Monday, 9 June 2025
PoliticsQUIZ

เกิดเหตุระเบิดในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา โดยกองบัญชาการตำรวจในเมืองแนชวิลล์ เชื่อว่าเป็นเหตุวางระเบิด จากรายงานของ The Associated Press

ดอน แอรอน โฆษกตำรวจ ระบุว่า เหตุระเบิดเมื่อเวลา 6.30 น. ในวันคริสต์มาสตามเวลาท้องถิ่น เป็นการตั้งใจวางระเบิด โดยเหตุระเบิดครั้งนี้ทำให้อาคารบ้านเรือนสั่นสะเทือนและเสียหาย กระจกแตก มีผู้ได้รับบาดเจ็บและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 3 คน แม้จะไม่มีใครมีอาการสาหัสก็ตาม

ตำรวจยังเชื่อด้วยว่ามียานพาหนะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้ โดยรายงานระบุว่าการระเบิดเกิดจากรถแบบ RV คันหนึ่งที่จอดอยู่ และหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ก่อนการระเบิดมีการเผยแพร่คำเตือนล่วงหน้าด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง รวมทั้งนักสืบจากสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ และจากสำนักงานแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืน และอาวุธระเบิด หรือ ATF กำลังร่วมสืบสวนการระเบิดอย่างหนัก

สำหรับบริเวณที่เกิดเหตุเป็นย่านท่องเที่ยวและย่านใจกลางของเมืองแนชวิลล์ มีทั้งบาร์ ร้านอาหาร ร้านขายปลีก โดยหลังเกิดเหตุมีควันดำและเพลิงไหม้พวยพุ่งจากบริเวณดังกล่าว

ทัพบกอ้าแขน เปิดรับทหารกล้ารุ่นใหม่!! จัดโควตาเยาวชนเรียนดี ในถิ่นห่างไกล หวังสร้างโอกาสอย่างทั่วถึง สมัครออนไลน์ www.crma.ac.th เริ่ม28 ธ.ค. 63 - 15 ม.ค. 64

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากนโยบายของกองทัพบกในการคัดสรรบุคคลพลเรือนเพื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยทุกปีจะเปิดรับสมัครนักเรียน นักศึกษา เพื่อสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของกองทัพบกตามคุณสมบัติที่ทางราชการกำหนด

ทั้งนี้ที่ผ่านมา มีนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่มีความรู้ความสามารถ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องเศรษฐกิจและการเข้าถึงข้อมูล ทำให้ขาดโอกาสที่จะสมัครเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ประกอบกับกองทัพบกต้องการคัดสรรนักเรียนที่เรียนเก่งในระดับแนวหน้าของจังหวัดเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนากองทัพ ทำให้ในปี 2564 กองทัพบกได้มี 'การปรับปรุงแนวทางการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก'

โดยจัดสรรโควตาแบบเฉพาะกลุ่มให้กับเยาวชนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมและเยาวชนในพื้นที่พิเศษ/ห่างไกล ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารบก ที่ต้องการให้โอกาสกับนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดารมีความมุ่งมั่นที่จะเดินในเส้นทางทหารอาชีพ มีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเป็นการกระจายโอกาสไปให้เยาวชนในทุกจังหวัด ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงานด้านความมั่นคง (ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก)

โดยการสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบกในประจำปี 2564 นี้ จะดำเนินการใน 2 ครั้ง คือ การสอบคัดเลือกแบบเฉพาะกลุ่ม ในช่วงเดือนมกราคม และการสอบคัดเลือกในภาพรวมตามปกติ ในห้วงเดือนเมษายน

