Sunday, 15 June 2025
Region

นราธิวาส - ประธานรัฐสภา ลงพื้นที่มอบหน้ากากอนามัยให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นำไปแจกจ่ายให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในพื้นที่

 

วันนี้ 29 เม.ย.64 นายชวน  หลีกภัย ประธานรัฐสภา เดินทางลงพื้นที่เพื่อส่งมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น ให้กับนายเจษฎา  จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส พร้อมกล่าวว่า ในวันนี้ถือโอกาสในช่วงปิดประชุมรัฐสภา ประกอบกับรัฐบาลได้กำชับให้ทุกคนสวมหน้ากากป้องกันโรคโควิด-19 และในฐานะมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม ได้รับการสนับสนุนหน้ากากอนามัย จำนวน 120,000 ชิ้น เพื่อนำแจกจ่ายให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้

ประธานรัฐสภา กล่าวด้วยว่า จะเป็นประโยชน์ในแง่อุดช่องว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับกรณีของชาวบ้านที่ไม่มีหน้ากากอนามัย นำมามอบให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส จำนวน 5,000 ชิ้น หลังจากนี้จะไปมอบที่จังหวัดปัตตานีและยะลา ซึ่งแล้วแต่ทางจังหวัดจะพิจารณามอบต่อให้ อสม. หรือเจ้าหน้าที่ หรือประชาชน และคิดว่าต้องร่วมมือกัน ขอพี่น้องทั้งหลายได้ร่วมมือกันเพื่อสะกัดกั้นการแพร่กระจายของเชื้อโดยการที่เราป้องกัน ไม่ว่าที่ตัวเราเอง ไปถึงส่วนรวมด้วย ในแง่สวมหน้ากากอนามัย แพทย์ใหญ่ก็ยืนยันว่า สามารถป้องกันได้ถึงร้อยละ 90 เราต้องให้ความร่วมมือและไม่ยากเกินไป คิดว่าหน้ากากอนามัยช่วยได้มากถือโอกาสนำมามอบให้

โอกาสนี้นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายแพทย์วิเศษ  สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ได้สรุปรายงานสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ ซึ่งการระบาดในระลอกที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นมา มีผู้ป่วยสะสม 512 ราย กำลังรักษา 82 ราย รักษาหายแล้ว 429 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยการดูแลรักษาผู้ป่วยทั้ง 82 ราย รักษาในโรงพยาบาลภาครัฐ 38 ราย และรักษาในโรงพยาบาลสนามที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส 28 ราย และที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส 16 ราย

ทั้งนี้ทางจังหวัดนราธิวาส ได้ออกมาตรการควบคุมทางสาธารณสุข อาทิ การปิดสถานบริการ สถานบันเทิง การห้ามใช้อาคารหรือสถานที่โรงเรียน ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคล และมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการกำหนดบทลงโทษกรณีประชาชนไม่ใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เมื่ออยู่นอกเคหะสถาน/สถานที่สาธารณะ


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ตราด - พ่อค้าแม่ค้าครวญพิษโควิด-19 รายได้หด ไม่พอเลี้ยงชีพ

พ่อค้าแม่ค้าโอดครวญโควิด-19 กระทบรายได้หด ไม่พอเลี้ยงชีพ ด้านลูกค้าที่ใช้บริการสั่งอาหารทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่รายได้พุ่งผลกระทบจากโควิด-19 นอกเหนือจากสุขภาพแล้วยังส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจด้วย ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจตลาดสดเทศบาลตําบลคลองใหญ่และร้านขายของชําพร้อมด้วยแม่ค้าขายเสื้อผ้าทั่วไปเขตเทศบาลตําบลคลองใหญ่พบว่า บรรยากาศแตกต่างจากช่วงปกติที่จะมีคนมาเดินจับจ่ายใช้สอยกันในยามเช้า

“เงียบมาก คนเดินน้อยช่วงนี้” หนึ่งเสียงจากแม่ค้านางเขมปภาสร มยุรมาศ แม่ค้าวัย 65 ปี ค้าขายเสื้อผ้ามา 38 ปีแล้วบอกกับผู้สื่อข่าวว่า รายได้ลดลงมาก จากเดิมที่เคยขายได้วันละ 2,000 บาท เหลือเพียงวันละไม่ถึง 1,000 บาท ผู้คนเริ่มลดน้อยลงตั้งแต่ต้นปีที่ไวรัสยังไม่ระบาดหนัก จนกระทั่งช่วงนี้ที่ระบาดระลอกใหม่หนักมาก คนก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่ยังดีที่ต้นทุนในการขายของเท่าเดิมวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ยังไม่ขึ้นราคาขณะที่แม่ค้าขาย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงนี้คนเข้ามาซื้อเสื้อผ้าน้อยมากๆเดินตลาดก็น้อยเพราะกลัวไวรัสระบาด หลังเวลา 09.00 น.ของทุกเช้าตลาดเงียบเหงามาก

