Tuesday, 1 July 2025
PoliticsQUIZ

'ยิ่งลักษณ์' โพสต์ข้อความ สะเทือนใจที่เห็นพี่น้องประชาชนไทยเสียชีวิตบนถนน ย้ำ รัฐบาลบริหารวิกฤติผิดพลาด ซ้ำยังมองประชาชนเป็นภาระ

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ว่า...

ดิฉันรู้สึกหดหู่ สะเทือนใจ และแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่ามีพี่น้องประชาชนคนไทยต้องเสียชีวิตบนท้องถนน ไร้การเหลียวแล จึงขอตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่าปล่อยให้ประเทศเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทำไมรัฐบาลทำให้ประชาชนต้องเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงในการดูแลประชาชน อีกทั้งยังทำให้บุคลากรด่านหน้า แพทย์ พยาบาล หมดขวัญกำลังใจ อ่อนล้า ขาดหลักประกันที่ดีเพราะไม่มีวัคซีนที่มีคุณภาพเพียงพอในการเป็นเกราะปกป้องโรคร้าย

ดิฉันขอแสดงความเสียใจ และขอร่วมแบ่งปันความโศกเศร้ากับหลายครอบครัวที่ต้องอยู่ในสภาพเห็นคนที่รักล้มหายไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ซึ่งต้นตอเกิดจากการที่รัฐบาลไม่ได้วางแผนให้รอบคอบ รัดกุม ขาดวิสัยทัศน์ในการรับมือกับวิกฤติโรคระบาดในระยะยาว มีแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะการบริหารระบบสาธารณสุขที่มีการรวบอำนาจ แต่กลับบริหารผิดพลาด ขาดแคลนเตียง ไร้การตรวจเชิงรุกที่มากพอ วัคซีนไม่ทั่วถึง และคุณภาพเป็นที่กังขา แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่เคยน้อมรับความผิดพลาดและขอโทษ มิหนำซ้ำยังกลับมองว่าประชาชนทำตัวเป็นภาระ ทั้ง ๆ ที่เกิดจากความหละหลวมของรัฐบาล

ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้คนไทยอดทน ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ ขณะเดียวกันขอเป็นอีกหนึ่งเสียงในการเรียกร้องให้รัฐบาลทำงานเชิงรุก เพื่อสร้างความอุ่นใจให้ประชาชน ด้วยการนำความทุกข์ยากของประชาชนเป็นหัวใจในการนำเสนอแผนที่ชัดเจนในการบริหารจัดการ และกำหนดเป้าหมายร่วมกันกับทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเป็นผู้นำพึงมีในการนำพาประเทศผ่านพ้นความยากลำบากครั้งนี้ให้ได้


ที่มา: https://www.facebook.com/105044319540032/posts/4555155527862200/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“แรมโบ้” ซัด “ยิ่งลักษณ์” อย่าทำตัวดราม่า ทำไมไม่สะเทือนใจ กับครอบครัวชาวนาที่ผูกคอตายจากการถูกโกงในโครงการจำนำข้าวบ้าง หนีคดีไปอยู่สุขสบายจะไปเข้าใจการทำงานของรัฐบาลนี้ได้อย่างไร

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลที่ล้มเหลว ไม่ได้วางแผน นายเสกสกล ยืนยันว่าไม่มีนายกฯคนในรัฐบาล หรือใครอยากให้มีผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต หรือแม้แต่มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนแม้แต่คนเดียว แต่นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยนิ่งนอนใจที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างสุดความสามารถ ทำเต็มที่ที่สุด และหามาตรการต่างๆออกมาเพื่อที่จะให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ ซึ่งขอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ได้เข้าใจในสถานการณ์ประเทศในขณะนี้ด้วย 

นายเสกสกลยังชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของประชาชนที่บริเวณถนนราชดำเนิน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่ได้เป็นเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด โดยทาง กทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจจัดส่งเจ้าหน้าที่เขตลงพื้นที่เพื่อดูแลทันที พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เข้ามาชันสูตรพลิกศพ และเนื่องจากกลุ่มคนไร้บ้านเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจเข้าเก็บศพด้วยความระมัดระวัง