สำหรับการสอบคัดเลือกแบบเฉพาะกลุ่มกองทัพบกจะเปิดโอกาสให้เยาวชน 2 กลุ่ม เข้ารับการสอบคัดเลือก ประกอบด้วย เยาวชนผู้ที่มีผลการศึกษาและมีลักษณะทหารดีเยี่ยมของแต่จังหวัด จังหวัดละ 1 นาย และเยาวชนผู้ที่อาศัยและศึกษาในพื้นที่พิเศษ ห่างไกล ทุรกันดาร การสอบคัดเลือกแบบเฉพาะกลุ่มจะเปิดรับสมัครทางออนไลน์ที่ www.crma.ac.th ตั้งแต่ 28 ธ.ค. 63 - 15 ม.ค. 64 และกองทัพภาคจะดำเนินการสอบภาควิชาการในพื้นที่เพื่อความสะดวกของนักเรียน โดยกองทัพบกยกเว้นค่าสมัครสอบ และมอบให้หน่วยทหารช่วยอำนวยความสะดวกแก่เยาวชน เช่น การยื่นสมัคร การเดินทางมาสอบ ท้ังนี้ผู้ที่ไม่ผ่านการสอบในแบบกลุ่มเฉพาะ ยังสามารถไปสมัครสอบในภาพรวมรอบปกติได้อีกครั้ง

นโยบายการรับสมัครสอบแบบเฉพาะกลุ่มในปีนี้ กองทัพบกมุ่งหวังเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชนผู้มีฐานะยากจนในถิ่นทุรกันดารและประชาชนทั่วไปที่รักในอาชีพทหาร ได้มีช่องทางและสามารถสมัครเข้ารับการคัดเลือกอย่างเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำ ที่สำคัญเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความมุ่งมั่นและมีอุดมการณ์รักในอาชีพทหารได้เข้ารับราชการอย่างเป็นรูปธรรม จึงขอเชิญชวนเยาวชนที่มีคุณสมบัติยื่นความประสงค์และขอรับการอำนวยความสะดวกในการสมัครสอบได้ที่หน่วยทหารใกล้บ้าน หรือสอบถามได้ที่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 0-37 39-3132 , 0-3739-3010 ถึง 4

กลุ่ม Wevo เจ๋ง!! ดันกิจกรรมช่วยเกษตรกรเลี้ยงกุ้งจังหวัดนครปฐม เหมากุ้งเปิดท้ายขายราคาถูก เชิงสะพานขมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล

ที่เชิงสะพานขมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่ม Welunteer หรือเครือข่ายประชาชนอาสา นำโดย ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ ทำกิจกรรมช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดนครปฐม โดย นำกุ้งขาว จำนวน1 ตัน บรรทุกใส่รถกระบะ 2 คัน มาเปิดท้ายจำหน่ายให้ประชาชนและผู้สนใจ ในราคากิโลกรัมละ 170 บาท

เป้าหมายในครั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งที่ไ้ด้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากจังหวัดนครปฐม เป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร ส่งผลให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลไม่กล้ากินกุ้งและอาหารทะเล โดยประชาชนสนใจมาต่อแถวซื้อกันอย่างคึกคัก

สำหรับผู้สนใจยังสามารถเดินทางมาซื้อได้ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล หรือซื้อจากทางเพจ We Volunteer จนกว่าสินค้าจะหมด โดยตลอดการทำกิจกรรมต้องสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด

ด้านตัวแทนเกษตรกรฯ กล่าวว่า หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ไม่สามารถไปส่งกุ้งที่ตลาดมหาชัยได้ ซึ่งปกติทุก2เดือนจะต้องไปส่งกุ้งขาย 1 รอบ แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดขึ้น ทำให้กุ้งจำหน่ายไม่ได้ เมื่อเห็นโพสต์การช่วยเหลือของกลุ่ม WeVo จึงได้ติดต่อประสานงานมาจัดจำหน่ายในราคาส่ง กิโลกรัมละ 170 บาท พร้อมบริการส่งฟรีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยืนยันว่าการแพร่ระบาดของโรคไม่เกี่ยวข้องกับกุ้ง แต่แนะนำเพื่อความปลอดภัยต้องปรุงอาหารให้สุกเสมอ

ทางกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 112 (ร.112 พัน.2 ) รับซื้อ กุ้งขาว จำนวน 30 กิโลกรัม หลังจากพี่น้องเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งประสบปัญหาในการเลี้ยงและการส่ง – ออก

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้เผยแพร่ข้อมูลและภาพการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ซึ่งทางกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 112 (ร.112 พัน.2 )ได้เข้าช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในพื้นที่ฟาร์มกุ้ง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี

โดยทางหน่วยฯ ดังกล่าว ได้รับซื้อ กุ้งขาว จำนวน 30 กิโลกรัม หลังจากพี่น้องเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งประสบปัญหาในการเลี้ยงและการส่ง – ออก ขายกุ้งในท้องตลาดโดยไม่มีใครกล้าซื้อไปบริโภค

ฉะนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาปัญหาและ สร้างขวัญกำลังใจให้ พี่น้องชาวเกษตรกร ผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน ทางหน่วยฯ จึงได้นำกุ้งที่ซื้อจากพี่น้องชาวเกษตรกร มาทำอาหารมื้อพิเศษ ให้กับน้องๆ พลทหารกองประจำการได้รับประทาน

ทั้งนี้ทางหน่วยฯ ได้ทำตามมาตรการ การป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 คือ ‘กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากาก’ ตามนโยบายของกองทัพบก และกระทรวงสาธารณสุขอีกด้วย

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (26 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 110 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,020 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 15 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,152 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,808 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 110 ราย เป็นคนไทย 11 ราย สัญชาติไอร์แลนด์ 2 ราย
รัสเซีย 2 ราย เยอรมัน 1 ราย
เดินทางมาจากต่างประเทศ จากเมียนมา 2 ราย , รัสเซีย 4 ราย ,อินเดีย 1 ราย,ซาอุดีอาระเบีย 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 1 ราย ,โมซัมบิก 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 3 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,ตุรกี 1 ราย ,ฝรั่งเศส 1 ราย
ผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้ติดเชื้อในประเทศ (อยู่ระหว่างการสอบสวน)
จำนวน 64 ราย จาก เกี่ยวเนื่อง cluster จังหวัดสมุทรสาคร 60 ราย
สัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า 3 ราย และรอสอบสวน 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 30 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 363 ราย รักษาหายแล้ว 355 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.7 แสน เสียชีวิต 20,847 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.02 แสน ราย รักษาหายแล้ว 82,540 ราย เสียชีวิต 449 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.21 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.01  ราย เสียชีวิต 2,552 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.68 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.31 แสน ราย เสียชีวิต 9,062 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,509 ราย รักษาหายแล้ว 58,352 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,439 ราย รักษาหายแล้ว1,303 ราย เสียชีวิต 35 ราย
 

กมธ. การพาณิชย์ แนะรัฐนำบทเรียนราคาหน้ากาก-เจล-แอลกอฮอล์ พุ่งเป็นบทเรียน หลังประชาชนเริ่มเป็นห่วงสินค้าขาดตลาด และราคาอาจพุ่งเว่อร์

อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล และ ถุงมือยาง ภายหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ตามที่พี่น้องประชาชนจำนวนมากได้แสดงความเป็นห่วงมานั้น

เบื้องต้น กมธ.ได้ติดตามสถานการณ์โดยทั่วไปยังเป็นปกติ รัฐบาลดูแลได้เป็นอย่างดี โดยสินค้าเหล่านี้ยังมีจำหน่ายภายในประเทศอย่างเพียงพอ ซึ่ง กมธ.ได้ขอให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ คอยควบคุมปริมาณ รวมไปถึงราคาสินค้าทั้ง 3 อย่าง โดยนำประสบการณ์จากการแพร่ระบาดในรอบแรก ทั้งการเฝ้าติดตาม ลงโทษอย่างเฉียบขาด กับผู้กักตุน และขายเกินราคา เป็นต้น มาใช้สำหรับบริหารจัดการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนครั้งที่ผ่านมาอีก

