Monday, 16 June 2025
Region

นครนายก - ด้วยรักและห่วงใย 'พ.ต.อ.สุรพล บุญมา' รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ปันสุขเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

พันตำรวจเอกสุรพล บุญมา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนาก ได้ปันสุขมอบข้าวสาร 5 กิโลกรัม 1000 ถุงผ้ากันเปื้อน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19

เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่ท้ายตลาดสดแยกจ่าดมและในตลาดสดเทศบาลเมืองนครนายก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก พ.ต.อ.สุรพล บุญมา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนยก ด้วยรักและห่วงใยนำข้าวสารหอมมะลิคัดพิเศษ 5 กิโลกรัมจำนวน 1000 ถุงนำมาปันสุขเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชนตั้งแต่ปากทางท้ายตลาดเทศบาลเมืองนครนายก พร้อมเดินแจกข้าวสารหอมมะลิคัคพิเศษและผ้ากันเปื้อนให้กับพ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดทั้งสองฝั่งข้างทาง โดยมีประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อสิ่งของในตลาดสดมาเข้าแถวรับข้าวสารและผ้ากันเปื้อนเป็นจำนวนมาก จากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

เนื่องด้วย พ.ต.อ.สุรพล บุญมา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนยากลำบากของพี่น้องประชาชนชาวในจังหวัดนครนายก โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้ชรา และผู้ยากไร้ จึงมีแนวคิดที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน จึงได้ประสานผู้นำชุมชนในพื้นที่จังหวัดนครนายก ได้สำรวจยอดผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้ยากไร้ และมอบหมายให้ผู้นำชุมชนแต่ละตำบลในจังหวัดนครนายก ได้นำ ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภคมามอบให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อน เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์จึงได้นำสิ่งขอมมามอบให้ประชาชน แทนด้วยรักและห่วงใย ดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

สุรินทร์ - รองแม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่สุรินทร์ ติดตามการปฎิบัติงาน ตามแผน กอ.รมน.ภาค 2

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เวลา 10.30 น. พลตรี สวราชย์ แสงผล รองแม่ทัพภาคที่ 2(3) รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 และคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อประชุมและติดตามการปฎิบัติงานตามแผน ณ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้กำชับในเรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ 

โดยมี พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนย่อย 2 พันเอกกิติพงษ์ พุทธิมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ พันเอกชินวิช  เจริญพิบูลย์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พันเอกอัครสิทธิ์ ปะกิระตา หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายและแผนฯ พันเอกหญิงพรพรรณ ทัศนศร ครูฝีก/วิทยากร(อพป.) และข้าราชการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ ให้การต้อนรับ


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

ชลบุรี - ‘นายกปลื้ม’ เมืองพัทยา แจงโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดพัทยา หลังจากมีผู้ไม่เห็นด้วย

นายกเมืองพัทยา แจงโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดพัทยา ศึกษาต่อยอดโครงการเสริมทรายขยายชายหาด ด้วยงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล  พัฒนาเมืองพัทยา สู่ศูนย์กลาง EEC ย้ำอยากให้มองภาพรวม ยันต้นไม้เก่ายังอยู่ 75%

จากกรณีเมืองพัทยา ได้ดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยาระยะทาง 2.7 กม. โดยว่าจ้าง บริษัท นงนุชแลนด์สเคป แอนด์ การ์เด้นดีไซน์ จำกัด ด้วยงบประมาณกว่า 166 ล้านบาท โดยดำเนินการปรับพื้นที่เปิดหน้างาน ก่อนมีกระแสเรียกร้องให้หยุดและพิจารณาโครงการใหม่ เนื่องจากมองว่าเป็นการทำลายธรรมชาติ และอยากให้มองในส่วนของความจำเป็นในการนำงบประมาณมาช่วยเหลือประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น

วันที่ 17 ส.ค.64 นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้เปิดห้องรับรองศาลาว่าการเมืองพัทยา เพื่อแถลงข่าวชี้แจงและสร้างความเข้าใจต่อโครงการพัฒนาดังกล่าวผ่านสื่อมวลชนว่า โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยาระยะทาง 2.7 กม.ตั้งแต่ชายหาดพัทยาเหนือถึงหาดพัทยาใต้ เป็นโครงการที่มีการศึกษาต่อยอดมาจากโครงการเสริมทรายขยายพื้นที่ชายหาดเมืองพัทยา ตามที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยได้ร่วมกับ กรมเจ้าท่า สำรวจข้อมูลการพัฒนาไปตั้งแต่ปี 2562

โครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบอุดหนุนมาจากรัฐบาล ในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โดยผลักดันให้เมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางของ EEC ที่มีระบบการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน ซึ่งได้ทำการศึกษาต่อเนื่องไปจนถึงชายหาดจอมเทียน ที่จะมีการเสริมทรายขยายชายหาดและปรับปรุงภูมิทัศน์ด้วยเช่นกัน โดยได้ทำการสำรวจต้นไม้ทุกต้นที่มีอยู่ว่าอยู่ในจุดไหน บริเวณใด และได้มีการศึกษาออกแบบปรับแต่ง เคลื่อนย้าย และปลูกใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามระยะเวลาที่ได้ศึกษาไว้

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่มีการรื้อถอนต้นหูกวางนั้น จะทราบกันดีในกลุ่มผู้ประกอบการชายหาดว่า ต้นหูกวางเป็นไม้เนื้ออ่อนที่ปลูกง่ายโตเร็ว ผู้ประกอบการจึงนำมาปลูกเพื่อให้ร่มเงา แต่ก็มีปัญหาในส่วนของต้นไม้ที่มีอายุมากขึ้น กิ่งไม้หักโค่นเวลาลมแรง ลูกและใบต้นหูกวางที่ผลัดลงมา รวมทั้งหนอนและวัชพืชเหล่านี้ ก็สร้างปัญหาในกลุ่มผู้ประกอบการเรื่อยมาเช่นกัน ซึ่งจำเป็นต้องปรับแต่งในส่วนที่หักโค่นและปลูกเพิ่ม เพื่อให้เกิดความงดงาม รวมทั้งให้ร่มเงา และพื้นที่ยังสามารถใช้จัดกิจกรรมได้ ซึ่งอยากให้ประชาชนมองภาพรวมในการพัฒนา

สิ่งสำคัญคือ การศึกษาออกแบบจะเน้นเรื่องการปรับภาพลักษณ์และทัศนียภาพให้เข้ากับบรรยากาศของชายทะเล ไม่ใช่ปลูกแต่ต้นปาล์มตามที่มีบางสื่อได้นำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยการดำเนินการโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยา จะรักษาต้นไม้เดิมไว้ไม่ต่ำกว่า 75% แต่มีการปรับปรุงให้มีความสวยงามและเหมาะสมในเรื่องของการใช้พื้นที่อย่างเกิดประโยชน์

นายกเมืองพัทยา กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาได้มีการทำประชาพิจารณ์เรื่องดังกล่าวไปแล้ว ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถจัดการประชุมให้ประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมได้ จึงจัดทำประชาพิจารณ์โดยตรงกับกลุ่มเป้าหมายตามรัศมีของการดำเนินโครงการ รูปแบบเดียวกับโครงการอาคารจอดรถนาเกลือ  เป็นการสำรวจข้อมูลในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยตรงกับประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ

จากประเด็นในเรื่องของการช่วยเหลือในเรื่องของโควิด-19 นั้น ที่ผ่านมา เมืองพัทยาได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการจัดสรรงบประมาณจัดหาวัคซีนซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนทางเลือก มาให้บริการประชาชนท้องถิ่นเมืองพัทยา การปฏิบัติงานเชิงรุกในการค้นหาผู้ติดเชื้อเข้ารักษาในระบบ  Hospitel การช่วยเหลือแจกจ่ายเยียวยา สนับสนุนถุงยังชีพ ให้ประชาชนตามบ้านเรือน รวมทั้งผู้ป่วยกักตัวไปแล้วนับหมื่นหลังคาเรือน

“อยากให้แยกมองว่าเป็นคนละส่วนกัน ระหว่างการพัฒนาและการควบคุมโรค ซึ่งหากประชาชนมีข้อข้องใจก็พร้อมจะตอบทุกคำถามเพื่อความกระจ่างชัด ขอยืนยันว่าเมืองพัทยา จะไม่ใช้จ่ายงบประมาณในเรื่องอื่นที่ไม่จำเป็น” นายกเมืองพัทยา ระบุ


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

นครพนม - สภาสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับ จ.นครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยโควิดนครพนม ถวายเป็นพระราชกุศล “น้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค”