ส่วนที่บริเวณตรอกบ้านพานถม เมื่อได้รับแจ้งเหตุแล้ว สำนักอนามัย โดยศูนย์บริการสาธารณสุข 9 ได้จัดเจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกัน PPE  ลงพื้นที่ให้การดูแลและปฐมพยาบาลในเบื้องต้น จากนั้นพบว่าได้เสียชีวิตแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการชันสูตรพลิกศพและเคลื่อนย้ายศพตามกระบวนการ และสาเหตุที่ใช้เวลานานเนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่และรถที่จะใช้เคลื่อนย้ายศพเฉพาะกิจดังกล่าวมีไม่เพียงพอ และหน่วยงานมีภารกิจต้องรับส่งศพผู้ป่วยโควิดหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตที่หน้าโลตัส พระราม 4 นั้นได้นำส่ง รพ.จุฬา  ซึ่งผลตรวจบางรายไม่พบเชื้อโควิดและบางรายต้องรอผลอย่างเป็นทางการ

นายเสกสกลระบุว่าที่นางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่าต้นตอเกิดจากการที่รัฐบาลไม่ได้วางแผนให้รอบคอบ รัดกุม ขาดวิสัยทัศน์ในการรับมือกับวิกฤติโรคระบาดในระยะยาว ยืนยันว่าการทำงานของนายกฯในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้ทำงานแต่เพียงผู้เดียว แต่ได้ทำงานร่วมกันกับรัฐมนตรี บุคลากรทางการแพทย์ และทุกหน่วนงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วในการวางแผนแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น

“นางสาวยิ่งลักษณ์ ที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ มีความสุขสบาย จะไปเข้าใจในสถานการณ์ประเทศไทย และการทำงานของนายกฯ รัฐบาล ได้อย่างไร และที่นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคนทำงาน ตนอยากถามว่านางสาวยิ่งลักษณ์ เคยทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศบ้าง นอกจากสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นมากมายในขณะที่ตนเองเป็นนายกฯจนนายกฯประยุทธ์คนนี้แหล่ะที่ต้องออกมาแก้ไขปัญหาให้ แบบนี้เรียกว่าขาดวิสัยทัศน์หรือไม่

และถ้านางสาวยิ่งลักษณ์อยากช่วยคนไทย ช่วยประเทศไทยให้พ้นวิกฤตจริงตนเองขอแค่ให้เลิกออกมาแสดงความเห็นต่างๆ เพราะการออกมาไม่ได้สร้างประโยชน์ แต่จะทำให้ บุคลากรทางการแพทย์ และคนทำงานหมดกำลังใจ อีกทั้งประชาชนจะเกิดความสับสน หรืออาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก เพราะขณะนี้ประเทศต้องการความร่วมมืออย่างมากเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้เร็วที่สุด 

ตนเองก็มองว่าไม่ว่าจะเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จะออกมาแสดงความเห็น กล่าวหาโจมตีนายกฯ รัฐบาล ในการทำงานขณะนี้ ช่วยพรรคเพื่อไทย กดดันให้นายกฯลาออก ให้พรรคเพื่อไทยให้กลับมามีอำนาจ จะได้นำนางสาวยิ่งลักษณ์ และนายทักษิณ กลับประเทศ ตนเองก็ขอย้ำว่าคงยังไม่ได้กลับ เพราะนายกฯจะอยู่แก้ไขปัญหาจนครบเทอม แต่หากอยากกลับประเทศมากตนเองก็ขอย้ำเช่นเดิม 2 ข้อ คือกลับมารับโทษตามกระบวนการกฎหมาย และชดใช้หนี้ที่เคยปล้นประชาชนไป

"นางสาวยิ่งลักษณ์กรุณาอย่าดราม่าให้ตัวเองดูดี เพื่อด้อยค่าคนอื่น ในอดีตที่ชาวนาถูกโกงค่าข้าวจนผูกคอตายไปหลายราย เป็นหนี้เป็นสินจนล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัว ทำไมนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่แสดงความห่วงใจ สะเทือนใจ หันมาเหลียวแลครอบครัวชาวนาเหล่านั้นบ้างละ หรือว่าลืมชาวนาที่ถูกโกงเหล่านั้นไปจากใจเสียแล้ว" นายเสกสกล กล่าว

