Sunday, 8 June 2025
SouthKorea

ส่งจดหมายถึงกองเชียร์ ประกาศสู้จนถึงที่สุด ก่อนศาลตัดสินถอดถอน เกาหลีใต้เร่งจับกุม

(2 ม.ค. 68) ทนายความของประธานาธิบดียุน ซอกยอลแห่งเกาหลีใต้ ซึ่งถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่หลังจากประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ได้เปิดเผยข้อความผ่านจดหมายน้อยที่ประธานาธิบดียุนซอกยอลส่งถึงบรรดากลุ่มผู้สนับสนุนในวันที่ 1 มกราคม ระบุว่าเขาจะสู้จนถึงที่สุดหลังจากศาลเกาหลีใต้อนุมัติการออกหมายจับยุนเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งคนแรกที่ต้องเผชิญการจับกุมในข้อหาก่อกบฏ

ข้อความในจดมหมายระบุว่า "ผมเห็นว่าพวกคุณกำลังต่อสู้อย่างหนักผ่านไลฟ์สดในยูทูป ผมจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศนี้ร่วมกับพวกคุณ เนื่องจากกองกำลังภายในและภายนอก ละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงกิจกรรมของกลุ่มต่อต้านรัฐ เกาหลีใต้จึงตกอยู่ในอันตราย ผมจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศนี้พร้อมกับทุกคน"

พรรคประชาธิปไตย (ดีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านและมีเสียงข้างมากในสภา ได้ยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดียุนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม กล่าวว่า จดหมายของยุนไม่ช่วยให้เขาพ้นผิดแต่อย่างใด โดยนาย โจ ซึงแร โฆษกของพรรคดีพี กล่าวว่า ความพยายามในการก่อกบฏยังไม่เพียงพอสำหรับยุนและตอนนี้เขากำลังปลุกระดมให้ประชาชนลุกฮือขึ้น

สำนักงานการสอบสวนการทุจริตสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการ มีเวลาที่จะดำเนินการหมายจับยุนจนถึงวันที่ 6 มกราคม และศาลมีกำหนดพิจารณาคดีถอดถอนประธานาธิบดีในวันที่ 3 มกราคม หากศาลตัดสินให้ยุนถูกถอดถอน จะมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน

ทนายความของยุนกล่าวว่า การออกหมายจับประธานาธิบดีไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย เนื่องจาก CIO ไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการดำเนินการดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดียุนได้ส่งข้อความถึงผู้สนับสนุนที่รวมตัวกันที่หน้าบ้านพักประธานาธิบดีในกรุงโซล โดยกล่าวว่า "ผมจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศ" และขอบคุณผู้สนับสนุนที่ต่อสู้ผ่านการถ่ายทอดสดทางยูทูบ

ปัจจุบันนายยุนกำลังเผชิญกับการสอบสวนในข้อหาก่อกบฏหลังจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินใจว่าเขาจะถูกถอดถอนหรือไม่

พรรคฝ่ายค้านวิจารณ์ข้อความล่าสุดของยุน โดยกล่าวหาว่าเขากำลังยุยงให้เกิดความวุ่นวาย ขณะที่หน่วยงานปราบปรามการทุจริตกำลังดำเนินการตามหมายจับโดยเร็วที่สุด หลังจากศาลแขวงโซลออกหมายจับนายยุนในข้อหาวางแผนการประกาศกฎอัยการศึกและการใช้อำนาจในทางมิชอบ

หากจับกุมนายยุนได้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวเขาไปสอบสวนที่สำนักงานของ CIO ก่อนจะควบคุมตัวที่สถานที่กักขังในเมืองอึยวัง ใกล้กับสำนักงานของ CIO

นอกจากนี้ คณะที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดียุนได้ยื่นหนังสือลาออกยกชุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม หลังจากที่รักษาการประธานาธิบดีชเว ซังม็อก อนุมัติการแต่งตั้งผู้พิพากษาใหม่ 2 คนเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำลังพิจารณาคดีถอดถอนประธานาธิบดียุน

การลาออกเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่รักษาการประธานาธิบดีชเว อนุมัติการแต่งตั้งผู้พิพากษาใหม่ 2 คน ซึ่งส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญมีองค์คณะผู้พิพากษา 8 คนจากทั้งหมด 9 คน การพิจารณาคดีของประธานาธิบดียุนจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 6 เสียง

พรรคพลังประชาชนวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของรักษาการประธานาธิบดีชเว ว่าเป็นการกระทำที่ "ดันทุรัง" และขาดการปรึกษาหารืออย่างเพียงพอ

บุกบ้านยุนซอกยอล ทีมสอบสวนใช้อำนาจตามหมายจับ แต่กองเชียร์ขวางไม่ให้เข้า

ช่วงเช้าตรู่วันที่ (3 ม.ค.68) ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโซล คณะสอบสวนจากสำนักงานสอบสวนการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเมือง (ซีไอโอ) พร้อมตำรวจจำนวนหนึ่ง เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานาธิบดียุนซอกยอล ในกรุงโซล เพื่อใช้อำนาจตามหมายจับควบคุมตัวผู้นำเกาหลีใต้ หลังมีการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา  

ศาลได้อนุมัติหมายจับประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำเกาหลีใต้ซึ่งยังดำรงตำแหน่งต้องเผชิญหมายจับ โดยหมายดังกล่าวมีผลบังคับถึงวันที่ 6 มกราคมนี้  

อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีการขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่สอบสวนโดยกองกำลังทหารที่ประจำอยู่ภายในบ้านพัก นายยุนคัปกึน ทนายความของประธานาธิบดี ยืนยันว่าการควบคุมตัวตามหมายจับดังกล่าว "ผิดกฎหมายและขาดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง" พร้อมเตือนว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  

สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่าคณะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้มีประมาณ 150 คน ประกอบด้วยตำรวจ 120 นาย และเจ้าหน้าที่ซีไอโอ 30 คน โดยมีการแบ่งกำลังบางส่วนเข้าไปในพื้นที่บ้านพัก และอีกส่วนหนึ่งคอยตรึงกำลังอยู่ภายนอก ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีที่มาชุมนุมกันเพื่อคัดค้านการจับกุม  

ในกรณีที่นายยุนถูกจับ เจ้าหน้าที่สอบสวนวางแผนจะนำตัวเขาไปยังสำนักงานใหญ่ของซีไอโอในเมืองกวาชอน ชานกรุงโซล เพื่อสอบสวนก่อนส่งตัวไปยังศูนย์กักขังโซลในเมืองอึยวังซึ่งอยู่ใกล้เคียง ทางซีไอโอจะมีเวลา 48 ชั่วโมงในการตัดสินใจขอหมายจับเพิ่มเติมเพื่อควบคุมตัวอย่างเป็นทางการหรือปล่อยตัวชั่วคราว

ม็อบหนุน-ต้านยุนซอกยอล ชุมนุมกลางโซลแม้อากาศหนาวจัด

(6 ม.ค. 68) ผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านประธานาธิบดียุนซอกยอล ของเกาหลีใต้ รวมตัวชุมนุมในเช้าวันนี้ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด หิมะตกหนัก และสภาพถนนเปียกชื้นในกรุงโซล  

ชาวเกาหลีใต้นับหมื่นคนฝ่าหิมะตกหนักในวันอาทิตย์นี้ (5 ม.ค.) เพื่อแสดงจุดยืนทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านการควบคุมตัวนายยุน ซ็อกยอล ซึ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่เขาประกาศกฎอัยการศึกโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ  