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางฉวีวรรณ ธรรมชาติ ประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดนครพนม ตลอดจนคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 98 ชุดให้กับผู้นำชุมชนซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ตกงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนและผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในจังหวัดนครพนม

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ภายใต้กิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค สภาสังคมสงเคราะห์ฯ 76 จังหวัด ประจำปี 2564 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดขึ้น โดยการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศล

โดยกิจกรรมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2541 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ประภาศน์ อวยชัย ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ในขณะนั้นนำคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้จากการจำหน่ายดอกมะลิงานวันแม่แห่งชาติ จำนวน 2 ล้านบาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้สภาสังคมสงเคราะห์ฯ พร้อมทั้งได้มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งกองทุนอาหารกลางวันเลี้ยงผู้ตกยาก ผู้ประสบทุกข์ยากเดือดร้อน รวมทั้งครอบครัวในภาวะวิกฤต โดยสภาสังคมสงเคราะห์ได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชเสาวนีย์มาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินส่วนพระองค์ จำนวนกว่า 15 ล้านบาท สนับสนุนโครงการและทรงพระกรุณาให้ราชเลขานุการในพระองค์ฯ เยี่ยมเยียนโครงการอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ยังได้พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคให้โครงการตลอดมาเช่นกัน โดยปีนี้เป็นปีที่ 23 ที่มีการจัดกิจกรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย ทั้งเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ทุกคนได้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

ลำปาง - สมาคมแม่บ้านทบ. สาขา มทบ.32 มอบงบประมาณและสิ่งของ แก่ครอบครัวผู้ฝึกฯทหารใหม่

“แนวหลังห่วงใย ใส่ใจดูแล เผื่อแผ่แบ่งเบา เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน” ตามที่สมาคมแม่บ้านทหารบกได้ห่วงใยคู่สมรสที่ทุพพลภาพและเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดยได้โอนงบประมาณเป็นทุนยังชีพทุนละ 5,000 บาท ให้หน่วยดำเนินการมอบให้บุคคลดังกล่าว ทั้งได้ห่วงใยกำลังพลและครอบครัวของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ฝึกทหารใหม่ ด้วยการมอบเงินให้หน่วยไปจัดซื้อสิ่งของที่จำเป็นมอบให้ครอบครัวของผู้ฝึก ผู้ช่วยผู้ฝึกและครูนายสิบนั้น เมื่อ 17 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. คุณลักขณา ชัยมงคล ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 32  และคณะ ได้เดินทางไปมอบงบประมาณเป็นทุนยังชีพให้คู่สมรสที่ทุพพลภาพ จำนวน 2 ราย และบุตรที่มีความต้องการพิเศษ จำนวน 2 ราย ที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วย ณ บ้านพัก จากนั้นได้เดินทางไปมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นช่วยเหลือครอบครัวของผู้ฝึก, ผู้ช่วยผู้ฝึกและครูนายสิบ โดยมอบให้ภริยาของครูนายสิบ จำนวน 2 ราย และมอบให้ผู้แทนกำลังพลที่จะนำสิ่งของที่เหลือไปมอบให้ครอบครัวของกำลังพลอีก 17 นาย ที่ยังไม่สามารถมาร่วมรับสิ่งของได้ เพื่อให้ได้ครบทุกนายทั้ง 19 นาย ตามลำดับต่อไป

ทั้งนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระความเดือดร้อน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในห้วงปัจจุบัน พลตรี อโณทัย  ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้กรุณามอบงบประมาณช่วยเหลือครอบครัวของกำลังพลที่ทำหน้าที่ฝึกทหารใหม่ทั้ง 19 นาย (มอบพร้อมสิ่งของ) สร้างความดีใจ อบอุ่นใจเกิดแก่ครอบครัวและเจ้าหน้าที่ฯซึ่งได้ให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในการฝึกทหารใหม่ให้เต็มกำลังขีดความสามารถและให้สมบูรณ์จนกว่าภารกิจการฝึกทหารใหม่จะเสร็จสิ้น 


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

นราธิวาส - ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก รังสรรค์เมนูข้าวไก่ทอด ไข่เจียวฮาลาล แจกประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามโครงการ ‘โรงพักโก-ลก เรา ปัน สุข’