Call Out!! ฉัน​ต้องการเสียงดัง ๆ​ ของ​ 'เธอ'​

แทบจะเป็นธรรมเนียมไปแล้ว​ ในทุกๆ​ ครั้งที่อุณหภูมิทางการเมืองระอุ​ และมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง​

และเหล่า​ 'คนดัง'​ หรือ​ 'มีชื่อเสียง​'​ ก็มักจะต้องถูกดึงเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงออก โดยมีผู้คนในโลกโซเชียลคอยกดดันผ่านแฮชแท็กมากมายในหลาย ๆ​ แพลตฟอร์ม​ เช่น​ ทวิตเตอร์

#วันนี้ดาราcalloutหรือยัง

กระแสเหล่านี้รุนแรงและเป็นแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นถี่มากในตอนนี้แก่เหล่าคนดัง!!

ว่าแต่ทำไมต้องเป็นศิลปินและดารา?

การดันแฮชแท็กเหล่านี้​ เพื่อเรียกร้องให้ทั้งดารา/ศิลปินใน ‘ไทย’ และ ‘ไอดอลคนไทยในต่างประเทศ’ ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือจุดยืนในเรื่องการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นนั้น

เนื่องจากความสนใจหรือการตั้งคำถามผ่าน เสียงหรือข้อความของเหล่าดารา/ศิลปินน​ั้น​ มีความ​ Impact​ ต่อสังคมอย่างมาก​ ยิ่งดาราคนนั้นดังมากเท่าไร​ เสียงก็จะยิ่งดังชัดขึ้นต่อการเมืองในช่วงนั้น

เพราะพวกเขา​ คือ Influencer หรือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงการเป็นผู้มีอิทธิพลต่อกระแสภายในสังคม

และด้วยความเป็น ‘ผู้มีอิทธิพลทางสื่อ’ เป็น ‘ผู้มีชื่อเสียง’ จึงพ่วงมาด้วยการมีผู้ติดตามจำนวนมาก

นั่นหมายความว่าการเคลื่อนไหวของบุคคลเหล่านี้บนโซเชียลมีเดียในแต่ละครั้งไม่ว่าจะในด้านใด (จะเป็นการรีวิวสินค้า/ขายของ หรือการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง) ผู้คนที่ติดตามโซเชียลของบุคคลเหล่านี้ก็จะรับรู้เรื่องราวและส่งต่อสารที่สื่อออกมาได้กว้างขวางมากขึ้น

ฉะนั้น​ ถ้าคุณทำอะไรก็ดัง​ ขายของ​ รีวิวสินค้า โน้มน้าวชักจูงใจคน​ และแฟนคลับได้ ก็ต้องออกมาเป็นกระบอกเสียงในเรื่องการเมือง​ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมวงกว้างได้ด้วยเช่นกัน​ (แกมบังคับเนาะ)​

แน่นอนว่า​ การออกมาแสดงความคิดเห็น หรือจุดยืนทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อตัวดารา/ศิลปิน ทั้งในเรื่องของชีวิต หน้าที่การงาน ครอบครัวหรือคนรอบข้างได้

แต่กลุ่มที่ต้องการให้ Call​ Out​ ก็จะมีการพูดว่าคนดังที่ออกมาเชียร์จะไม่ถูกคุกคาม​ และถ้าคุณกล้าออกมา​ Call​ Out​ พวกเราก็จะสนับสนุนคุณ​ตลอดไป (แม้สุดท้ายจะเกิดผู้ไม่สนับสนุนอีกฟากเกิดตามมาก็ตาม)​

ถึงกระนั้น​ ทุกวันนี้​ ศิลปิน/ดาราไทยหลายคน​ ก็เริ่มจะออกมาเป็นกระบอกเสียง และ​ Call​ Out​ ในทางการเมืองมากขึ้น​ ซึ่งจะด้วย 'จุดยืนส่วนตัว'​ หรือ 'แรงกดดัน'​ จากสังคมก็บอกได้ยาก...

แต่อย่างไรเสีย​ สิ่งที่อยากฝากคนไทยไว้​ คือ​ การออกมาหรือไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น ย่อมเป็นสิทธิของแต่ละคนตามหลักของประชาธิปไตยที่บอกว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกทางความคิดเห็น

เช่นเดียวกันกับตัวประชาชนเอง​ ก็มีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ หรือเลือกที่จะติดตามหรือไม่ติดตามต่อก็ได้เหมือนกัน...