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบปัญหาขาดแคลนสินค้า หรือขายเกินราคาควบคุม ก็สามารถร้องเรียนผ่านกรมการค้าภายใน หรือกมธ.พาณิชย์ ได้ แต่หากพบสัญญาณผิดปกติเมื่อใด กมธ.ก็จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงทันที

ก.กระทรวงดิจิทัลฯ กางข้อมูลมือโพสต์ข่าวปลอมอันดับ 1 ในรอบเกือบปีที่ผ่านมา พบกว่า 7.8 แสนคน แถมแชร์ต่ออีก 28 ล้านคน ส่วนแชมป์แชร์ข่าวเท็จ และปั้นข่าวลวงอยู่ในวัย 19-34 ปี สัดส่วน ชาย – หญิง สูสีครึ่งต่อครึ่ง

รายงานข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีดีเอส) ระบุว่าจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวบรวมระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 18 ธ.ค. 63 เกี่ยวกับพฤติกรรมการโพสต์และแชร์ข่าวปลอม ของชาวโซเชียลในไทย พบว่า มีจำนวนผู้โพสต์ข่าวปลอม 787,055 คน และผู้แชร์ข่าวปลอม 28,519,534 คน

ทั้งนี้ ข้อมูลระบุว่า ประชาชนในช่วงอายุ 25-34 ปี มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการเผยแพร่ข่าวปลอมมากสุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 48.8% ส่วนกลุ่มอายุอันดับรองลงมา ได้แก่ 18-24 ปี, 35-44 ปี, 45-54 ปี และ 55-64 ปี ตามลำดับ โดยแบ่งกลุ่มตามเพศของพฤติกรรมเผยแพร่ข่าวปลอม มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ ผู้ชาย 51.8% และผู้หญิง 48.2%

ขณะที่ อายุของผู้โพสต์ที่เข้าข่ายเป็นข่าวปลอม กลุ่มอายุ 25-34 ปี ยังนำเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 48.9% ตามมาด้วย อายุ 18-24 ปี, 35-44 ปี , 45-54 ปี และ 55-64 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 53.0% ขณะที่ผู้หญิงอยู่ที่ 47.0%

ในด้านพฤติกรรมการแชร์ข่าวปลอม พบว่าอายุของผู้แชร์ที่เข้าข่ายเป็นข่าวปลอม เกินครี่งหรือประมาณ 53.3% อยู่ใน18-24 ปี อันดับรองลงมา คือ อายุ 25-34 ปี คิดเป็น 41.7% ตามมาด้วย อายุ 45-54 ปี และอายุ 55-64 ปี โดยประชาชนส่วนใหญ่ที่แชร์ข่าวปลอมเป็นผู้ชาย 49.4% ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 50.6%

เกรียนคีย์บอร์ดมีหนาว! ตำรวจภูธรอุดรธานี ควบคุมตัวหนุ่มวัย 30 ปี ตามหมายจับคดีโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท “สนธิ ลิ้มทองกุล”

เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ควบคุมตัว นายนัฐพล ส่อนไชย อายุ 30 ปี จากจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาที่ศาลอาญาเพื่อขออนุญาตฝากขัง หลัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามหมายจับของศาลอาญาลงวันที่ 28 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกไปที่บ้านแล้ว ไม่มาศาลตามกำหนดนัด มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งนายนัฐพลยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง และไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จากนั้นถูกตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ควบคุมตัวมาขึ้นศาลดังกล่าว นับเป็นผู้ต้องหาคนแรกจากรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ที่ถูกจับ