ที่ศูนย์บริการประชาชน ป้อมจราจร หน้าสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก นำตำรวจจิตอาสา ร่วมกันรังสรรค์เมนูข้าวไก่ทอด ไข่เจียวฮาลาล แจกให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วันละ 1,000 กล่อง ตามโครงการโรงพักโก-ลก เรา ปัน สุข ระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 14.00น. เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อแบ่งปันความสุขและบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  พร้อมยึดหลัก D-M-H-T-T สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือที่จุดให้บริการ

ด้านประชาชนที่มาต่อแถวรับข้าวกล่อง กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้จุนเจือครอบครัว ทราบว่าผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก จัดกิจกรรมแจกข้าวไข่เจียวให้ประชาชน จึงตั้งใจมารับข้าวกล่องไปรับประทานกับครอบครัว ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีก 1 มื้อ จึงขอขอบคุณผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ทำกิจกรรมดี ๆ ให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ชลบุรี - ชาวเมืองสัตหีบ แห่ลงทะเบียนจองคิววัคซีนซิโนฟาร์ม วันแรกจำนวน 3,000 คน

ตามที่เทศบาลเมืองสัตหีบ ได้ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมเปิดให้ประชาชนในพื้นที่ได้ลงชื่อจอง ได้แล้ว วันแรกจำนวน 3,000 คน โดยประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจ มาลงทะเบียนกันตั้งแต่เช้าจำนวนมาก

โดยบรรยากาศ ที่ตลาดสหชัย อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้มีประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสัตหีบ ทยอยเข้ามาต่อคิวเพื่อลงทะเบียนจองสิทธิฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ในวันนี้เป็นวันแรกมีประชาชนยื่นเอกสารประสงค์จองสิทธิ์ฉีดวัคซีนกันตั้งแต่เช้า โดยมีกำหนดเปิดรับในวันที่ 16-20 สิงหาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ทั้งหมด 5 จุด ได้แก่ ศาลาชายทะเล (หน้าอำเภอ) ,ตลาดสหชัย,วัดเตาถ่าน,ศูนย์ซ่อมบำรุงเทศบาลเมืองสัตหีบ(ซอยสุขุมวิท 89) และ อีฟรีสอร์ท (กม.5) โดยมีคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม งานรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง(งานเทศกิจ) อสม. เมืองสัตหีบ มากำกับดูแลการจัดระเบียบให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโควิด -19  และเมื่อครบ 3,000 คน ก็จะปิดรับลงทะเบียนทันที และรอเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในรอบต่อไปหลังจากได้รับวัคซีนมาเพิ่มเติม

ตามที่ นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ ได้เสนอญัตติขออนุมัติใช้จ่ายเงินสะสมของเทศบาลเมืองสัตหีบ เพื่อจ่ายเป็นค่าจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยได้รับการอนุมัติจาก สภาเทศบาลเมืองสัตหีบ ให้ใช้จ่ายเงินสะสมของเทศบาลเมืองสัตหีบ จำนวน 30 ล้านบาท  ล่าสุดได้มีการจัดซื้อ วัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ รอบแล้วจำนวน 6,000 โดส ได้ 3,000 คน  เพื่อเตรียมฉีดให้ประชาชนในพื้นที่เทศบาลเมืองสัตหีบ ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากที่สุด โดยก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศ ให้ประชาชนที่ประสงค์จะลงทะเบียน อายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องมีทะเบียนบ้านภายในเขตเทศบาลเมืองสัตหีบเท่านั้น และต้องเตรียมเอกสาร สำเนาบัตรประชาชน , สำเนาทะเบียน และต้องเป็นผู้ไม่มีการลงทะเบียนซ้ำซ้อนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม

ทั้งนี้ทางเทศบาลเมืองสัตหีบ ยังได้รับการสนับสนุนวัคซีนซิโนฟาร์ม จาก อบจ.ชลบุรี โดยนาย วิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี อีกจำนวน 1,000 คน (2,000โดส) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้คนเมืองสัตหีบ โดย นาย กำชัย ตั้งธรรมสถิตย์ ส.อบจ.ชลบุรี เป็นผู้ประสานงานมาลงในพื้นที่  