เรื่องนี้ต้องแยกแยะให้ออกด้วย!!


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“องอาจ”เสนอ"บิ๊กตู่"ใช้ค่ายทหารทั่วประเทศ ทำ รพ.สนาม  หนุนทบ.ตั้งศูนย์ต้านภัยโควิด แนะดึงทร.-ทอ.ร่วมด้วย

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า เฟซบุ๊กศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกได้เผยแพร่ข้อมูลระบุว่ากองทัพบกได้เริ่มตั้งศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 เพื่อเป็นสื่อกลางช่วยผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบรักษาไปยังศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิดของรัฐบาล (อาคารนิมิบุตร) หรือสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงช่วยเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลสนามที่จัดเตรียมไว้ ทั้งโรงพยาบาลสนาม ทบ. 18 แห่ง โรงพยาบาลค่าย ทบ. 29 แห่ง และศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 ของกรุงเทพฯ 17 แห่ง รวมถึงมีฌาปนสถานของ ทบ.อีก 4 แห่งไว้รองรับ จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่กองทัพบกได้เริ่มเข้ามาช่วยรับ-ส่งฟรี 24 ชั่วโมง ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้หายป่วยเคลื่อนย้ายศพและฌาปนกิจศพ  อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินการสามารถช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้มากขึ้น เพราะแนวโน้มการแพร่ระบาดยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง 

นายองอาจ กล่าวอีกว่า ตนจึงขอเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ดังนี้ 1.ควรนำค่ายทหารทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายทหารในกรุงเทพฯ มาทำเป็นโรงพยาบาลสนาม และจุดพักคอยเพิ่มขึ้น และ 2.ควรแปรสภาพศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 ของกองทัพบกให้เป็นศูนย์ของกองทัพไทย รวมถึงประสานให้กองทัพเรือและกองทัพอากาศเข้ามาทำงานช่วยเหลือประชาชนด้วย  3.ควรสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอต่อการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ควรปล่อยผู้นำหน่วยไปหางบทำงานกันเอง  ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์สามารถทำตามข้อเสนอนี้ได้ จะช่วยผู้ป่วยติดเชื้อและครอบครัวได้อีกจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐดีขึ้นอย่างแน่นอน

“สงคราม” ไล่ “บิ๊กตู่” อย่าอยู่สร้างหายนะให้ประเทศอีกเลย อัดส่งลิ่วล้อไล่ฟ้องดารา ศิลปินหวังใช้กฎหมายปิดปาก ประชาชน

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด แม้รัฐบาลขยายระยะเวลาบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน รวมทั้งออกมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นในหลายพื้นที่ แต่ผลที่ออกมาคือไม่สามารถหยุดการระบาดของเชื้อไวรัสได้ นับวันมีแต่รุนแรงขึ้นมีประชาชนติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักหมื่นทุกวัน ชัดเจนว่ารัฐบาลใช้แต่อำนาจแต่ทำงานไม่เป็นแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะแม้แต่ตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่กล้ามาทำงานในทำเนียบแล้วประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลได้อย่างไร

การประกาศปิดกิจการของผู้ประกอบการหลายหลายอาชีพ ตามมาตรการรัฐบาลเป็นการทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ รัฐบาลอ้างเพื่อควบคุมการระบาดแต่ในความเป็นจริงมันควบคุมไม่ได้ แต่รัฐได้ทำลายระบบเศรษฐกิจไทยลงอย่างย่อยยับที่สุด ทำคนตกงานหลายล้านคน ในขณะที่การชดเชยให้กับผู้ประกอบการและลูกจ้าง รัฐกลับใช้เวลานานมากกว่าจะชดเชยให้กับคนเหล่านี้ได้ แต่เวลาใช้อำนาจกลับสั่งปิดกิจการทันที ประชาชนมองว่าพลเอกประยุทธ์เก่งแต่อำนานแต่ทำงานไม่เป็น