พ่อค้าขายขนมหวานขนมเบื้อง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ไวรัสระบาดขายของเงียบมาก ขายของไม่ดี ยอดลดลงไปเยอะมาก จากเดิมที่ขายได้วันละ 500 บาท แต่ช่วงนี้ขายได้เพียง 200 -300 บาทเท่านั้นก็พออยู่รอดแม้จะขายของได้น้อยแต่ก็ต้องทำเพื่อเลี้ยงชีพ ขณะที่ต้นทุนในการขายของก็ยังอยู่ในราคาเดิมลงไปก่อนดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ส่วนทางวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บอกว่าช่วงนี้ นายณรงค์ อนัน อายุ 75 ปี วิ่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมานานกว่า 25 ปีแล้วรู้สึกว่าแย่มากๆในปีนี้ เมื่อก่อนเคยวิ่งได้วันละ 400-500 บาท พอมีโควิดระลอกใหม่เกิดขึ้นมาตอนนี้วิ่งได้วันละสูงสุด 150 บาท บางวันก็ไม่ได้ถึงตอนนี้ก็เหลือวิ่งวินแค่ 3 คันเท่านั้นเมื่อก่อนมีอยู่มากกว่า 10 คัน แย่ไปหมดแต่ก็ไม่รู้จะทําอาชีพอะไรแล้วแก่ลงทุกวันแล้วทั่วไปก็เหมือนกันหมดสภาพซบเซาปิดร้านอยู่แต่ในบ้านไม่กล้าออกจากบ้าน


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด รายงาน

ตราด - วางแหล่งปะการังเทียม สร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่

น.อ.นฤพนธิ วิไลธัญญา รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดตราด และ ศคท.จังหวัดตราด ได้รับรายงานจาก นายผจงศักดิ์ วงษ์สง่า ประมงจังหวัดตราด ว่า จังหวัดตราด โดยสำนักงานประมงจังหวัดตราด ได้ดำเนินการจัดวางแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ ในจังหวัดตราด (ปะการังเทียม)  จำนวน 2 แห่ง  ประกอบด้วย

1.) บริเวณ บ้านสลักอวน หมู่ที่ 4 ตำบลเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ครอบคลุมพื้นที่ 1.0 ตารางกิโลเมตร ใช้แท่งคอนกรีต จำนวน 490 แท่ง ทุ่นลอยแสดงตำแหน่งที่หมาย จำนวน  6 ทุ่น จัดวางห่างฝั่ง 3.3-3.5 กิโลเมตร พิกัด

จุด A. 11 องศา 43.020 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 28.020 ลิปดาตะวันออก  จุด B. 11 องศา 43.020 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 29.100 ลิปดาตะวันออก จุด C. 11 องศา 42.780 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 29.100 ลิปดาตะวันออก จุด D. 11 องศา 42.780 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 28.020 ลิปดาตะวันออก

โดยได้ดำเนินการจัดวางในวันที่ 26 ก.พ.64 ถึงวันที่  27 ก.พ.64

   

2.) บริเวณชายฝั่งทะเล บ้านบางเบ้า หมู่ที่ 1 ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ครอบคลุมพื้นที่ 1.0 ตารางกิโลเมตร ใช้แท่งคอนกรีต จำนวน 580 แท่ง ทุ่นลอยแสดงตำแหน่งที่หมาย จำนวน 6 ทุ่น จัดวางห่างฝั่ง 2.5 -  2.7 กิโลเมตร พิกัด

จุด A. 11 องศา 54.000 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 18.230 ลิปดาตะวันออก จุด B. 11 องศา 54.000 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 19.310 ลิปดาตะวันออก จุด C. 11 องศา 53.760 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 19.310 ลิปดาตะวันออก จุด D. 11 องศา 53.760 ลิปดาเหนือ , 102 องศา 18.230 ลิปดาตะวันออก

โดยได้ดำเนินการจัดวางในวันที่ 7 มี.ค64 ถึงวันที่ 8 มี.ค.64

     