ทั้งนี้เทศบาลเมืองสัตหีบ จะได้มีการจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ไปจนกว่าประชาชากรในเขตเทศบาลเมืองสัตหีบ จะได้รับวัคซีนครบทุกคนและต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยเฉพาะในประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่พี่น้องประชาชน ในเขตเทศบาลเมืองสัตหีบโดยเร็ว โดยจะฉีดวัคซีนให้แก่ กลุ่มเสี่ยงเป้าหมายหลักก่อน คือ พ่อค้า แม่ค้า ธุรกิจโรงแรม กลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง และพ่อแม่พี่น้องประชาชน รวมทั้งคนกลุ่มด้อยโอกาส ในเขตเทศบาลเมืองสัตหีบ อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ขอนแก่น - “ธีระศักดิ์” ผุดไอเดียขอนแก่นโมเดล เร่งฉีดวัคซีนทางเลือกและวัคซีนจัดสรร มั่นใจคนขอนแก่นร่วมมือกันและกลับสู่ภาวะปกติได้สำเร็จ

เร่งฉีดวัคซีนทางเลือกและวัคซีนจัดสรร ให้ได้ร้อยละ 70 เสนอจังหวัดขอเปิดเทอมและผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด มั่นใจคนขอนแก่นร่วมมือกันและกลับสู่ภาวะปกติแบบนิวนอมอลได้สำเร็จ พร้อมระบุจุดฉีดวัคซีนทางเลือกมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและกำกับทุกขั้นตอน ไม่มีคุณยายรับวัคซีน 2 เข็มแบบบางจังหวัดอย่างแน่นอน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 ส.ค.2564 ที่หน่วยบริการฉีดวัคซีน รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า จ.ขอนแก่น นายธีระศักดิ์  ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น นำคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาฯ รวมทั้งผู้นำชุมชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจคณะทำงานด้านวัคซีนของ รพ.ศรีนครินทร์ และ คณะทำงานของเทศบาลนครขอนแก่น รวมทั้งพบปะประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ที่ทยอยเดินทางเข้ารับการฉีดวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์ม ตามแผนการฉีดวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์ม วันนี้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ของรอบแรกในการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย 17,000 คน โดยมีประชาชนที่ได้รับการยืนยันการฉีดวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์มตามที่เทศบาลนครขอนแก่นได้ทำการจัดหาจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่กำหนดการฉีดรอบแรกสัปดาห์แรกระหว่างวันที่ 14-19 ส.ค.ทยอยเดินทางเข้ารับการฉีดวัคซีนตามรอบเวลาที่กำหนดอย่างต่อเนื่องท่ามกลางมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า วันที่ 3 ของการให้บริการวัคซีนทางเลือกตามที่เทศบาลฯได้จัดหามานั้นในภาพรวมยังคงเป็นไปอย่างเรียบร้อย ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด คือรอบแรก 17,000 คน ที่มีกำหนดการฉีดวัคซีน 2 ช่วงเวลาคือ 16-19 ส.ค. และ 23-25 ส.ค.ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. จำกัดวันละ 15 รอบ แยกเป็นรอบช้า 6 รอบ และรอบบ่าย 9 รอบ รอบละ 350 คน ซึ่งหน่วยฉีดวัคซีนจุดนี้จะสามารถให้บริการได้วันละ 2,650 คน ซึ่ง 2 วันที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ที่ไม่มาฉีดวัคซีนอยู่ที่ประมาณวันละ 10% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ไม่สะดวกเดินทางมา รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเทศบาลฯกำหนดแผนที่จะให้บริการเชิงรุกแบบถึงบ้าน รวมไปถึงการจัดลำดับสำรองที่เตรียมไว้ทุกกลุ่มหากมีคนสละสิทธิ์การรับวัคซีนชิโนฟาร์ม ก็จะเลือกลำดับสำรองมาเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันที่ 24-25 ส.ค.เป็นลำดับต่อไป ขณะเดียวกันการบริหารจัดการพื้นที่ ที่มีการกำหนดช่อฉีดวัคซีนมากถึง 25 ช่อง ซึ่งแสดงถึงการเว้นระยะห่างและการให้บริการที่รวดเร็ว ลดการรวมตัวและกำหนดในเรื่องของการเว้นระยะห่างได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งการจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกประจำจุดต่างๆ ทุกจุดอย่างรัดกุมและรอบคอบดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นในบางจังหวัดที่คุณยายได้รับวัคซีน 2 เข็ม จะไม่มีเกิดขึ้นที่ขอนแก่นอย่างแน่นอน

“ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแกน มีประมาณ 110,000 คน ซึ่งวัคซีนทางเลือกชิโรฟาร์มที่เทศบาลฯได้รับการจัดสรรตามที่เทศบาลฯได้ดำเนินการจัดซื้อจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งได้รับรอบแรก 17,000  คนและ รอบที่ 38,000 คน ซึ่งหากได้รับครบทุกคนจะทำให้เขตเทศบาลฯของเรานั้นมีประชากรได้รับวัคซีนถึง 55,000 คนหรืออยู่ที่ร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรในเขตเทศบาลฯ และในเดือน ต.ค.หากนับรวมวัคซีนที่รัฐจัดสรรและทำให้เขตเทศบาลฯมีประชากรได้รับวัคซีนถึงร้อยละ 70  ก็จะมีการพิจารณารูปแบบการผ่อนคลายมาตรการหรือการเปิดเมือง ซึ่งคงไม่ถึงการเป็นขอนแกนแซนบอค แต่จะมีการหารือและแนวทางการทำงานร่วมกันกับผู้ประกอบการด้านธุรกิจเอกชนต่าง ๆ ทุกองค์กร ที่จะเดินต่อไปถึงแผนการฟื้นฟูเมืองในภาพรวม ที่ทุกคนจะร่วมมือกันและเข้าสู่ระบบมาตรฐานความปลอดภัยในระดับประเทศจากหน่วยงานที่รับผิดชอบที่จะมาตรวจและประเมินเมือง ดังนั้นในเดือน ต.ค.จะมีการประเมินอีกว่าเมื่อเขตเทศบาลฯได้รับวัคซีนไปแล้วกว่าร้อยละ 70 การเปิดเมืองนั้นจะออกมาในรูปแบบใด รวมไปถึงการเปิดเรียนในส่วนของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลฯ ที่จะมีการหารือกันว่าเมื่อคณะครู บุคลากรทางการศึกษา ชุมชน และผู้ปกครองได้รับวัคซีนครบกว่า 70% แล้ว โรงเรียนในสังกัดเทศบาล 11 แห่งจะสามารถเปิดเรียนในเทอมที่ 2 แบบนิวนอมอลได้หรือไม่”

นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่าในการให้บริการวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์ม ในรอบที่ 2 รวม 38,000 คน ที่จะกำหนดฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค. ต่อเนื่องไปจนถึง กลางเดือน ก.ย. โดยขณะนี้เทศบาลฯได้กำหนดจุดฉีดวัคซีน  5 จุด ประกอบด้วย รพ.ศรีนครินทร์ จุดฉีดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแห่งนี้ รวมทั้ง รพ.ขอนแก่น,ศุนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น,รพ.ราชพฤกษ์ และ รพ.กรุงเทพขอนแก่น ที่จะร่วมมือกันระดมการฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าหมายและจำนวนที่กำหนด ควบคู่กับการให้บริการเชิงรุกแบบฉีดถึงบ้านในส่วนของกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วนติดเตียง และการตามหากลุ่มคนเร่ร่อนในเขตเมืองอีกกว่า 100 คน อย่างไรก็ตามในรอบที่ 2 ที่กำหนดฉีดอีก 38,000 คนนั้น จะมีการจัดทำรูปแบบของครอบครัว คือนอกจากบุคคลที่ได้รับการยืนยันการฉีดวัคซีนจากเทศบาลฯแล้ว หากครอบครัวประสงค์ที่จะฉีดและพาคุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยาย มารับบริการการฉีดวัคซีน เทศบาลจะกำหนดให้คนในครอบครัวได้รับวัคซีนชิโนฟาร์มตามที่เทศบาลฯได้จัดหามานั้นฉีดให้กับคนในครอบครัวด้วยเพราะถือเป็นครอบครัวที่มีภูมิคุ้มกันหมู่ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะมีการประเมินกันอีกครั้ง

สุโขทัย - อบจ.สุโขทัย มอบชุดอุปกรณ์ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แก่สสจ.สุโขทัย และกู้ภัยทั้งจังหวัด เพื่อป้องกันโควิด-19