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า การที่บรรดาลิ่วล้อของพลเอกประยุทธ์ ออกมาฟ้องร้องประชาชนศิลปิน ดารา ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ด้วยข้อความต่างๆ สร้างความไม่พอใจให้พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลเป็นอย่างมาก ดังนั้นการออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ เป็นไปตามความต้องการของพลเอกประยุทธ์ เพราะต้องการใช้กฎหมายปิดปากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ให้ออกมาพูด แม้รัฐบาลจะบริหารงานได้ห่วยแค่ไหน ไร้ความรับผิดชอบจนมีผู้ติดเชื้อนอนตายข้างถนน รัฐบาลกลับไม่รับผิดชอบชีวิตประชาชน หากเป็นแบบนี้ไม่ต้องมีรัฐบาลก็ได้ พลเอกประยุทธ์ เก่งแต่ใช้อำนาจกับประชาชน แต่ไม่รับผิดชอบความเดือดร้อนและความตายประชาชน ควรออกไปได้แล้ว อย่าอยู่เพื่อสร้างความหายนะให้กับประเทศอีกเลย

“ประวิตร” ถกปคม.ไฟเขียวแผนป้องค้ามนุษย์ ปี64-65 เห็นชอบตั้ง “พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์” ปธ.อนุกกฯต้านค้ามนุษย์ไทย-สหรัฐฯ  ย้ำ ยกระดับการทำงานจนท.รัฐ รองรับมาตรการสากล 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.)ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วม

โดยที่ประชุมเห็นชอบ แผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี 64-65 และโครงการสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ 3 ด้าน คือ 1.ด้านดำเนินคดี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบ 2.ด้านคุ้มครองช่วยเหลือ ให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯรับผิดชอบ และ 3.ด้านป้องกัน ให้กระทรวงแรงงานรับผิดชอบ และเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ไทย-สหรัฐ(ฝ่ายไทย) โดยมี พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการต่อต้านการค้ามนุษย์ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ให้มีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบรายงานผลการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ดังนี้โดยแนวโน้มสถานการณ์การค้ามนุษย์ในรูปแบบออนไลน์และแรงงานบังคับเพิ่มสูงขึ้น การจำกัดการเคลื่อนที่และการสื่อสารของผู้เสียหายที่ถูกบังคับกักตัวในสถานคุ้มครองของรัฐ ควรมีการวิเคราะห์ผู้เสียหายเป็นรายบุคคล ส่วนการคัดกรองคดียังประสบปัญหาความชัดเจน ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขาดแคลนล่ามผู้เชี่ยวชาญ จึงควรยกระดับการแก้ปัญหาร่วมกัน  และรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ทิปรีพอร์ต ประจำปี64 ของสหรัฐ ที่ปรับระดับประเทศไทยจากระดับ 2 (Tier 2)ไปอยู่ในระดับ 2 ที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) โดยสหรัฐฯได้เห็นถึงความพยายาม ของไทยและพร้อมให้ข้อแนะนำเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้บรรลุเป้าหมาย ต่อไป

จากนั้นพล.ประวิตร เป็นประธานประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยที่ประชุมเห็นชอบ แต่งตั้งพล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธานอนุกรรมการ พัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้เป็นที่ยอมรับและยกระดับสู่มาตรฐานสากล ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นกลไกสำคัญในการต่อต้านการค้ามนุษย์ จะต้องเร่งรัดดำเนินงานให้เห็นผล เป็นรูปธรรม เพื่อแสดงความจริงใจ ต่อการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และต้องบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม และเด็ดขาดให้มากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ให้มุ่งมั่นทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงหลักสิทธิมนุษยชน เป็นสำคัญ

“บิ๊กตู่” สั่งปัดฝุ่น “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้ หวังกระตุ้นการใช้จ่ายปลายปี

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบหมายในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งโครงการคนละครึ่ง และโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ หรือพิจารณานำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเร่งให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายของโครงการ 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังอยากเห็นการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการของรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อร่วมโครงการ ชี้แจงข้อสงสัย รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ  ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้าใจในมาตรการรัฐในระดับพื้นที่ด้วย พร้อมขอให้ ศบศ. นำผลการหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนในการประชุม 40 ซีอีโอพลัส มาขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19  ร่วมฟื้นฟูประเทศร่วมกับภาคเอกชน 

