Sunday, 15 June 2025
PoliticsQUIZ

‘ตำรวจรถไฟ’ ร้อง ‘เพื่อไทย’ หลังถูกยุบกองฯ ด้าน ‘ชลน่าน’ รับเรื่องพิจารณา พร้อมให้กำลังใจ

วันนี้ (28 พ.ย. 65) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ต.ท.สมควร ปั้นกันอินทร์ รองสว.(ป) ส.รฟ.นพวงศ์ พร้อมด้วยตำรวจรถไฟ ยื่นหนังสือถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลัง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ ซึ่งส่งผลให้กองบัญชาการตำรวจรถไฟจะต้องยุบไป เมื่อตนได้ปรึกษากับทีมงานแล้วจึงมายื่นร้องขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจชั้นผู้น้อย ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการรถไฟกว่า 2 แสนคน ถ้าไม่มีตำรวจรถไฟ ใครจะให้ความคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และที่จะใช้รปภ.ไปปฏิบัติหน้าที่แทน ก็ไม่มีอำนาจจับกุมเหมือนกับตำรวจ ตำรวจรถไฟเป็นหน่วยงานหนึ่งในสตช.ทำการจับกุมผู้ต้องหาได้มากที่สุด โดยดูผลการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลังได้ ขอยืนยันว่าเราทำงาน ไม่ใช่ไม่ทำงาน หากต้องถูกยุบไป ตำรวจรถไฟมีความเจ็บปวดมาก 

‘ช่อ พรรณิการ์’ เชื่อ ส.ส. - ส.ว. จะโหวตเห็นชอบ ร่างแก้ไข รธน. ปลดล็อกท้องถิ่น เข้าสภา 29-30 พ.ย.นี้

‘ช่อ พรรณิการ์’ ชวนจับตา ร่างแก้ไข รธน.ปลดล็อกท้องถิ่น จ่อเข้าสภา 29-30 พ.ย. นี้ เชื่อ ส.ส. และ ส.ว.โหวตเห็นชอบ ด้าน ‘ศิริกัญญา’ ชี้ การแบ่งรายได้ให้ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ต้องมีรัฐบาลที่มีเจตจำนงทางการเมืองเข้าไปผลักดัน

พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า, ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, วราภรณ์ แสงชา วิทยากรอิสระและข้าราชการส่วนท้องถิ่น และชัชฎา กำลังแพทย์ นักศึกษาปริญญาเอก ประเทศญี่ปุ่น ที่ผลักดันด้านการกระจายอำนาจ ดำเนินรายการโดย สันติสุข กาญจนประกร ร่วมเสวนาภายใต้หัวข้อ 'หลากมิติผู้หญิงกับการกระจายอำนาจ'

พรรณิการ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า การคืนอำนาจบริหารท้องถิ่น กลับสู่มือประชาชนจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้หญิงเข้าสู่การเมืองมากขึ้น ยิ่งการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทำให้ผู้หญิงมีโอกาสได้เข้าไปบริหารราชการมากขึ้น และไม่เพียงแต่ผู้หญิงจะสามารถเข้าสู่พื้นที่การเมืองได้มากขึ้น การกระจาย อำนาจ คืนอำนาจที่แท้จริงสู่ประชาชน จะทำให้ตัวแทน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มชาติพันธุ์ หรือ กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ เข้าไปมีบทบาทในพื้นที่การเมืองได้มากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ พรรณิการ์ ยังระบุด้วยว่า วันที่ 29-30 พฤศจิกายนนี้คาดว่า ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือที่เรียกกันว่าร่างปลดล็อกท้องถิ่นจะเข้าสู่การพิจารณาอภิปรายกันในสภา ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นต้องผ่านความเห็นชอบของทั้ง ส.ส. และ ส.ว. แต่ก็เชื่อว่ามีความเป็นไปได้จะผ่านความเห็นชอบ ซึ่งขนาดร่างสุราก้าวหน้า เพื่อปลดล็อกสุราพื้นบ้าน ยังขาดอีกแค่เพียง 2 เสียงเท่านั้นในวาระที่ 2 ขนาดเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทุนใหญ่ด้วย แต่รอบนี้ ประเด็นเรื่องการกระจายอำนาจ หากไปดูสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. ส.ว. จำนวนมากมีความผูกพันกับการเมืองท้องถิ่น หลายคนก็เคยเป็นนายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกันมาก่อนอีกทั้ง ส.ว. หลายคน พรรคการเมืองหลายพรรคก็เคยประกาศว่าเอาด้วยกับการกระจายอำนาจ มีนโยบายที่เคยใช้หาเสียง และหลายคนก็เข้าใจความเจ็บปวดของการเป็นรัฐรวมศูนย์ รวมอำนาจเอาไว้ที่ส่วนกลาง ที่สร้างปัญหาอุปสรรคไม่ใช่แค่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังสร้างปัญหาและอุปสรรคในวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากไฟถนนเสีย ถนนผุพัง ประชาชนไม่รู้เลยว่าเขาต้องไปติดต่อใคร จะเป็น อบต. หรือเทศบาล ซึ่งโดยมากก็ไปหา อบต. เทศบาล แต่พบว่าถนนหลายเส้นอยู่ในอำนาจของกระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ที่อยู่ส่วนกลาง กลายเป็นว่าปัญหาไม่ถูกแก้หรือแก้ล่าช้า 

