที่จะขอเป็นส่วนหนึ่งของ Metaverse เพราะกลัวจะ 'Out' หรือถูกทิ้งไว้ข้างหลังกระแสนิยมโลก 

ทั้งนี้ การสร้าง Metaverse ให้สมบูรณ์แบบ ใช้งานได้จริง จะต้องใช้โครงสร้างเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่ซับซ้อนและล้ำสมัยมาก ๆ อย่าง AI, 5G, Blockchain และอุปกรณ์ดิจิทัลรุ่นใหม่ ๆ ที่ต้องทำให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่าย จึงสามารถสร้างสังคมผู้ใช้จำนวนมากพอที่จะสร้างโลกอีกใบ ที่ทำได้เกือบทุกอย่าง และมีมูลค่าในระบบเศรษฐกิจไม่ต่างจากโลกจริง 

และต้องยอมรับว่า ตอนนี้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความพร้อมพอที่จะสร้าง Metaverse ให้เกิดขึ้นจริงได้ บวกกับการครอบครอง Big Data ระดับมหึมาของ Facebook จึงทำให้หลายองค์กร / บริษัท ต่างสนใจอยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย 

ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจที่อยู่ในสายเทคโนโลยี อย่าง Tencent บริษัทเกมและดิจิทัลเจ้าดังของจีน ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกธุรกิจที่น่าจะได้อานิสงส์อย่างมากมายในการเข้าร่วมใน Metaverse 

แต่ทว่า Tencent ดูจะมีเป้าหมายสูงกว่านั้น เพราะเขาจะไม่ใช่สนใจแค่ "ร่วมแจม" แต่ต้องการสร้าง Metaverse เป็นของตนเองเลยทีเดียว 

และมีความเป็นไปได้สูงเสียด้วย เพราะนอกจากสหรัฐอเมริกา ก็มีจีนอีกประเทศที่เติบโตจนกลายเป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี และมีระบบนิเวศทางดิจิทัลล้ำสมัย ครบครัน ไม่ห่างจากสหรัฐอเมริกามากนัก 

แถมรัฐบาลจีนยังมีแผนที่จะผลักดันประเทศให้เป็นเจ้าแห่ง AI ในอนาคตอีกด้วย โดยปักธงไว้ว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะต้องตีตลาดนวัตกรรม AI สัญชาติจีนให้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ของโลกให้ได้ภายในปี 2030

และเมื่อเกิดสงครามการค้า จีน- สหรัฐฯ ที่นับวันจะยิ่งตึงเครียด ซึ่งสหรัฐอเมริกา พยายามอย่างหนักที่จะกีดกันการขยายอิทธิพลของจีนในทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การเข้าถึง หรือแชร์ทรัพยากรด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของสหรัฐฯ ก็ทำให้จีนไม่มีทางเลือก ต้องพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง 

และการสร้างสังคม Metaverse ฉบับจีนอยู่ในแผนของ Tencent มาแล้วตั้งแต่ปี 2019 โดยได้จับมือร่วมกับ Roblox หนึ่งในแพลตฟอร์มเกมโลกเสมือนที่ได้รับความนิยมมาก มาสร้างฐาน Metaverse ในจีน โดย Tencent ตั้งใจจะนำทั้งเกม 3D และ Wechat ซูเปอร์แอปฯ ของตนมารวมกัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้ามาเล่น/เรียน/ทำงาน/ซื้อของ/สังสรรค์/สร้างธุรกิจ หรือแม้แต่กลุ่มสังคมโลกเสมือนส่วนตัวได้เอง 

สหรัฐฯ แบล็กลิสต์ 'Tencent' ฐานทำงานให้กองทัพจีน

(7 ม.ค.68) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพิ่มชื่อบริษัทจีนหลายแห่งในบัญชีดำ โดยรวมถึง เทนเซ็นต์ (Tencent) และ CATL ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทำงานให้กับกองทัพจีน แม้ว่าทั้งสองบริษัทจะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่การดำเนินการนี้ทำให้หุ้นของบริษัททั้งสองร่วงทันที

บัญชีดำของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า Section 1260H ได้เพิ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนหลายแห่ง ซึ่งถือเป็นคำเตือนให้บริษัทและองค์กรต่าง ๆ ในสหรัฐฯ พิจารณาความเสี่ยงในการทำธุรกิจกับบริษัทเหล่านี้ แม้บริษัทที่ถูกระบุในบัญชีดำจะไม่ได้รับคำสั่งห้ามทำธุรกิจในสหรัฐฯ โดยตรง แต่ก็เพิ่มแรงกดดันในการคว่ำบาตรบริษัทจีน

หลังจากการเปิดเผยรายงานดังกล่าว หุ้นของ Tencent ลดลง 7% ในเช้าวันที่ 7 มกราคม ส่วนหุ้นของ CATL ก็ร่วง 4% ทันที อย่างไรก็ตาม Tencent ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าเป็นความเข้าใจผิด บริษัทยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือทำธุรกิจกับกองทัพจีน และการถูกขึ้นบัญชีดำจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท

ในทางเดียวกัน CATL ก็ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ โดยระบุว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน และทางการจีนก็ได้ตอบโต้คำกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลและเป็นการปราบปรามบริษัทจีนอย่างไม่ยุติธรรม

Tencent-CATL ยืนยันไม่เกี่ยวกิจกรรมทหาร หลังกลาโหมสหรัฐฯ ขึ้นบันชีดำ 2 เทคฯ ยักษ์ใหญ่จีน

เทนเซ็นต์ (Tencent) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และคอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด หรือซีเอทีแอล (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน ออกมาโต้แย้งกรณีถูกรวมอยู่ในรายชื่อบัญชีดำของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ด้วยข้ออ้างว่าบริษัททั้งสองแห่งให้การช่วยเหลือกองทัพจีน

วันอังคาร (7 ม.ค. 68) เทนเซ็นต์เผยกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่าการรวมเอาเทนเซ็นต์ไว้ในรายชื่อบัญชีดำเป็นความผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด บริษัทฯ ปฏิเสธและยืนยันว่าเทนเซ็นต์ไม่ใช่บริษัทหรือซัพพลายเออร์ทางการทหาร โดยแม้ว่าการขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเทนเซ็นต์ แต่บริษัทฯ จะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ เพื่อแก้ไข “ความเข้าใจผิด” ครั้งนี้

ด้านซีเอทีแอลเรียกการขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ว่าเป็นความผิดพลาดเนื่องจากบริษัทฯ ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทหาร

ซีเอทีแอลเผยว่าการถูกขึ้นบัญชีดำไม่ได้จำกัดบริษัทฯ จากการทำธุรกิจกับหน่วยงานอื่นนอกเหนือจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และคาดว่าจะไม่มีผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของซีเอทีแอล

ซีเอทีแอลทิ้งท้ายว่าจะเดินหน้าหารือร่วมกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจัดการปัญหานี้ ซึ่งรวมถึงการดำเนินการทางกฎหมายหากจำเป็น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยรวม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top