“นายกฯ ยังขอให้เร่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น การดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าประเทศไทย ผู้มีกำลังซื้อสูง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้สูงอายุ เพื่อสนับสนุนกำลังซื้อภายในประเทศอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ได้สั่งการในที่ประชุมครม. ให้เร่งพิจารณาแผนงานของทุกกระทรวง ที่อยู่ภายใต้งบประมาณฯปี 64 และ 65  ที่เบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย หากโครงการใดที่ติดขัดเพราะสถานการณ์โควิด-19 ก็สามารถชะลอได้ และพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด”  

ลูกหนี้ กยศ.ยิ้มได้ รัฐสนับสนุน ช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง สู้ภัยโควิด  ผ่อนสูงสุด 30 ปี หักเงินเดือนขั้นต่ำเพียง 10 บาท   เริ่มสิงหาคม 2564 - มิถุนายน 2565 นี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผย พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรีย้ำความสำคัญในการช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาและผู้ปกครอง ลดบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษารวมทั้งลูกหนี้ กยศ.  ล่าสุดกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เห็นชอบมาตรช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมจากที่ได้ยกเลิกกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุนในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564  โดยเตรียมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ผู้กู้ยืม ปรับลำดับตัดชำระหนี้และปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ ผู้กู้ยืมที่อยู่ในระบบหักเงินเดือนสามารถขอปรับลดจำนวนเงินที่หักเหลือขั้นต่ำ 10 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 - มิถุนายน 2565   นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวตกรรม นำมาตรการลดค่าค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาในปีการศึกษา 2564 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า (27 กรกฎาคม 2564) ด้วย

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  กยศ.  เตรียมแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับเปลี่ยนลำดับตัดชำระหนี้และเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระสำหรับผู้กู้ยืมกลุ่มก่อนฟ้องคดีเพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ค้างชำระและลดปัญหาหนี้ค้างชำระของกองทุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนี้ 1. ปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระหนี้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี หากไม่สามารถผ่อนชำระเงินคืนตามสัญญา กองทุนจะให้ผู้กู้ยืมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้โดยขยายระยะเวลาผ่อน และเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อให้มีระยะเวลาในการผ่อนชำระมากขึ้น สามารถผ่อนได้สูงสุด 30 ปี แต่ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ และมีส่วนลดเบี้ยปรับโดยให้ชำระในงวดสุดท้าย ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถแจ้งความประสงค์ขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ.Connect หรือทางเว็บไซต์ https:/wsa.dsl.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป 

2. ปรับเปลี่ยนลำดับตัดชำระหนี้ สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระเงินคืนกองทุนที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี จากเดิมที่ใช้วิธีการตัดเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น กองทุนจะปรับเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ โดยจะนำเงินที่ได้รับชำระไปตัดเงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ 3. ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินคืน สำหรับผู้กู้ยืมรายใหม่ และผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างปลอดหนี้และยังไม่ครบกำหนดชำระหนี้ จากเดิมที่ผ่อนชำระเป็นรายปี กองทุนจะปรับให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน และเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระจากเดิมไม่เกิน 15 ปี เป็นไม่เกิน 30 ปี ขึ้นอยู่กับยอดหนี้ของผู้กู้ยืมแต่ละราย ทั้งนี้ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมจะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ โดยลดเบี้ยปรับให้เหลือเพียง 0.5% กรณีผู้กู้ยืมไม่สามารถชำระหนี้ได้ในสถานการณ์นี้ รวมทั้งชะลอการฟ้องคดี บังคับคดี ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความ และงดการขายทอดตลาดไว้จนถึงสิ้นปีนี้

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการแก้ปัญญาหนี้ภาคประชาชน  ส่งเสริมสร้างวินัยทางการเงิน  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังสนับสนุนนโยบาย กยศ. ในการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ให้มีความสามารถในการชำระหนี้คืนจากมาตรการต่างๆของกองทุน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อลูกหนี้ กยศ. ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้จำนวน 3.5 ล้านราย หากสนใจก็สามารถเข้าร่วมโครงการ ก็จะได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ในครั้งนี้ด้วย” นางสาว รัชดากล่าว