“เราหวังว่า ส.ส. และ ส.ว. จะโหวตเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น วางอคติทางการเมืองและเห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และที่สำคัญจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำสอดรับกันหรือไม่ ไม่ใช่พูดอย่าง แต่พอถึงเวลาต้องแก้ไขกฎหมายที่ทำให้เกิดการกระจายอำนาจมากขึ้น คืนอำนาจกลับสู่ประชาชนในพื้นที่ กลับไม่ยอมลงมติเห็นชอบ ถ้าเป็นเช่นนั้นประชาชนต้องช่วยกันติดตามและจดจำเอาไว้ว่าใครเป็นเช่นใด การกระทำกับคำพูดไปด้วยกันหรือไม่” พรรณิการ์ ระบุ

ด้าน วราภรณ์ แสงชา ข้าราชการท้องถิ่น กล่าวว่า สนับสนุนให้เรื่องนี้ถูกผลักดันให้สำเร็จ เพราะปัจจุบันท้องถิ่นถูกขี่คอ จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ท้องถิ่นมีงบประมาณและบุคลากรไม่พอ ภารกิจที่ทำได้ก็ถูกจำกัดอำนาจ ดังนั้นถึงเวลาแล้วเรื่องการกระจายอำนาจจะถูกผลักดันให้สำเร็จ กระจายอำนาจจริงๆ ตามหลักการ อยากให้สมาชิกรัฐสภาและผู้มีอำนาจเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนและประเทศ

รายงานพิเศษการไม่แต่งตั้ง 'นริศ ขำนุรักษ์' เป็น รัฐมนตรี ตามมติ พรรคประชาธิปัตย์ สุดท้ายผู้ที่เสียหาย อาจจะเป็น 'บิ๊กตู่' ที่ถูกมองว่า เล่นการเมือง ด้วยการเอาเปรียบพรรครวมรัฐบาล

การออกมาแสดงความอึดอัดของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์,รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีท่าทีที่จะปรับ ครม.เพื่อแต่งตั้งนายนริศ ขำนุรักษ์ สส.เขต 3 จ.พัทลุง เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย แทนนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ที่ได้ลาออกจากตำแหน่ง รมช.มหาดไทย มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีมติส่ง นายนริศ ขำนุรักษ์ เป็น รมช.มหาดไทยแทน ซึ่งตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เป็นโควต้า ของพรรคประชาธิปัตย์ และนายจุรินทร์ ก็ได้นำมติพรรคไปแจ้งให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้รับทราบมติของพรรคฯ เพื่อให้มีการปรับ ครม.ในส่วนของโควต้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่เป็นโควต้าของพรรครวมรัฐบาลอื่น ๆ

แต่รอแล้วรอเล่า การปรับ ครม.ไม่ว่าจะเป็นทั้งคณะ หรือเป็นเพียงตำแหน่งเดียวที่เป็นโควต้าของประชาธิปัตย์ก็ไม่เกิดขึ้น นริศ ขำนุรักษ์ กลายเป็น แม่สายบัว ที่แต่งตัวเก้อเพราะบิ๊กตู่ไม่มีท่าที่ในการปรับ ครม.ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งเดียว ที่เป็นของประชาธิปัตย์ หรือของพรรคอื่นๆ ที่ยังว่างอยู่ ทั้งโควต้าของ 'พลังประชารัฐ' และ 'ภูมิใจไทย' ซึ่งแน่นอนว่า เป็นความอึดอัดของคนในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ย่อมมีความสำคัญในการขับเคลื่อนงานเพื่อ ช่วยประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนและการขับเคลื่อนงานในส่วนที่ 'นิพนธ์ บุญญามณี' ได้ดำเนินการไว้ แต่ไม่ได้รับการสานต่อซึ่งเป็นเรื่องของความเสียหายทั้งเรื่องของการบ้านและเรื่องของการเมือง โดยเฉพาะการเมืองที่เหลือวาระการเป็นรัฐบาลอีกไม่กี่เดือน ตำแหน่ง รมต.จึงเป็นตำแหน่งที่สามารถให้คุณกับพรรคในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

หลังการเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคจึงเห็น 'แกนนำ' และ สมาชิกของ 'ประชาธิปัตย์' จึงได้ชักแถวออกมาทวงถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ในการที่จะมีการปรับครม.ในส่วนของประชาธิปัตย์เพราะรัฐบาลเหลือเวลาในการทำหน้าที่ไม่ถึง 4 เดือน และหากมีการยุบสภาก่อนครบวาระ ก็ยิ่งเหลือเวลาเพียงน้อยนิด แต่ก็ไม่มีการตอบรับหรือมีสัญญาณจากบิ๊กตู่แต่อย่างใด

สิ่งที่เห็นจากบิ๊กตู่หลังเสร็จจากการประชุมเอเปคคือเรื่องของการเมืองในส่วนของการช่วงชิงความได้เปรียบของบิ๊กตู่ในการเตรียมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปในการเลือกตั้งสมัยหน้า ตั้งแต่การปิดบ้านให้แกนนำสายต่าง ๆ นำ สส. เข้าพบเพื่อทำการเช็คชื่อว่า จะมี สส.จากพรรคไหน กี่มากน้อย ที่จะเข้ามาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่า เป็นพรรคการเมืองใหม่ ที่จะเป็นนั่งร้านในการส่ง พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็น นายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3 ในการ เลือกตั้งในปี 2566 โดยที่มี พล.อ.ประยุทธจะมีตำแหน่งในพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่นเอง

วันนี้บิ๊กตู่กำลังช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง ในห้วงที่ใกล้ยุบสภาหรือใกล้หมดวาระการเป็นรัฐบาล เช่นการไปตรวจราชการที่ เพชรบูรณ์ และถือโอกาส ในการคิ๊กออฟจ่ายเงินประกันราคาข้าวที่เหมือกับเป็นการแย่งซีนจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ที่มีการ คิ๊กออฟจ่ายเงินประกันราคาข้าวให้ชาวนาในวันเดียวกัน

‘ชลน่าน’ ต้อนรับ ‘แกนนำ นปช.’ หวนคืนบ้านเก่า โว!! ผนึกกำลังล้มระบอบประยุทธ์ พาเพื่อไทยแลนด์สไลด์

‘ชลน่าน’ ต้อนรับแกนนำ นปช.หวนคืนบ้านเก่า ‘ก่อแก้ว-อรรถชัย’ โวขอผนึกกำลังจัดการระบอบ ‘ประยุทธ์’ เดินหน้าแลนด์สไลด์เพื่อไทย

(28 พ.ย. 65) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรคเพื่อไทยนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวต้อนรับนายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายอรรถชัย อนันตเมฆ แกนนำ นปช.เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดียิ่งที่ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ โดยทั้งนายก่อแก้วและนายอรรถชัยซึ่งเป็นสมาชิกร่วมอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเคยเป็นสมาชิกพรรคมาก่อนตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน วันนี้ได้หวนคืนมาสร้างเสริมอุดมการณ์ประชาธิปไตยให้ประเทศร่วมกัน สร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมืองในมิติทางประชาธิปไตย ทำงานร่วมกันเพื่อประชาชนต่อไป

สมรภูมินี้ไม่มีใครยอม 4 พรรค จัดทัพเลือกตั้ง ‘เมืองคอน’ เปิดศึกชิง 9 ที่นั่ง แบบไม่มีใครกลัวใคร

ลิขิตฟ้าให้มาเจอ ‘อารี ไกรนรา’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติอีกครั้ง ในงานแต่งงานลูกชายคุณสุรพล เลอวิศิษฏ์ อุปนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ที่คราคร่ำไปด้วยคนใต้มากมาย อบอุ่นไปด้วยไอรัก

อารีบอกกับผมว่า หลังจากตัดสินใจเดินออกจากเพื่อชาติและเดินเข้าภูมิใจไทย ภารกิจมากจริง ๆ มากกว่าตอนอยู่เพื่อชาติมาก แถมยังได้นับมอบจากพรรคให้ดูแลจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง ภารกิจก็ยิ่งหนักขึ้นไปอีก 