ผู้ชุมนุมจำนวนมากต้องใช้ผ้าห่มฟอยล์เพื่อเพิ่มความอบอุ่น โดยกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านได้ชุมนุมกันในจุดต่าง ๆ บนถนนใกล้เคียงในย่านฮันนัม กรุงโซล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักประธานาธิบดี ที่นายยุนยังพำนักอยู่ระหว่างกระบวนการถอดถอนจากตำแหน่ง เนื่องจากกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567  

การชุมนุมบางส่วนเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อคืนในพื้นที่ดาวน์ทาวน์ของกรุงโซล ก่อนจะมีการเคลื่อนไหวต่อในเช้าวันนี้ใกล้บ้านพักประธานาธิบดี โดยสภาพอากาศในพื้นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -5 องศาเซลเซียส และมีหิมะหนากว่า 5 เซนติเมตรในบางเขต ทางการจึงได้ออกคำเตือนเรื่องหิมะตกหนัก  

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักงานสอบสวนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) ต้องระงับความพยายามในการจับกุมตัวนายยุน หลังเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่สอบสวนกับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี ซึ่งยืดเยื้อหลายชั่วโมง  

อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนระบุว่าจะพิจารณาขั้นตอนดำเนินการต่อไป โดยหมายจับที่ออกให้มีกำหนดหมดอายุในวันจันทร์นี้  

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังศาลอนุมัติหมายจับนายยุนเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเขาปฏิเสธหมายเรียกสอบปากคำถึงสามครั้ง ซึ่งทำให้ยุนซอกยอล มีแนวโน้มเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมในระหว่างดำรงตำแหน่ง  

เมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านนายยุนได้ปิดถนน 8 เลน ส่งผลให้การจราจรติดขัดทั้งสองฝั่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเรียงแถวเพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนายยุนได้จัดการชุมนุมใกล้เคียงในจุดอื่น ๆ ของพื้นที่เดียวกัน

ยุนซอกยอล มาจากการเลือกตั้ง มีสิทธิ์ได้รับการอารักขาตามกฎหมาย จึงไม่อนุญาตให้หน่วยงานสอบสวนเข้ามาค้นทำเนียบได้

เมื่อวันที่ (5 ม.ค. 68) หน่วยอารักขาประธานาธิบดียืนยัน ‘ยุนซอกยอล’ ยังได้รับสิทธิอารักขาในฐานะประมุขที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่อนุญาตให้สำนักงานสอบสวนฯ เข้ามาในเขตทำเนียบ

พัคชองจุน หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดี ยุนซอกยอล แถลงข่าวภายหลังศาลยกคำร้องของทนายความประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่กล่าวหาว่าหมายจับนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย

พัคชองจุน กล่าวว่า หน่วยอารักขาประธานาธิบดีไม่ได้อนุญาตให้สำนักงานสอบสวนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาในเขตทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 มกราคม เพื่อดำเนินการตามหมายจับที่ออกให้กับประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อล

พัคชองจุน กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยอารักขาประธานาธิบดีไม่มีเจตนาขัดขวางการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสอบสวน แต่การถอดถอนประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อลได้ผ่านมติของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

พัคชองจุน ยืนยันว่า ยุนซอกยอล ยังคงเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนผู้ทรงอำนาจอธิปไตยของเกาหลีใต้ และยุนยังคงได้รับการอารักขาความปลอดภัยที่เหมาะสมตามบทบัญญัติของกฎหมาย

ยุนซอกยอล ได้ขึ้นเงินเดือน 3% แม้กำลังจะถูกถอดถอน อ้างปรับตามระเบียบ

ชาวเกาหลีใต้ไม่พอใจ หลังประธานาธิบดี 'ยุน ซอกยอล' ได้รับการขึ้นเงินเดือน แม้ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง

(14 ม.ค.68) รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี ยุนซอกยอล ซึ่งถูกสั่งพักงานจากการประกาศกฎอัยการศึกโดยมิชอบ ยังคงได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี 3% เป็น 262.6 ล้านวอน (ประมาณ 6.2 ล้านบาท) ตามเกณฑ์เงินเดือนของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากยุนยังดำรงตำแหน่งจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินขั้นสุดท้าย

