Wednesday, 23 April 2025
RomanceScam

‘ตร.’ ทลาย ‘แก๊ง Romance Scam’ รวบหนุ่มไนจีเรียพร้อมพวกชาวไทย ใช้วิธีตีสนิทผ่านโซเชียล ก่อนตุ๋นเงินเหยื่อ พบเงินหมุนเวียนกว่า 800 ลบ.

(25 ส.ค. 66) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊ง ‘Romance Scam ลวงให้รักก่อนเชิดเงินหนี’ หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 14 จุด ทั่วประเทศ แบ่งเป็นในพื้นที่ กทม. 7 จุด, ปทุมธานี 1 จุด, พิษณุโลก 2 จุด, อุทัยธานี 1 จุด, อุตรดิตถ์ 1 จุด, กำแพงเพชร 1 จุด, พิจิตร 1 จุด

จากปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 14 คน แบ่งเป็น ผู้ต้องหาชาวไทย 13 ราย และผู้ต้องหาสัญชาติ ไนจีเรีย 1 ราย พร้อมของกลาง มือถือ จำนวน 21 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 20 เล่ม, บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 18 ใบ, สมุดกองทุนรวมธนาคาร 1 เล่ม, คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, เอกสารโอนเงินไปต่างประเทศ จำนวน 5 ชุด, ซิมการ์ดโทรศัพท์ 1 อัน, เมมโมรี่กล้อง 3 ตัว และกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ ‘Chanel’ จำนวน 2 ใบ

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อต้นปี 2565 ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่งว่า ถูกกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาทำทีตีสนิทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้โปรไฟล์เป็นรูปภาพหญิงต่างชาติหน้าตาดี อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสาวชาวอเมริกัน กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศซีเรีย เมื่อพูดคุยกันจนสนิทสนม

มิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็เริ่มออกอุบายว่า กำลังจะเดินทางมาประเทศไทย เหตุเพราะประทับใจและตกหลุมรักในตัวผู้เสียหายมาก พร้อมอ้างว่าได้ส่งพัสดุภายในเป็นทรัพย์สินมีค่ามาให้ แต่ติดปัญหาไม่สามารถนำออกจากสนามบินได้จึงอยากให้ผู้เสียหายช่วยจ่ายเงินค่าภาษีให้ก่อนแล้วจะคืนเงินให้ภายหลัง

พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อคล้อยตาม กลุ่มคนร้ายก็จะให้ผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนไทย ทำทีโทรศัพท์ติดต่อมายังผู้เสียหายก่อนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สนามบิน ก่อนหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน ให้อ้างเป็นค่าดำเนินการต่างๆ เพื่อที่จะสามารถนำกล่องพัสดุออกจากสนามบินได้ จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปจำนวนหลายครั้งรวมเป็นเงินกว่าล้านบาท เมื่อเห็นว่าได้ยอดเงินตามที่ต้องการแล้ว คนร้ายกลุ่มนี้ก็จะเริ่มออกลาย ตัดขาดการติดต่อแล้วเชิดเงินทั้งหมดหนีหายไปในที่สุด

ด้าน พ.ต.ท.อัครพล กล่าวว่า หลังรับเรื่องทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแสจนพบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการ มีทั้งคนไทยและชาวไนจีเรีย โดยเฉพาะ นายอูโซซูกะวู หรือ ‘Mr.Ezeneche Uzochukwu Jerome’ อายุ 45 ปี ชาวไนจีเรีย ซึ่งก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2561 เคยถูกจับในคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบ กลับมาก่อเหตุซ้ำซากหลายครั้ง

อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบว่าเมื่อได้เงินจากผู้เสียหายแล้วกลุ่มคนร้ายจะรีบโอนออกไปยังบัญชีธนาคารต่างประเทศโดยทันที เฉพาะตั้งแต่ปี 2561 – 2564 พบมีเงินหมุนเวียนออกไปยังบัญชีในต่างประเทศรวมกว่า 800 ล้านบาท