“เหนื่อยน้องเหอ พอมาอยู่พรรคนี้” อารีบ่น แต่บอกว่า ทำด้วยความเต็มใจ และเต็มที่ เพื่อบ้านเกิดในช่วงบั้นปลายของชีวิต หลังจากทำให้จังหวัดอื่นมาเยอะแล้ว

เข้าใจว่า ภูมิใจไทยตั้งใจสู้เต็มที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช หวังปักธง-แจ้งเกิดในนครศรีธรรมราชให้ได้

กล่าวสำหรับนครศรีธรรมราช คงจะสู้กันหนัก 4 พรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และน้องใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติ

ประชาธิปัตย์ที่นำทีมโดยชัยชนะ เดชเดโช, ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ที่ลูกทีมพร้อมเดินหน้ารักษาแชมป์ตามทวงพื้นที่คืนในทุกเขตเลือกตั้ง เป้าหมายชัดเจน ‘ยึดทั้ง 9 เขต’ เวลานี้ได้ผู้สมัครแล้ว 8 คน ขาดเขตขนอม-สิชล แทน ‘ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ ที่ลาออกกะทันหัน

พลังประชารัฐ คราวที่แล้วได้มาสามคน ได้จากการเลือกตั้งซ่อมอีกหนึ่งเป็นสี่คน แต่ปัญหาคือสี่คนไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สี่คนสี่ทิศทาง จึงเป็นจุดอ่อนให้ข้าศึกโจมตีได้ง่าย และมีแนวโน้มว่า บางคนจะไปอยู่กับลุงตู่ที่รวมไทยสร้างชาติด้วย จะมีก็แต่สัญหพจน์ สุขศรีเมือง ที่ยืนยันยังอยู่พลังประชารัฐ ซึ่งอาจจะเกิดจากพื้นที่ทับซ้อนกับ ‘น้อย-วิทยา แก้วภารดัย’ จากรวมไทยสร้างชาติ ที่น้อยจะต้องเอาคืนสัญหพจน์แน่นอน

'อนุพงษ์' ลงนามแปลงสัญชาติ 'ตู้ ห่าว' ตามขั้นตอน เหตุถูกชงชื่อก่อนนั่ง มท.1 และต้องทำหน้าที่ตาม กม.

เมื่อวันที่ (28 พ.ย. 65) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย โดยปรากฏสำเนาเอกสารประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 245 ง ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ระบุชื่อบุคคลลำดับที่ 35 นายหาว เจ๋อ ตู้ เอกสารหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย ลงวันที่ 26 มกราคม 2558 ของ นายหาวเจ๋อ ตู้ และปรากฏข้อความระบุว่า ‘อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือ ผู้ที่ให้สัญชาติไทยแก่ ตู้ห่าว’

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายหาวเจ๋อ ตู้ แต่เดิมเป็นบุคคลสัญชาติจีน มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ต่อกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ กรณีเป็นสามีของบุคคลสัญชาติไทย และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา กระทรวงมหาดไทยได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอฯ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทย ในการประชุมครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 ซึ่งมีรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกรมการกงสุล ผู้แทนกรมการจัดหางาน ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นอนุกรรมการ และได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2556 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย เพื่อเสนอแนะและให้ความเห็นประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ใช้ดุลพินิจตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ พิจารณาอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ แล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทำพิธีปฏิญาณตน และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติครั้งดังกล่าว มีมติเห็นควรเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจอนุญาตให้คนต่างด้าวแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ จำนวน 12 ราย เพราะเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนของการได้สัญชาติไทยตามที่กฎหมายกำหนด คือ

'เสี่ยเฮ้ง' ยื่นลาออกกรรมบริหาร พปชร. ชี้!! 'มีภารกิจ-เหตุผล' ที่ต้องกับลุงตู่

‘สุชาติ’ กราบลา ‘บิ๊กป้อม’ ร่อนใบลาออกจาก ‘กก.บห.พลังประชารัฐ’ แล้ว หลังเตรียมซบ ‘รทสช.’