คดีนี้สืบเนื่องมาจากนายสนธิจัดรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ที่เพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ชีวิต เป็นแสงสว่างทางปัญญาให้ประชาชน มีผู้ติดตามมากกว่า 1.7 ล้านคน ปรากฏว่า คลิปไฮไลต์รายการตอนที่ 13 (EP13) หัวข้อ “นโยบายเศรษฐกิจในยุค สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เผยแพร่เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Nattaphol Sonchai โพสต์ข้อความถึงนายสนธิด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย นายสนธิได้ดำเนินคดีกับผู้ที่คอมเมนต์ในลักษณะดังกล่าวตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้บทเรียนแก่ผู้ใช้สื่อโซเชียล และกวาดขยะโซเชียล

โดยที่ผ่านมา มีคนที่ใช้คำหยาบคายและพูดจาดูหมิ่น ติดต่อนายสนธิเพื่อขอขมาหลายครั้ง นายสนธิได้ให้อภัยตลอดมา โดยให้เหตุผลว่า บางรายอายุยังน้อย ไม่อยากให้มีคดีติดตัว บางรายเป็นคนหาเช้ากินค่ำ สงสารครอบครัว จึงให้อภัยและถอนแจ้งความ แม้จะให้อภัยกับผู้ที่อ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หลายครั้ง แต่เหมือนคนที่คอมเมนต์หยาบคายยังไม่หยุดพฤติกรรม ทำให้นายสนธิกล่าวว่า จะไม่ให้อภัยใครอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปไม่ต้องติดต่อเข้ามาขอขมา จะให้ศาลพิพากษาไปเลย นำไปสู่การดำเนินคดีกับนายนัฐพลดังกล่าว และนับจากนี้จะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้สื่อโซเชียล ที่โพสต์ข้อความถึงนายสนธิ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายตามมา

สำหรับโทษของการด่าหรือประจานคนอื่นบนสื่อโซเชียลฯ จะถูกดำเนินคดี 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่มา: เฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (27 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 121 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,141 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 9 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,161 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,920 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 121 ราย เป็นคนไทย 3 ราย สัญชาติรัสเซีย 1 ราย,สวีเดน 2 ราย,โครเอเชีย 1 ราย,เยเมน 1 ราย

เดินทางมาจากต่างประเทศ จากรัสเซีย 1 ราย , เยอรมนี 1 ราย , สวีเดน 2 ราย,ฮังการี 1 ราย , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย , อียิปต์ 2 ราย

ผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ไม่เข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ สัญชาติเมียนมา 1 ราย มาจาก เมียนมา 1 ราย รักษาตัวที่เมียนมา

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 94 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 18 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 364 ราย รักษาหายแล้ว 356 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.07 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.77 แสน เสียชีวิต 20,994 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.04 แสน ราย รักษาหายแล้ว 83,414 ราย เสียชีวิต 451 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.21 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.02 ราย เสียชีวิต 2,579 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.69 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.31 แสน ราย เสียชีวิต 9,067 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,519 ราย รักษาหายแล้ว 58,362 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,440 ราย รักษาหายแล้ว1,303 ราย เสียชีวิต 35 ราย

สื่อรัฐสภา ตั้งฉายารัฐสภา ปี 63 แบบเจ็บๆ คันๆ เหมือนเคย ส่วนปีนี้ใครจะรับฉายาใด ลองไปตามดู!!

ที่ประชุมร่วมกันของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภา เพื่อเป็นการเป็นการสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีข้อสรุปดังนี้

ปลวกจมปลัก1.สภาผู้แทนราษฎร : ปลวกจมปลัก
ปลวกเป็นสัตว์ที่มีการแบ่งงานกันทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด สำหรับสภาผู้แทนราษฎรแล้วมีส.ส.ที่ทำงานดุจปลวกที่ทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเองด้วยการใช้สภาเป็นเครื่องมือเพื่อชิงอำนาจและทำลายล้างฝั่งตรงข้าม ยิ่งนานวันก็จมปลักกลับการทำงานแบบเดิม ไม่ใช้สภาเพื่อประโยชน์ในการระดมสมองและแก้ปัญหาให้กับประชาชน หนำซ้ำตลอดปีมานี้การประชุมสภาฯล่มกลางคันหลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าส.ส.ชุดนี้ไม่ให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯทั้งที่เป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เช่นนี้ ส.ส.ในฐานะคนทำงานจึงเปรียบเป็นปลวกที่จมปลักไม่พัฒนาและจะยิ่งกัดกินหลักการของประชาธิปไตยให้พุกร่อนเข้าไปทุกที  