วันที่ 18 สิงหาคม 2564 นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยเอกเทียนชัย ทองวินิชศิลป นายเขตพงศ์ กุลนาถศิริ รองนายก อบจ.สุโขทัย นายธรรมศักดิ์ สายฤทธิ์ และนายเชนท์ ผาสุก สมาชิกสภา อบจ.สุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย สมาชิกสภาฯ คณะผู้บริหาร และบุคลากรในสังกัด อบจ.สุโขทัย ร่มกันมอบเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับป้องกันและควบคุมโรคโควิด–19 ให้กับสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย และเจ้าหน้าที่หน่วยหน้า(เครือข่ายกู้ชีพ กู้ภัย) เพื่อสนับสนุนหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ประกอบด้วยถุงแยกขยะติดเชื้อ(ถุงแดง) จำนวน 2,000 ถุง  น้ำยาฆ่าเชื้อโรค จำนวน 190 ขวด ชุดอุปกรณ์ฉีดพ่น (แบบแบตเตอรี่) จำนวน 38 ถัง

โดยมีดร.นพ.ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย นำคณะบุคลากรและเจ้าหน้าที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย และเจ้าหน้าที่จากเครือข่ายกู้ชีพ กู้ภัยในพื้นที่ทั้ง 9 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย และบุคลากรสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย มารับมอบและร่วมพิธีรับมอบในครั้งนี้ ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย

นอกจากนี้ นายกมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ. กล่าวขอบคุณ บุคลากรทางด้านสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเจ้าหน้าที่หน่วยหน้า เครือข่าย กู้ชีพ กู้ภัยทุกท่าน ที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อเนื่องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดสุโขทัย เพื่อออกปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านแทนประชาชนชาวจังหวัดสุโขทัย

ดร.นพ.ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย กล่าวขอบคุณคณะ นายก และผู้บริหาร อบจ.สุโขทัย ที่ให้การสนับสนุนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกัน และสิ่งของจำเป็นต่างๆในการป้องกันและดูแลประชาชนในจังหวัดสุโขทัยที่ประสบปัญหาและได้รับผลกระทบจากโรคโควิด–19 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้ง แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า รวมทั้ง(เครือข่ายกู้ชีพ กู้ภัย) ที่ปฏิบัติงานกันอย่างหนักในช่วงเวลานี้ ซึ่งทาง อบจ.และนายก อบจ.ได้ให้การส่งเสริมสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ และจังหวัดสุโขทัย 


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

กรุงเทพฯ - กองทัพเรือ โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID – 19 ให้แก่ประชาชน พร้อมเปิดจองวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็ก 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ที่เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาล

วันนี้ (18 สิงหาคม 2564 ) กองทัพเรือ โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID – 19  ในการนี้กำลังพลจิตอาสา 904 สังกัดกองทัพเรือ ได้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้ารับการฉีดวัคซีน ป้องกัน COVID – 19 ณ อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ป้องกัน COVID – 19 ในครั้งนี้ เป็นผู้อาศัยในพื้นที่เขตบางกอกน้อย บางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี ซึ่งมีโรคประจำตัว รวมถึงสตรีมีครรภ์ ที่อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป

ในขณะที่ หมอพลอย แพทย์จีน ปรียาดา บัวสมบุญ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ขอเชิญผู้ป่วยของโรงพยาบาล อายุระหว่าง 12 ถึง 18 ปีที่มี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ เข็มที่ 1 โดยสามารถโทรศัพท์ ลงทะเบียน เพื่อจองคิว ได้ที่ Call Center วัคซีนโควิด หมายเลขโทรศัพท์ 02 460 0216 9 ตั้งแต่วันที่ 19-20 สิงหาคม เวลา 09.00 นถึง 15.00 น จนกว่าคิวจะเต็ม  ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า จะ จัดให้มีการฉีดวัคซีน ให้แก่ผู้ที่ลงทะเบียนในวันอังคารที่ 24 และ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม  256 4 ระหว่างเวลา 08.00 น. ถึง 12.00 น.

ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า วัคซีนไฟเซอร์ ดังกล่าวมีจำนวนจำกัด ในกรณีเด็กป่วยต้องมีโรคตรงตามข้อกำหนดเท่านั้น โดยกลุ่มโรคเสี่ยง ที่กำหนดประกอบด้วย

1.โรคอ้วน หรือเด็กอ้วนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น

2. โรคทางเดินหายใจเรื้อรังหรือโรคหอบหืด

3. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง

4. โรคไตวายเรื้อรัง

5.โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ

6. โรคเบาหวาน

7.กลุ่มโรคพันธุกรรมรวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์และภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top