ซึ่งในจังหวัดตราด มีเรือชาวประมงพื้นบ้าน จำนวน 3,063 ลำ  ซึ่งเป็นเรือประมงขนาดเล็ก ดังนั้นการดำเนินการจัดทำปะการังเทียม เพื่อใช้เป็นแหล่งอาศัย เพาะพันธุ์สัตว์น้ำจะยังประโยชน์ต่อกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้เป็นอย่างดี 

ทั้งนี้ ปัจจุบันจังหวัดตราด มีปะการังเทียมแล้ว จำนวน 21 แห่ง ซึ่งจากการสำรวจแนวปะการังเทียมต่าง ๆ พบว่ามีปลาใหญ่ อาทิ ปลากะรัง ปลาโฉมงาม ปลาเก๋า รวมทั้งฝูงปลาขนาดเล็ก เข้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  ซึ่งนอกจาจากจะยังประโยชน์ให้กับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านแล้ว ปะการังเทียมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในกลุ่มนักตกปลาได้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

ปทุมธานี - องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม จัดหน่วยตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 เวลา 09.00 น. ณ ตึกนวัตกรรม องค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานี จัดหน่วยตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม โดยมีนายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง พร้อมด้วย ผศ.(พิเศษ)ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม และ ทีมผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสามได้ลงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนภายในงาน ผศ.(พิเศษ)ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสามได้ให้ความรู้ในการป้องกันตัวเองในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่พนักงานบริษัทและประชาชนที่มารอคิวรับการตรวจคัดกรอง

สำหรับการตรวจในครั้งนี้จะใช้การตรวจแบบเจาะเลือดแรปบิทเทสจะทราบผลภายใน 2-3 นาที เมื่อผลบวกก็ส่งไปตรวจแบบสวอปต่อ แล้วระหว่างที่รอผลสวอปภายใน 24 ชั่วโมง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ชุดฉีดพ่นเข้าไปพ่นฆ่าเชื้อที่บ้านท่าน และขอให้ท่านกักตัวอยู่บ้าน เพื่อรอผลในวันพรุ่งนี้ หากผลสวอปเป็นลบคุณก็ปลอดภัย แต่หากผลเป็นบวกก็ต้องได้รับการรักษาตัวที่ทางภาครัฐจัดเตรียมไว้ต่อไป


ภาพ/ข่าว วะจะนะชัย วาจาพารวย

ปราจีนบุรี - บชภ.2 ร่วม ปปส.ภ.2 ยึดทรัพย์กว่า 30 ล้านบาท เครือข่ายยาเสพติด

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 เม.ย.64 ที่หน้ากองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 2  พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.2 นายสุรเดช ละเต๊ะซัน ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย ปปส.ภ.2 และ นายวินิจฉัย กาญจนางกูรพันธุ์ ผอ.ตรวจสอบทรัพย์สิน ปปส.ภ.2 ร่วมแถลงข่าว ตรวจค้นยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ภ.2 แถลงว่า ตามคำสั่งโดย พล.ต.อ.เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.(ปป.) และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(รรท.ผบช.ภ.2) ให้สืบสวนเครือข่ายยาเสพติดของ นางบัวจันทร์ ขาวอินทร์ หรือนางจิตตะ คำปิว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จึงได้ร่วมกับ ปปส.ภ.2 ตำรวจสืบสวนภาค 2 รวมกว่า 170 นาย ออกตรวจค้นเป้าหมาย 20 เป้าหมาย มี จ.ชลบุรี , ระยอง , จันทบุรี ,ฉะเชิงเทรา และ จ.สระแก้ว ส่วนอีก 3 เป้าหมาย อยู่ในพื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการ ,นนทบุรี และ กรุงเทพฯ ยึดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีของกลางเป็นเงินสด จำนวน 8,579,306  บาท เป็นธนบัตรรัฐบาลไทย จำนวน 7,030,000 บาท และธนบัตรสกุลดอลล่าร์สหรัฐ จำนวน 50,000 ดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทย มูลค่าประมาณ 1,567,306 บาท และได้อายัดเงินในบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 17 บัญชี มูลค่าประมาณ 9,801,461 บาท ตรวจยึดบ้านพร้อมที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง มูลค่า 10 ล้านบาท ยึดรถยนต์ยี่ห้อ เมอสิเดซเบ็นช์ รุ่น GLE 20 D จำนวน 1 คัน 2.7 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้จากการตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง

จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พรบ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 และ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 31,098,768 บาท นำส่ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 2 ( ป.ป.ส.ภาค 2 ) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ชลบุรี - ผบ.กร.เยี่ยมบำรุงขวัญหน่วยเรือ และเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้พร้อมรับวิกฤติ COVID-19

พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) เยี่ยมบำรุงขวัญ และติดตามการดำเนินการตามมาตรการในการป้องกัน COVID-19 ของหน่วยเรือ ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 ที่ผ่านมา

โดยมี พล.ร.ต.ไพศาล  วงค์เมฆ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ พร้อมด้วยผู้บังคับการเรือในท่าเรือแหลมเทียนรายงานความพร้อมในการดำเนินการป้องกัน COVID-19 ของเรือ

เรือทุกลำในกองเรือยุทธการได้ดำเนินการตามมาตรการในการรับมือ COVID-19 รอบใหม่ ของผู้บัญชาการทหารเรือทั้ง 18 ข้อ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้กองเรือยุทธการได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติม เนื่องจากสภาพภายในเรือส่วนใหญ่มีความคับแคบ รวมทั้งระบบการระบายอากาศภายในเรือเป็นระบบปิด มีความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรือหลายลำมีแนวทางเฉพาะในการป้องกัน เช่น ร.ล.นเรศวร นำระบบฆ่าเชื้อในอากาศด้วยหลอดแสง UV มาติดตั้งตามห้องต่าง ๆ ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้มอบแนวทางในการดูแลกำลังพลให้มีความรัดกุมมากขึ้น เพื่อให้เรือทุกลำในกองเรือยุทธการคงความพร้อมในการปฎิบัติต่อทุกภารกิจที่ได้รับ

ในการนี้ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้ติดตามการเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยมีหน่วยในกองเรือยุทธการ ที่มีความพร้อมในการจัดเตรียม ดังนี้

- กองการบินทหารเรือ สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ/กลุ่มเสี่ยง ได้ประมาณ 150 เตียง

- กองการฝึก กองเรือยุทธการ (พื้นที่สำรอง) สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ/กลุ่มเสี่ยง ได้ประมาณ 200 เตียง

         

ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้มอบนโยบายในการเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หากมีการสั่งการจากกองทัพเรือ ภายใต้กรอบการพึ่งพาตนเอง ด้วยขีดความสามารถที่มี เพื่อรองรับกำลังพล และครอบครัวของกองเรือยุทธการที่ติดเชื้อ หรือเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตามขีดความสามารถที่กองเรือยุทธการ จะสามารถทำได้ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อ หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ประสบปัญหาโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐบาล อีกด้วย


ภาพ/ข่าว กองกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

กาฬสินธุ์ – นก อพยพปักหลักขยายพันธุ์ กินหอยเชอรี่ศัตรูข้าว ชาวนาเผยเป็นผลดี พื้นที่ท้องนาสวยงาม และมีความชุ่มชื้น ช่วยลดอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวเย็นลง

ฝูงนกธรรมชาตินานาชนิดหลายพันตัว บินอพยพจากต่างถิ่น เข้ามาปักหลักหากินในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และเกิดการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ชาวนาเผยเป็นผลดีช่วยกินหอยเชอรี่ศัตรูข้าว และมองดูเหมือนสวนสัตว์นกดูเพลิดเพลินสวยงามเต็มท้องทุ่ง ขณะที่ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ ทสจ.กาฬสินธุ์ขอความร่วมมือประชาชนร่วมอนุรักษ์ ไม่ควรจับมาทำอาหารเพราะอาจจะติดเชื้อพยาธิได้

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ซึ่งอยู่ในช่วงของฤดูแล้งและบางวันมีฝนหลงฤดูตกลงมา ทำให้เกิดความชุ่มชื้น บางแห่งมีน้ำขัง ช่วยลดอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวเย็นลงบ้าง ขณะที่พื้นที่ใช้น้ำจากคลองชลประทานลำปาวหรือเขื่อนลำปาว กำลังอยู่ในระหว่างเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปรัง จึงพบว่าในช่วงนี้ จะมีฝูงนกธรรมชาตินานาชนิด โดยเฉพาะนกกระยางและนกปากห่าง โบยบินอยู่รอบ ๆ รถเกี่ยวข้าว และโผบินขึ้นบนท้องฟ้า แล้วโฉบลงมาจิกกินหอย กบ เขียด ปู ปลา ตามท้องนา ทำให้เกิดสีสัน สวยงาม

