(5 พ.ย. 67) สำนักข่าว Koreanherald ของเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีใต้กำลังพิจารณาห้ามใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียน สืบเนื่องจากพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรครัฐบาลกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งจะห้ามนักเรียนใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวในระหว่างชั้นเรียน
รายงานระบุว่า ร่างกฎหมายนี้มาจาก สส โช จุงฮุน และเพื่อนสมาชิกรัฐสภาอีก 10 คนจากพรรคเดียวกันกำลังผลักดันร่างกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ ในโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของนักเรียน
สส โช ระบุว่า กฎหมายลักษณะนี้มีบังคับใช้ในหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ในขณะที่การเสพติดโซเชียลมีเดียกลายเป็นปัญหาร้ายแรง เรื่องนี้เกิดขึ้นในเกาหลีใต้เช่นกัน โดยพบว่าเด็กอายุระหว่าง 3-9 ปี ร้อยละ 25 และเด็กอายุระหว่าง 10-19 ปีร้อยละ 40.1 เสพติดสมาร์ทโฟนมากเกินไป ดังนั้นเพื่อปกป้องสุขภาพจิตของพวกเขา เราจึงเสนอให้จำกัดการใช้สมาร์ทดีไวซ์ในโรงเรียน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาที่เจาะจง หรือในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
ความคืบหน้าดังกล่าวสอดคลองกับงานวิจัยจากหลายสถาบันทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ ที่ออกมาระบุคล้ายกันว่า พฤติกรรมการใช้งานมือถือสมาร์ทโฟนมากเกินไป อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิต และสุขภาวะทางการรู้คิดของเยาวชนได้ การเสพติดและสิ่งรบกวนสมาธิไม่ใช่ปัญหาเดียวเท่านั้นที่ทำให้เกิดความกังวล ในหลายกรณี พบว่านักเรียนยังใช้ฟังก์ชันของโทรศัพท์เพื่อบูลลี่หรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเพื่อนร่วมชั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังระบุเช่นกันว่า เกมและวิดีโอสั้นๆ ที่ช่วยกระตุ้นความคิดได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น แต่ทำให้การติดสมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าและโรควิตกกังวล
ข้อมูลล่าสุดของ Health Insurance and Review Assessment Service สนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าว เนื่องจากจำนวนการเข้าพบจิตเวชสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีพุ่งสูงขึ้นถึง 65 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา นักศึกษาประมาณ 250,000 คนเข้าโรงพยาบาลในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพียงปีเดียว คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของการเข้าพบทั้งหมดในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ผลสำรวจโดย Macromill Embrain ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าผู้ปกครองของนักเรียนร้อยละ 69 สนับสนุนแนวคิดการจำกัดการใช้โทรศัพท์ของนักเรียน มีเพียงร้อยละ 12.6 ที่คัดค้าน