“เมื่อมีหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัดแล้วนั้น จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและนำมาสู่การตามจับกุมตัวนายอูโซซูกะวู พร้อมผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆอีก 13 ราย ได้ดังกล่าว” พ.ต.ท.อัครพล กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า จากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายนั้น ให้การรับว่าขณะนั้นถูกว่าจ้างมาจากแฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย ซึ่งเจอกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันไม่ได้คบหากันแล้ว โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์จากการหลอกลวงดังกล่าว

อ้างสาเหตุที่ต้องทำ เพราะช่วงนั้นไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ซึ่งหลังจากนี้ จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ระวัง!! ‘มนต์รักออนไลน์’ ในช่วงวันวาเลนไทน์ รวม 8 ข้อยอดฮิต จากมิจฉาชีพ

(9 ก.พ. 68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเดือนแห่งความรักและช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ รัฐบาลห่วงใยประชาชนถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้รัก และหลอกลวงให้สูญเสียเงิน ผ่านสื่อออนไลน์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมทั้งจากข้อความผ่านSMS  เป็นต้น  โดยขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าหลงกล ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า หากมีการเชิญชวนให้โหลดแอปพลิเคชัน เล่นเกมผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงหากต้องการซื้อช่อดอกไม้จากร้านค้าออนไลน์ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ขอให้ตรวจสอบแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และร้านดอกไม้ที่น่าเชื่อถือ ก่อนจะชำระเงินหรือโอนเงินไปยังปลายทาง เพื่อป้องกันความเสียหายในการชำระเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ

นายอนุกูล กล่าวว่า ปัจจุบันการกระทำผิดบนสื่อออนไลน์ของมิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้รัฐบาลได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการเฝ้าระวัง ติดตาม และป้องกันการกระทำผิดของมิจฉาชีพผ่านสื่อออนไลน์อย่างเข้มงวด รวมถึงเฝ้าระวังและติดตามกลโกงของสื่อรักผ่านออนไลน์ หรือ Romance Scam ซึ่งเป็นการหลอกให้รัก เพื่อหวังแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อใจของเหยื่อ สำหรับกลอุบายของมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวงมักจะมาด้วยกลอุบาย ดังต่อไปนี้ 

1. หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอมด้วยการโอนเงินหรือลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล  
2. หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมท (Remote access scam) ควบคุมสมาร์ตโฟนและทำการดูดเงินในบัญชี 
3. หลอกให้รัก ให้ถ่ายรูปลับส่วนตัว แล้วแบล็กเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยการชวนทำกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไลน์ แล้วนำภาพหรือวิดีโอมาขู่เรียกค่าไถ่ หรือบีบบังคับให้กระทำการอื่นๆ 
4. มิจฉาชีพที่เป็นชาวต่างชาติจะทำทีมาจีบและให้ความหวังว่าอยากจะมาแต่งงานที่เมืองไทย และส่งทรัพย์สินให้ แต่ต้องชำระเงินค่าภาษีก่อน และขอให้ท่านช่วยชำระภาษีให้ก่อน  
5. มิจฉาชีพแสดงตัวว่าได้รับมรดกเป็นเงินมหาศาล แต่ต้องชำระภาษีมรดก ขอให้ท่านช่วยชำระภาษี 
6. ป่วยหนัก แต่ประกันยังเบิกจ่ายไม่ได้ 
7. ส่งของรางวัลราคาแพงมาให้ แต่ติดอยู่ที่ด่านตรวจ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน ขอให้ท่านโอนเงินเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมรางวัลก่อน และ 
8. เป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติที่จะมาลงทุน แต่ต้องการให้ร่วมทุนด้วย 

“รัฐบาลย้ำเตือนให้ประชาชนตระหนักรู้เท่าทัน ภัยออนไลน์จากมิจฉาชีพ อย่าหลงเชื่อ หากท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งค์มิจฉาชีพ หรือถูกหลอกลวงออนไลน์ต่าง ๆ หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วนโทร 1212 ตลอด 24 ชั่วโมง หากโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 และสามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)” นายอนุกูล กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top