ข่าวการขึ้นเงินเดือนของยุนสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคมเกาหลีใต้ หลายคนแสดงความเห็นว่าการเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้ถูกพักงานถือว่าไม่เหมาะสม บางคนบนโซเชียลมีเดียตั้งข้อสังเกตว่า การเพิ่มเงินเดือนของยุน 3% สูงกว่าอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศที่เพิ่มเพียง 1.7% ชาวเน็ตรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “ค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นน้อยมาก แต่ยุนกลับได้เพิ่มถึง 3% นี่คือความยุติธรรมแบบไหน?”

ตั้งแต่ถูกถอดถอนในเดือนธันวาคม 2024 ยุนได้หลีกเลี่ยงการสอบสวนและการจับกุมในข้อกล่าวหาก่อกบฏและใช้อำนาจโดยมิชอบ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อารักขาของยุนได้ขัดขวางการเข้าจับกุมภายในบ้านพักประธานาธิบดี ทำให้หมายจับหมดอายุลงในคืนวันที่ 7 มกราคม

อย่างไรก็ตาม ศาลท้องถิ่นได้อนุมัติการขยายหมายจับใหม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมแผนการจับกุมอีกครั้ง พร้อมขอความร่วมมือจากตำรวจ โดยระบุว่าการดำเนินการต้องหลีกเลี่ยงการสูญเสียหรือการนองเลือด

สำหรับการเปรียบเทียบ ผู้นำสหรัฐฯ มีเงินเดือนปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านบาท) นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีเงินเดือนประมาณ 172,000 ปอนด์ (ประมาณ 7.25 ล้านบาท) ในขณะที่นายกรัฐมนตรีไทยมีเงินเดือนประมาณ 120,000 บาท

การเพิ่มเงินเดือนของยุนท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และยิ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ

‘อีแจมยอง’ ชนะเลือกตั้ง คว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศให้คำมั่น ‘รวมใจประชาชน’ หยุดแบ่งขั้วการเมือง

(4 มิ.ย. 68) อีแจมยอง ชนะการเลือกตั้ง ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ โดยได้รับคะแนนเสียง 49.4% เอาชนะคิม มุนซู จากพรรคเดียวกับอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ที่เพิ่งถูกถอดถอนหลังพยายามประกาศกฎอัยการศึกจนเกิดวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่

ในพิธีสาบานตนเมื่อวันพุธ อีแจมยองให้คำมั่นว่าจะ 'รวมใจประชาชน' และย้ำว่าจะไม่ยอมให้สถาบันประชาธิปไตยถูกคุกคามอีก พร้อมประกาศจัดตั้งทีมเศรษฐกิจฉุกเฉินทันที เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ยังกล่าวถึงวิกฤตการเมืองที่ผ่านมาว่า เกิดจาก 'กลุ่มการเมืองที่ไม่สนใจชีวิตประชาชน' พร้อมเตือนว่าจะยุติการเมืองแบบแบ่งขั้ว พร้อมสร้างรัฐบาลที่ 'ยืดหยุ่นและเน้นความเป็นจริง'

แม้จะมีอดีตพัวพันคดีการเมืองหลายคดี แต่นักวิเคราะห์มองว่าชัยชนะของเขาเป็นผลจากความโกรธของประชาชนต่อการใช้อำนาจโดยมิชอบของรัฐบาลก่อนหน้า โดยเฉพาะการประกาศกฎอัยการศึกที่ถูกมองว่าละเมิดหลักประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม อีแจมยองยังต้องเผชิญแรงต้านจากกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดียุน ซึ่งยังคงมีพลังทางการเมือง และยังมีการพิจารณาคดีในศาลสูงที่อาจส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของเขา ขณะที่ อี แจมยอง ต้องพยายามเปลี่ยนความไม่พอใจของประชาชนให้กลายเป็นความหวังของชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top