สภาปรสิต2.วุฒิสภา : สภาปรสิต
ในทางวิทยาศาสตร์มีคำอธิบายถึง 'ปรสิต' ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยผู้อื่นหรือเซลล์ชนิดอื่นเป็นที่พักอาศัยและแหล่งอาหาร และบางครั้งทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่ใช้ประโยชน์นั้นหรือเซลล์ภายในจนเจ็บป่วยหรือถึงกับเสียชีวิต เมื่อกลับมามองในมิติทางการเมืองแล้วจะพบว่าวุฒิสภาชุดนี้ก็มีสภาพไม่ต่างปรสิตที่อาศัยอยู่ในรัฐสภา นอกจากไม่มีผลงานที่เห็นด้วยตาเปล่าเหมือนปรสิตแล้วยังนำมาซึ่งพิษภัยแก่การทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย โดยเฉพาะการพยายามใช้เงื่อนไขในรัฐธรรมนูญมาเป็นข้ออ้างเพื่อชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนทำให้เกิดการตั้งคณะกรรมาธิการรัฐสภาพิจารณาก่อนรับหลักการไปจนถึงการลงชื่อเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ฉายา 'ปรสิต' จึงเหมาะกับวุฒิสภาชุดนี้

ครูใหญ่ไม้เรียวหัก3. 'ชวน หลีกภัย' ประธานสภาผู้แทนราษฎร: ครูใหญ่ไม้เรียวหัก
ทุกครั้งที่ 'ชวน หลีกภัย' ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาไม่เคยถูกกังขาถึงความเป็นกลางแม้แต่ครั้งเดียว และตลอดปีที่ผ่านมาก็ยังยึดแนวทางดังกล่าวไว้ได้อย่างมั่นคง นอกเหนือไปจากการพยายามควบคุมการประชุมสภาแล้ว ประธานสภายังสวมบท 'ครูใหญ่' ที่ถือไม้เรียวคอยกวดขันวินัยของส.ส.ที่หย่อนยานอีกด้วย เช่น การตักเตือนส.ส.ให้สวมหน้ากากในห้องประชุมสภา เพื่อคุมการระบาดของโควิด 19 หรือการขอความร่วมมือส.ส.ให้ความสำคัญกับการประชุมสภา เป็นต้น แต่ปรากฎว่าส.ส.การ์ดตกทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการละเลยการสวมหน้ากากอนามัย หรือแม้แต่อเรื่องเล็กๆอย่างขอความร่วมมือส.ส.งดนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามารับประทานในห้องประชุมก็ไม่เป็นผล และที่ร้ายแรงที่สุด คือ เหตุการณ์สภาล่ม ซึ่งเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าต่อให้ประธานสภาจะยึดมั่นหลักการแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจสร้างเปลี่ยนแปลงได้เพราะส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ เหมือนกับครูใหญ่ที่มีไม้เรียวและต่อให้ฟาดแรงจนไม้เรียวหักคามือ ส.ส.ก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด

หัวตอ รอออเดอร์4. 'พรเพชร วิชิตชลชัย' ประธานวุฒิสภา: "หัวตอ รอออเดอร์"
ถ้าเทียบบารมีทางการเมืองระหว่างเมื่อครั้งเป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติกับประธานวุฒิสภา ถือว่านับตั้งแต่มาเป็นประมุขสภาสูงบารมีของ 'พรเพชร' ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งตอกย้ำด้วยทุกครั้งที่ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในฐานะรองประธานรัฐสภา พบว่าไม่สามารถควบคุมการประชุมให้เป็นที่เรียบร้อยได้เมื่อเทียบกับ 'ชวน หลีกภัย' หลายครั้งที่รับมือกับความเขี้ยวทางการเมืองของส.ส.ฝ่ายค้านไม่ไหว ทำให้การประชุมเกิดความปั่นป่วนเป็นระยะ กลายเป็นหัวหลักหัวตอที่สมาชิกรัฐสภาไม่ค่อยให้ความยำเกรง ไม่เพียงเท่านี้ การทำหน้าที่ของประธานวุฒิสภายังไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองเพราะหลายเรื่องในวุฒิสภากลับปล่อยให้ส.ว.เป็นผู้ชี้นำประธานวุฒิสภาแทน ภาพรวมแบบนี้ทำให้ประธานวุฒิสภาเสมือนหัวหลักหัวตอที่ไม่มีใครสนใจแต่มีหน้าที่แค่รับคำสั่งทำงานเท่านั้น

สุทิน คลังแสง (ประชด)5. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร : สุทิน คลังแสง?
ก่อนอื่นต้องบอกว่าฉายาของผู้นำฝ่ายค้านฯที่ปรากฎออกมานั้นเป็นฉายาที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้เขียนผิดแต่อย่างใด เนื่องจากต่างเห็นตรงกันว่าบทบาทการเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯนั้น 'สมพงษ์' ไม่ได้โดดเด่นสมกับตำแหน่งเท่าใดนัก ตรงกันข้ามกลับเป็น 'สุทิน คลังแสง' ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น หลายต่อหลายครั้งเป็นตัวแทนของฝ่ายค้านไปร่วมประชุมกับฝ่ายรัฐบาลจนทำให้ฝ่ายค้านได้เวลาอภิปรายในสภาอย่างสมน้ำสมเนื้อและสามารถชี้นำสภาในที่ประชุมได้ ผิดกับผู้นำฝ่ายค้านฯตัวจริงที่ยังไม่ทำงานเชิงรุกมากนัก ด้วยเหตุนี้ทำให้อดไม่ได้ว่า 'สุทิน คลังแสง' คือ ผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ใช่ 'สมพงษ์ อมรวิวัฒน์'

ดาวเด่นแห่งปี6.ดาวเด่นแห่งปี : สุทิน คลังแสง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปี 2563 ตลอดทั้งปี 'สุทิน คลังแสง' ในฐานประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ได้อย่างท็อปฟอร์ม หลายครั้งที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรื่องสำคัญและส.ส.ฝ่ายค้านจำนวนไม่น้อยที่อภิปรายนอกประเด็นไปไกลและใช้แต่วาทะศิลป์ในการโจมตี แต่ทุกอย่างก็กลับเข้ารูปเข้ารอยเมื่อ 'สุทิน' ได้ขึ้นอภิปรายสรุปประเด็น การอภิปรายสรุปของประธานวิปฝ่ายค้านไม่ใช่แค่การอภิปรายสรุปเพื่อให้จบตามหน้าที่เท่านั้น เพรายังหยิบจับประเด็นสำคัญบางเรืองที่ส.ส.ฝ่ายค้านอาจไม่ได้พูดถึงหรือพูดถึงแต่ยังไม่มีความชัดเจน มาขยายความเพื่อให้สภาได้ข้อเท็จจริงเพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งดาวสภาประจำปี 2563  จึงตกเป็นของ 'สุทิน คลังแสง' ไปอย่างเอกฉันท์