(29 พ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ส.ส.ชลบุรี ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว และทางพรรคได้แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พ้นจากการเป็นผู้อำนวยการพรรค 

โดยการลาออกจากกก.บห.พรรคของนายสุชาติ หลังมีกระแสข่าวจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รสทช.) และหลังจากโพสต์เฟซบุ๊ก “นักเลงเมืองชล ลุงตู่ ปกป้องดูแล ผมมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี จะทิ้งลุงตู่ไปคนเดียว ผมจะเอาหน้ากลับมาบ้านได้อย่างไร เสียชื่อคนชลบุรีหมดสิครับ”

ชาวนาฝาก ‘กรณ์’ ทวงถามรัฐ ส่วนต่างประกันข้าว 3,000 บาท หายไปไหน

(29 พ.ย. 65) นายกรณ์ จากติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวภายหลังเข้าร่วมเกี่ยวข้าวอิ่มปีที่ 9 ร่วมกับชาวนา จ.มหาสารคาม ว่า โครงการ 'ข้าวอิ่มมหาสารคาม' เป็นโครงการนโยบายนำร่องเพื่อพิสูจน์ว่าเกษตรพรีเมียม สามารถทำให้ชาวนาไทยเราอยู่ดีกินดีได้ ในสมัยที่ตนเคยช่วยดูแลโครงการประกันรายได้ เราได้ตั้งใจว่า นอกจากการมีประกันรายได้เพื่อดูแลค่าครองชีพเฉพาะหน้าแล้ว เรื่องนโยบายเศรษฐกิจด้านการเกษตร ต้องต่อยอดให้เกษตรกรไทยมีรายได้สูงอย่างยั่งยืนอีกด้วย

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ตั้งแต่ลงพื้นที่ขอนแก่นช่วงเข้าก่อนเดินทางมา จ.มหาสารคาม ก็มีชาวนามาร้องเรียนว่าตน 'โครงการประกันรายได้เกษตรกร' มีส่วนต่างประกันรายได้ที่หายไปประมาณ 3,000 บาท เขาอยากรู้ว่าเงินตรงนี้หายไปไหน โดยที่หลักการของการประกันรายได้คือการ ‘จ่ายส่วนต่าง’ ระหว่างราคาที่ชาวนาขายได้ กับราคาที่ชาวนาควรจะได้รับ คือราคาประกัน โดยที่รัฐเป็นผู้กำหนดว่าราคาขายคือเท่าไร เรียกว่าราคาอ้างอิง โดยรอบล่าสุดนี้ 25 พฤศจิกายน 2565 ประกาศว่า ชาวนาที่ปลูก ข้าวหอมมะลิ จะได้ราคาส่วนต่างไว้ที่ตันละ 890 บาท โดยคิดจากราคาอ้างอิงที่ 14,110 บาท ต่อให้ข้าวที่ความชื้นต่ำกว่าเกณฑ์ 15% ก็ได้ราคาเพียง 12,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง ผมเช็คแล้วเช็คอีกกับโรงสี และทีมงานทั้งมหาสารคาม ร้อยเอ็ดก็ยืนยันเสียงเดียวกัน

“ความหมายของมันคือ รัฐมองว่า ชาวนาควรจะขายข้าวหอมมะลิได้เองในตลาดที่ตันละ 14,110 บาท และรัฐทบส่วนต่างให้อีก 890 บาท ถึงจะทำให้ชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลินี้ มีรายได้ค่าข้าวที่ตันละ 15,000 บาท แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น วันนี้ผมพบทั้งชาวนาและ ธกส.เสียงเดียวกันเลยครับว่า ราคาขายจริงที่ชาวนาได้คือ 11,000 บาท เพียงเท่านั้น นั่นแปลว่า รายได้จากการปลูกข้าวคือ 11,000 บวก 890 บาท ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า เกณฑ์การกำหนดราคาอ้างอิงของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ตรงกับสภาพจริงของราคาตลาด และนี่เป็นสาเหตุทำให้ชาวนาที่ควรมีรายได้ตันละ 15,000 บาท ได้เงินเพียง 11,890 บาทเท่านั้น ผมเห็นใจชาวนา ว่าแบบนี้ไม่น่าจะตรงกับหลักการเดิมของนโยบาย” นายกรณ์ กล่าว

‘รอง มทภ.4’ ย้ำชัด การ์ดเกม บิดเบือนประวัติศาสตร์ ซัด ‘คณะก้าวหน้า’ หนุนผลิต เชื่อหวังผลทางการเมือง

จากกรณีมูลนิธิคณะก้าวหน้าให้การสนับสนุนบอร์ดเกม ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปัตตานี ตามที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์เพจเฟสบุ๊ค Urban Creature ได้นำเสนอบอร์ดเกม ที่มีชื่อว่า 'Patani Colonial Territory' ซึ่งเป็นการ์ดเกมสำหรับเยาวชนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปาตานี โดยได้ให้รายละเอียดว่าได้รับการสนับสนุนจากสำนักพิมพ์ KOP1 และได้รับทุนสนับสนุนจาก Common Schoo มูลนิธิคณะก้าวหน้า