นายนาคินทร์ ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านดอนยานาง หมู่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ฝูงนกกระยางและนกปากห่างดังกล่าว เห็นเข้ามาในพื้นที่ครั้งแรกประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเห็นประปราย ไม่กี่ตัว ก่อนที่ระยะหลังต่อมาจะเห็นเพิ่มจำนวนมาก คาดว่าจะมีจำนวนหลายพันตัว กระจายอยู่หลายพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่ทำนาปรัง ทั้งในเขต ต.ดอนสมบูรณ์ ต.บัวบาน ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด, ต.เหนือ ต.หลุบ ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ โดยจะเห็นอยู่กันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละประมาณ 20-100 ตัว

นายนาคินทร์ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ฝูงนกดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับข้าวในนาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนัก จะมีเพียงเหยียบต้นข้าวเท่านั้น เนื่องจากอาหารหลักของนกเหล่านี้คือหอยเชอรี่ รวมทั้งกบ เขียด ปู ปลาที่อยู่ในนาข้าว ซึ่งหอยเชอรี่ถือเป็นศัตรูข้าว โดยจะกัดกินต้นข้าวเป็นอาหารและมีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเสียหายต่อต้นข้าว ชาวนาต้องไปหาซื้อสารเคมีที่ราคาแพงมากำจัดหอยเชอรี่ ทำให้เกิดสารพิษตกค้าง ส่งผลเสียต่อคุณภาพข้าวและสุขภาพของชาวนา ทั้งนี้ พอมีนกกระยางและนกปากห่างเข้ามาในพื้นที่ จึงเป็นการช่วยกำจัดหอยเชอรี่ศัตรูข้าวได้เป็นอย่างดี และผลดีของนกเหล่านี้ ยังทำให้แลดูเพลินตาเพลินใจ มองดูเหมือนเป็นสวนสัตว์นกธรรมชาติ ที่สร้างความสวยงามอยู่ตามท้องทุ่งนา

ขณะที่นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า ฝูงนกธรรมชาติดังกล่าว สันนิษฐานว่าบินอพยพมาจากต่างประเทศ และในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง อาหารขาดแคลน โดยจับกลุ่มบินเข้ามาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ พบกับสภาพอากาศที่ชุ่มชื้น มีแหล่งน้ำ มีอาหาร ให้หากินตลอดปี โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตใช้น้ำชลประทานลำปาว ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ จึงปักหลักหากินและเกิดการขยายพันธุ์ดังกล่าว

นายนิยมกล่าวอีกว่า อาหารของนกเหล่านี้คือ กุ้ง หอย ปูปลา และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอื่น ๆ ช่วงแรกที่นกธรรมชาติเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่ ได้รับการร้องเรียนจากชาวนาบ้าง ว่าลงเหยียบย่ำต้นข้าวเสียหาย และลงหากินตามบ่อกุ้งบ่อปลา  ซึ่งก็ได้ให้คำแนะนำให้หาวิธีการป้องกันความเสียหาย โดยทำนาดำเพื่อจะได้ต้นข้าวที่แข็งแรง ขณะที่ผู้เลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลาเอง ก็ให้ทำอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ใช้ภูมิปัญญาไล่นกด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งบรรเทาความเสียหายลงได้ ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ชาวนาและประชาชนทั่วไป ไม่ทำร้ายและไม่นิยมจับนกเหล่านี้มาทำอาหาร อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นนกธรรมชาติ ที่ช่วยกำจัดหอยเชอรี่ที่เป็นศัตรูข้าว และยังสร้างสีสัน มองดูสวยงาม จึงขอความร่วมมือจากประชาชน ช่วยกันอนุรักษ์เป็นสัตว์ประจำถิ่น เพราะฝูงนกเหล่านี้ให้คุณมากกว่าโทษ และไม่ควรจับมาทำอาหาร เพราะอาจจะติดเชื้อพยาธิได้

(เสียงสัมภาษณ์ นายนาคินทร์ ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านดอนยานาง หมู่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์และนายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์)