“แรมโบ้”ปัดพัลวัน “สนธิญา” ไม่ใช่ลูกน้อง ชี้ แจ้งเตือนดารา คอลเอาท์ทำเอง ยันไม่เกี่ยว “บิ๊กตู่” 

นายเสกสกลอัตราวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกครั้งกรณีที่มีสื่อบางฉบับ และผู้ดำเนินรายการบางคน กล่าวหาว่าใช้ให้นายสนธิญา สวัสดี ไปยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ให้ตรวจสอบกลุ่มศิลปิน ที่ออกมาคอลเอาท์ รัฐบาล ว่า ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง นายสนธิยาไม่ใช่ลูกน้อง แต่เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และสิ่งที่นายสนธิญาไปทำเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะเห็นว่าคนดังมาโพสต์หรือกล่าวด้อยค่าวัคซีน หรือพูดในทางที่จะเสียหายในภาษาที่ไม่สุภาพ จึงอยากให้ผบช.นตักเตือนคนเหล่านั้น เหมือนคนที่จะมาร่วมชุมนุม ก็ให้ตำรวจออกมาเตือนก่อนว่าผิดกฎหมาย

“ยืนยันว่าเขาทำในนามส่วนบุคคล  ไม่ได้ไปในฐานะที่เป็นตัวแทนของผม ของรัฐบาล หรือของนายกรัฐมนตรี ที่สำคัญผมและนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ใช้ให้ไปทำ และเขาไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษหรือแจ้งความดำเนินคดี แค่ให้ห้ามปราม ตักเตือน ดารา ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เขาจะใช้สิทธิ์ส่วนบุคคล เขาไม่ได้ผมบอกผมก่อน และผมก็ไม่รู้ว่าจะไป ยืนยันว่าไม่ใช่ลูกน้องผม แต่ยอมรับว่ารู้จักและเคยไปร่วมร้องทุกข์กล่าวโทษคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวหารัฐบาลที่กองปราบปราม”

ทบ. แจงผุดภารกิจใช้ C295 เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา ไม่ใช่ลดกระแสโจมตีกองทัพจัดหาเครื่องบินลำเลียง CASA บอกแล้วแต่คนจะมอง แต่ตรรกะที่ผ่านมา ใช้ยานพาหนะ ช่วยเหลือประชาชนตลอด 

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจง กรณีใช้เครื่องบินลำเลียง 295  หรือ C295 มาใช้ในภารกิจรับส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนา  ว่าเป็นการลดกระแสช่วงที่กองทัพโดนโจมตี รวมถึงประเด็นการจัดซื้อเครื่องบินลำเลียง CASA หรือไม่ ว่า แล้วแต่คนจะมอง แต่ยืนยันว่า กองทัพบก  ไม่ได้มองว่าเป็นการลดกระแสอะไร เพราะพิจารณาจากตระกะที่ผ่านมา การใช้ยานพาหนะของทบ. โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์เคลื่อนย้าย เราใช้ยานพาหนะพวกนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะใช้แค่ C295 แต่ก็เล็งใช้ยุทโธปกรณ์อื่นด้วย เพื่อเสริมขีดความสามารถในการช่วยเหลือประชาชน 

ส่วนจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่นั้น พันเอกหญิงศิริจันทร์ ระบุ ขณะนี้เตรียมแสตนบายไว้ 1 ลำ ส่วนการนำคนขึ้นเครื่อง ต้องรับการส่งเคสมาจาก สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ สพฉ. ก่อน เพราะต้องได้รับการอนุญาตจากแพทย์ต้นทาง และต้องมีระบบสาธารณสุขปลายทาง รองรับด้วย 

โดยระยะทางอยากส่งให้ไกลที่สุด เนื่องจากในพื้นที่ใกล้ๆ มีรถดำเนินการอยู่แล้ว  ผบ.ทบ. จึงอยากย่นระยะการเดินทางระยะไกล  โดยไกลสุด จะอยู่ที่ชั่วโมงบิน 2-2 ชั่วโมงครึ่ง  เหนือ ใต้ อีสาน ไปได้หมด  อาจมีข้อจำกัด คือ จังหวัดที่ไปจะต้องมีสนามบินให้ลง  หรือลงจังหวัดใกล้เคียงได้ ก็ต้องมีรถมารองรับ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top