Wednesday, 23 April 2025
SCBEIC

'SCB EIC' เผยผลสำรวจ!! Gen Y ไทย สถานะการเงินไม่สู้ดี ลูกจ้างยันฟรีแลนซ์มีรายได้ต่ำ 30,000 แถมไม่มีเงินเก็บสำรอง

(19 มิ.ย.67) BTimes รายงานว่า นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเผชิญความเปราะบางมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ มีดังนี้...

ในด้านภาคครัวเรือน ปรากฏว่า ผลการสำรวจ SCB EIC Consumer survey เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 พบว่า ผู้บริโภคคนไทยราว 70% มีเงินสำรองฉุกเฉินไม่ถึง 3 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือนที่สำคัญ เกือบทั้งหมดของคนกลุ่มนี้ ไม่มีเงินสำรอง ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานอายุ 31 ถึง 40 ปี (เจนวาย) มีอาชีพเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชน และประกอบอาชีพอิสระ

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีมากกว่า 1 ใน 3 หรือกว่า 33% ไม่มีประกันชนิดใดเลย จึงเป็นความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดสะท้อนความเปราะบางสูงของผู้บริโภคกลุ่มนี้

สำหรับภาคธุรกิจนั้น โดยรวมมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่บางกลุ่มธุรกิจยังคงมีสถานะเปราะบางค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Small Business ที่มีภาระหนี้สูงมากขึ้น ท่ามกลางปัญหาโครงสร้างของภาคการผลิตไทย 

ทั้งนี้ SCB EIC คาดการณ์ว่า แม้รัฐบาลจะมีมาตรการการเงินเน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจมากขึ้น แต่ยังต้องใช้เวลากว่ามาตรการจะมีผลช่วยเหลือในภาพกว้าง 

‘SCB EIC’ ชี้!! ‘แก่ก่อนรวย’ ในสังคมไทยยังน่าห่วง คนใกล้เกษียณมีสินทรัพย์น้อย-วัยทำงานหนี้สินรุมเร้า

(17 ก.ค. 67) SCB EIC เผยผลสำรวจ ‘SCB EIC Consumer survey 2023’ ว่า ในระยะสั้นปัญหาแก่ก่อนรวยของสังคมไทยยังน่าห่วง โดยพบว่า กลุ่มวัยทำงานใกล้เกษียณ (51-60 ปี) ส่วนใหญ่ยังมีสินทรัพย์น้อย โดยเฉพาะคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน มีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายหลังเกษียณ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการสะสมสินทรัพย์ของกลุ่มนี้ คือ ปัญหาภาระหนี้ โดย 56% ของครัวเรือนที่มีหนี้พบว่ามีสินทรัพย์รวมไม่ถึง 1 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนสูง

ในระยะยาว SCB EIC มองว่าปัญหาการออมนับเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อความพร้อมหลังเกษียณ ผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey 2023 พบว่า ในภาพรวมคนวัยทำงานที่สามารถออมเงินได้ทุกเดือนยังมีไม่ถึงครึ่ง และอีกราว 1 ใน 4 ที่ไม่สามารถออมได้เลย โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะเหลือเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่สามารถออมได้สม่ำเสมอ สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาภาระรายจ่ายสูงแต่รายได้ต่ำ โดยเฉพาะวัยทำงานอายุ 31 - 50 ปี ที่มีปัญหาภาระหนี้มากกว่ากลุ่มอื่น เพราะได้เริ่มก่อหนี้ก้อนใหญ่เอาไว้

SCB EIC ประเมินว่า พฤติกรรมการออมจะส่งผลอย่างมากต่อปัญหาแก่ก่อนรวยของคนไทย โดยเฉพาะคนอายุมากและรายได้ต่ำ ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีวินัยการออมน้อยที่สุด ขณะที่คนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 30 ปี พบว่าสามารถเริ่มออมสม่ำเสมอได้ตั้งแต่ช่วงรายได้ต่ำกว่ากลุ่มอื่น ๆ โดยกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเก็บก่อนใช้ได้ตั้งแต่รายได้ 30,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน กลับพบว่ายังขาดวินัยการออม ส่วนหนึ่งเพราะใช้จ่ายตามกระแสสังคมมาก ซึ่งจะต่างจากคนอายุมากกว่าที่ส่วนใหญ่เริ่มมีพฤติกรรมเก็บก่อนใช้ตั้งแต่มีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป

สำหรับผลสำรวจด้านการลงทุน พบว่าคนอายุน้อยที่มีเงินลงทุนมีสัดส่วนต่ำกว่าคนอายุมากกว่า และยังไม่ค่อยมีสินทรัพย์อื่นนอกจากเงินสดหรือเงินฝาก แม้ว่าคนรุ่นใหม่ดูจะสนใจและต้องการลงทุนมากกว่ากลุ่มคนอายุมากกว่า แต่ปัญหาขาดแคลนเงินลงทุนและความรู้ความเข้าใจในการลงทุนสินทรัพย์ทางการเงินยังเป็นอุปสรรคสำคัญของคนรุ่นใหม่

นโยบายช่วยเหลือและกระตุ้นการออมจึงต้องออกแบบให้เหมาะสมกับคนทำงานต่างวัยในแต่ละกลุ่มรายได้ เพื่อให้ปรับการออม พร้อมนับถอยหลังใช้ชีวิตหลังเกษียณได้ดีขึ้น

>>กลุ่มที่ต้องดูแลเร่งด่วน 

1.1. กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐต้องส่งเสริมให้เริ่มออมเร็วที่สุด ผ่านการเพิ่มสัดส่วนการออมตามระดับรายได้ในการออมภาคบังคับ พร้อมส่งเสริมความรู้ทางการเงินการลงทุนด้วยการสอดแทรกเข้าไปในช่องทาง Social media ต่าง ๆ

1.2.กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี รายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐควรช่วยออมและลดภาระผ่านช่องทางภาษีที่จูงใจ เช่น สิทธิลดหย่อนภาษี รวมถึงการต่ออายุเกษียณจาก 60 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาหารายได้นานขึ้น

>>กลุ่มที่ต้องเพิ่มแรงจูงใจในการออม

2.1. กลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปี รายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐและภาคการเงินควรเพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เพราะมีความเข้าใจการลงทุนสูงกว่าและรับความเสี่ยงได้มากกว่า

2.2.กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี รายได้สูงกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐควรส่งเสริมพฤติกรรมออมต่อเนื่องได้ถึงเป้าหมาย และเข้าถึงผลิตภัณฑ์การเงินที่ให้ผลตอบแทนเพียงพอกับรายจ่ายที่สูงขึ้น สำหรับวัยใกล้เกษียณ ภาครัฐควรช่วยลดความเสี่ยงฉุกเฉินให้เพิ่มเติม โดยช่วยจ่ายเบี้ยประกันความเสี่ยงที่จำเป็น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top