ระยอง - มารู้จัก “เต่าทะเล” สัตว์โลกล้านปีใกล้วันสูญพันธุ์

"ระยอง" อีกหนึ่งจังหวัดยอดนิยมทางภาคตะวันออกของไทยที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ทุกคนควรมาเยือน ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ, อุทยานแห่งชาติ“เขาแหลมหญ้า” หรือ ทะเลแหวก เกาะมันใน ที่อะเมซิ่งสุด ๆ เพราะใคร ๆ ก็คาดไม่ถึงว่าจะมีทะเลแหวกสวย ๆ แบบนี้ในทะเลฝั่งตะวันออกด้วย นอกจากที่เกาะมันในแห่งนี้จะมีทะเลแหวกให้ชมแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล และเป็นสถานที่อนุบาลลูกเต่าทะเลก่อนจะปล่อยลงสู่ทะเล ซึ่งมีทั้งส่วนของอาคารพิพิธภัณฑ์เต่าทะเลไว้ให้ความรู้เรื่องเต่า และบ่อเลี้ยงเต่าช่วงวัยต่าง ๆ ก่อนจะปล่อยลงสู่ทะเล อย่าลืมแวะมาหาความรู้และชมความน่ารักของเต่าทะเลไทย ที่เกาะมันใน จ.ระยอง

เต่าทะเล จัดเป็นสัตว์ประเภทเลื้อยคลานที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะสูญพันธุ์ในไม่ช้า เต่าทะเลทั่วโลกมีทั้งหมด 8 ชนิด แต่พบในไทยเพียง 5 ชนิด ได้แก่ เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่าหัวฆ้อน  และเต่ามะเฟือง ซึ่งทั้งหมดถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าในปี พ.ศ.2535 

บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP) เล็งเห็นความสำคัญของความ สัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศทางทะเล รวมทั้งการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากโดยเฉพาะเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์  ดังนั้นในปี 2564 ทาง BLCP จึงได้ริเริ่มการอนุบาลเต่าทะเล โดยเบื้องต้นได้ร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง จ.ระยอง สนับสนุนกิจกรรมเต่าทะเล เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 60,000 บาท เพื่อเป็นค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาลเต่า ณ เกาะมันใน จ.ระยอง

นอกจากนี้ โรงพยาบาลสัตว์ทะเลหายาก ภายใต้การดูแลของ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก  จัดเป็นสถานดูแลอภิบาลสัตว์ทะเลหายากที่เกยตื้น ไม่ว่าจะเป็นโลมา ปลาวาฬ รวมไปถึงเต่าทะเล โดยสาเหตุจากการเกยตื้นได้แก่ ป่วย, หลงทิศ, กินขยะทะเล และโดนจับด้วยเครื่องมือประมง ทำให้สัตว์ทะเลเหล่านี้บาดเจ็บและป่วย โดยที่สัตว์ทะเลที่เกยตื้นมากที่สุดคือเต่าทะเลนั่นเอง

ในปัจจุบันทางโรงพยาบาลสัตว์ทะเลหายาก จ.ระยอง ยังขาดแคลนทุนทรัพย์ในการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือการแพทย์ที่สำคัญในการรักษาสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนการปรับปรุงห้องทำงานคุณหมอและห้องปฎิบัติการ การสนับสนุนเครื่อง  Vet state เครื่องชั่งน้ำหนักกันน้ำ ขนาด 300 กิโลกรัม, บ่อพักรักษาสัตว์ขนาดใหญ่ (ขนาด 5,000-6,000 ลิตร) เครื่องตรวจ Blood gas analysis เพื่อวัดปริมาณสารเคมีในเลือดเครื่องตรวจค่าเคมีในเลือด และเครื่องตรวจนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือด ดังนั้นหากท่านใดประสงค์จะช่วยเหลือเต่าทะเลและสัตว์ทะเลหายาก สามารถติดต่อได้โดยตรงที่  ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ที่อยู่ 309 ม.1 ต.ปากน้ำกระแส อ.แกลง จ.ระยอง โทร. 038-661-693-4

นครพนม - ‘ผู้ว่าฯนครพนม - นพ.สสจ.’ พร้อมบุคลากรด่านหน้า รับวัคซีนโควิดฯ เข็ม 2

วันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมศรีโคตรบูรณ์ ชั้น 5 อาคารอำนวยการโรงพยาบาลนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม และนางพัชรินทร์ ฉลาดธัญญกิจ ประธานชมรมแม่บ้านสาธารณสุขจังหวัดนครพนม รวมถึงคณะบุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติงานด่านหน้า ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) Sinovac เข็มที่ 2 รวม 180 คน