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นถกเถียงในทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากการ์ดเกมดังกล่าวมีเนื้อหาสาระที่นำไปสู่ความแตกแยก โดยเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ อาทิ ภาพการ์ดในเกมที่นำมาประชาสัมพันธ์ เรื่อง 'เอ็นร้อยหวาย' ที่ปัจจุบันในวงวิชาการยอมรับว่าเป็น 'เรื่องเสริมแต่งเพิ่มในภายหลัง' ที่ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องราวที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความเกลียดชัง 'รัฐสยาม' แต่ก็ยังมีการนำเรื่องราวสร้างความหวาดกลัวนี้มาใช้ในการประชาสัมพันธ์

ล่าสุด พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งข้อสังเกตถึงการทำบอร์ดเกมดังกล่าวว่า การเคลื่อนไหวในประเด็นเรื่องประวัติศาสตร์เชิงบาดแผล เป็นสิ่งที่หน่วยงานด้านความมั่นคงมีความกังวลอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นล่าสุดที่ได้มีการนำประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาผลิตเป็นการ์ดเกม และได้ออกแคมเปญโฆษณาเพื่อดึงเยาวชนเข้ามาทำการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงเพราะการ์ดเกมเข้าถึงกลุ่มเยาวชนได้ง่าย

ทั้งนี้ เมื่อย้อนไปดูประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลในหลาย ๆ เหตุการณ์ กลับพบว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการปั้นแต่งขึ้นมา เช่น การจับคนมลายู เจาะเอ็นร้อยหวาย แล้วนำไปขุดคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างยาวนาน แต่ทว่าในเรื่องดังกล่าวนี้ ได้มีการศึกษาอย่างละเอียด ทั้งในเชิงการแพทย์ ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์การขุดคลองแสนแสบ พบว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนมลายูที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยในขณะนั้นแต่อย่างใด

โดยเฉพาะในข้อเท็จจริงเชิงการแพทย์นั้น แทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย ที่จะนำประชาชนถูกเจาะเอ็นร้อยหวายไปทำงานหนัก ขณะที่ในเชิงประวัติศาสตร์ ได้มีนักวิชาการศึกษาวิจัยมาอย่างถ่องแท้แล้วว่า การขุดคลองแสนแสบนั้นเกิดขึ้นในสมัยใด ส่วนแรงงานกว่า 90% เป็นชาวจีนโพ้นทะเล และมีแรงงานชาวลาวอีกส่วนหนึ่ง โดยไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่า ได้นำเชลยมาเจาะเอ็นร้อยหวาย มาขุดคลองแสนแสบแต่อย่างใด

‘สมคิด’ จวก ‘ประยุทธ์’ ต้องหยุดกู้เงินเพิ่ม ชี้!! ไม่ควรสร้างภาระให้รัฐบาลรุ่นต่อไป

(29 พ.ย. 65) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่านายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จะบรรจุพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ....  เข้าสู่การพิจารณาของสภาเมื่อใด แต่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายกัญชา สร้างความแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างชัดเจนอันเนื่องมาจากนโยบายกัญชาเสรี เพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และยังชัดเจนว่าไม่รับนโยบายดังกล่าวแม้จะอ้างว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่เพราะความไม่ชัดเจนของกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา อีกทั้งเกรงว่าจะส่งผลกระทบกับภาพรวมของสังคมไทย แม้จะมีความขัดแย้งกันในเรื่องของกฎหมายกัญชา แต่ยังคงสร้างภาพให้ดูว่าสมัครสมานกลมเกลียวกัน เพราะถึงอย่างไรพรรคร่วมรัฐบาลคงต้องกอดคอกันไปจนนาทีสุดท้ายของรัฐบาล

นายสมคิด กล่าวต่อว่า ในส่วนของการปรับคณะรัฐมนตรี ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ออกมาส่งสัญญาณถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในตำแหน่งที่ว่างลง น่าประหลาดใจว่าทำไมนายจุรินทร์เพิ่งมาทวงเอาตอนนี้ ทิ้งเวลาผ่านไปนานเกือบ 2 เดือน แม้การปรับคณะรัฐมนตรีจะเป็นอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ นายจุรินทร์ต้องทวงตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ การปรับคณะรัฐมนตรีขึ้นกับพล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top