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

กาฬสินธุ์ - เข้ม 9 อำเภอ กันไข่แตก !! ปรบมือส่งกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโควิด

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์นำหัวหน้าส่วนราชการและกรมการจังหวัดลุกขึ้นยืนปรบมือ เพื่อเป็นการขอบคุณ  และสร้างขวัญกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 พร้อมกำชับทุกพื้นที่เข้มงวดตามมาตรการ โดยเฉพาะพื้นที่อีก 9 อำเภอที่ยังไม่พบผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 29 เมษายน  2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์เป็นประธานการประชุมคณะกรมการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ 4/2564 ซึ่งเป็นการประชุมแบบ New Normal โดยเชิญเฉพาะผู้แทนกระทรวงเข้าร่วมประชุม  โดยมีนายเลิศบุศย์ กองทอง นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.อ.เรืองพงษ์ วงศรีสุข รองผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมประชุม

โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้กล่าวเชิญชวนให้คณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ลุกขึ้นยืน พร้อมปรบมือ เพื่อเป็นการขอบคุณ สร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ อสม.รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 พร้อมทั้งกำชับให้ทุกคนร่วมมือกันในการป้องกันตนเอง ด้วยการงดหรือชะลอการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่อีก 9 อำเภอที่ยังไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 ให้เข้มงวดและเร่งสร้างความความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ส่วนพื้นที่ 9 อำเภอที่พบผู้ป่วยแล้วก็ได้เข้มงวดปฏิบัติตามมาตรการของสาธารสุขเช่นกัน เพื่อที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดในรอบนี้ให้ได้ 

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดวันที่ 29 เมษายน 2564 ไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติม โดยขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 61 ราย และรักษาหายสามารถกลับบ้านได้แล้ว 12 ราย  อยู่ระหว่างการรักษา 49 ราย โดยรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ 25 ราย โรงพยาบาลฆ้องชัย 14 ราย และพักฟื้นเพื่อรอกลับบ้าน ที่โรงพยาบาลสนามกาฬสินธุ์แห่งที่ 1 จำนวน 10 ราย ทั้งนี้พื้นที่ที่พบผู้ป่วยโควิด-19 มีจำนวน 9 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ยางตลาด 24 ราย, อ.เมือง 10 ราย, อ.กมลาไสย 8 ราย, อ.สมเด็จ 5 ราย, อ.สหัสขันธ์ 5 ราย, อ.สามชัย 4 ราย,อ.กุฉินารายณ์ 3 ราย, อ.ดอนจาน 1 ราย และ อ.นาคู 1 ราย ส่วนพื้นที่อีก 9 อำเภอที่ยังไม่พบผู้ป่วยประกอบด้วย อ.ฆ้องชัย อ.ร่องคำ อ.ห้วยเม็ก อ.หนองกุงศรี อ.ท่าคันโท อ.เขาวง อ.ห้วยผึ้ง  อ.คำม่วง และ อ.นามน

นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้ออกประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออกจากเคหสถาน 100 % หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมขอให้ประชาชนทุกคนเคร่งครัดในการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตร ไม่เข้าไปในสถานที่แออัดอากาศไม่ถ่ายเท ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สแกนไทยชนะหรือหมอชนะ หากท่านใดที่สัมผัสใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัวที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา ควรสังเกตอาการตนเองที่บ้าน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ถ่ายเหลว ตาแดง ผื่นขึ้น หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก โปรดแจ้งประวัติการสัมผัสกับผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงให้บุคลากรการแพทย์ทราบเพื่อคัดกรองความเสี่ยงด้วย

อย่างไรก็ตามในการประชุมยังได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติให้แก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจําปี 2563  จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 4 ราย พิธีมอบเกียรติบัตรยกย่องชุมชนองค์กรอำเภอและจังหวัดคุณธรรมประจำปีงบประมาณ 2562 พิธีมอบเกียรติบัตรปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ระดับจังหวัด ประจำปี 2564  พิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณให้กับบุคคลผู้ได้รับการพิจารณาเป็น "คนดี ศรีกาฬสินธุ์" ตามค่านิยม "มีมารยาทแบบไทย"  พิธีมอบทุนการศึกษาของสมาคมแม่บ้านมหาดไทยประจำปี 2564 และการมอบระบบบริหาร ครัวเรือนยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ KHM - V.2 โดยมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นข้อมูลในการติดตามครัวเรือนตามโครงการ  Kalasin Happiness Model อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top