ดาวดับแห่งปี7.ดาวดับแห่งปี : วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย
การตัดสินตำแหน่งดาวดับแห่งปีในครั้งนี้ถือว่ามีความลำบากเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีข้อเสนอควรให้ 'มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์' ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ สมควรได้รับตำแหน่งนี้ด้วยเช่นกัน ภายหลังมงคลกิตติ์แสดงจุดยืนทางการเมืองที่กลับไปกลับมา นึกอยากจะร่วมรัฐบาลก็ประกาศสนับสนุน แต่วันใดไม่อยากสนับสนุนก็ประกาศขอเป็นฝ่ายค้านอิสระ ซึ่งอาจบอกว่าเป็นส.ส.ไร้จุดยืนก็คงไม่ผิดนัก แต่ถึงที่สุดแล้วสื่อมวลชนรัฐสภามีความเห็นว่าควรให้ตำแหน่งดาวดับเพียงคนเดียว และตำแหน่งนั้นเป็นของ 'วิสาร เตชะธีราวัฒน์' ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ใช้มีดปลอกผลไม้กรีดแขนกลางที่ประชุมสภา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาทางการเมือง ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพราะเป็นการชี้นำให้ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา อีกทั้งยังเป็นส.ส.หลายสมัยและดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อนที่สมควรเป็นแบบอย่างที่ดี แต่กลับแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพื่อหวังผลทางการเมือง จึงหวังว่าตำแหน่งดาวดับที่สื่อมวลชนมอบให้จะทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก

คู่กัดแห่งปี8.คู่กัดแห่งปี : 'สิระ เจนจาคะ' และ 'มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์'
เกือบได้เห็นการวางมวยกลางสภา ภายหลังปฐมบทแห่งความเดือดมาจากกรณีที่ 'มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์' ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งเพราะไม่สามารถควบคุมความสงบได้ ต่อมา 'สิระ เจนจาคะ' ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวตอบโต้ว่า "การออกมาเรียกร้องเช่นนี้ต้องการผลประโยชน์อะไรหรือไม่ หรือเงินหมด เพราะบริจาคเงินเดือนส.ส.ให้ในสถานการณ์โควิดไปแล้ว ซึ่งหากเงินหมดจริงติดต่อผมได้" เรื่องไม่ได้จบแค่นั้นเพราะ 'มงคลลกิตติ์' โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า "เจอสิระที่ไหนจะเอาให้ฟันร่วงหมดปาก" และในที่สุดทั้งสองคนก็ได้เจอหน้ากันจริง โดยเป็นเหตุการณ์ระหว่างที่ 'มงคลกิตติ์' กำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวบริเวณรัฐสภา และได้พบกับ 'สิระ' ทำให้เดินเข้าไปจับแขนสิระแต่สิระสะบัดออก ปรากฎว่า 'มงคลกิตติ์' พยายามเดินตามแต่สิระเดินหนี ที่สุดแล้วต้องถึงมือ 'ชวน หลีกภัย' ที่ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ปรามทั้งสองฝ่ายว่าต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ของสภาด้วย  

เหตุการณ์แห่งปี9.เหตุการณ์แห่งปี : การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 ได้รับการขนานนามว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ยากที่สุด โดยเฉพาะการต้องมีเสียงส.ว.สนับสนุนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เป็นผลให้การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในเดือนก.ย.ไม่สามารถลงมติได้ แต่กลับต้องมาตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ และเมื่อกลับมาประชุมรัฐสภาอีกครั้งในเดือนพ.ย. ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนนำโดยกลุ่มไอลอว์ได้เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนครั้งแรก การประชุมรัฐสภาเวลานั้นไม่ได้เข้มข้นเฉพาะในสภาเท่านั้น แต่นอกสภาก็เดือดไม่แพ้กัน ภายหลังกลุ่มสนับสนุนและคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา และเกิดการปะทะกันเป็นระยะ อีกด้านหนึ่งตำรวจใช้น้ำผสมสารเคมีควบคุมการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร จนกระทั่งที่สุดแล้วเหตุการณ์นอกสภาสงบลงพร้อมด้วยการลงมติของรัฐสภาที่ไม่เห็นด้วยกับการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขต่อไป ด้วยเหตุนี้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาจึงเป็นเหตุการณ์แห่งปีไปอย่างไม่ต้องสงสัย  

วาทะแห่งปี (มันคือแป้ง)10.วาทะแห่งปี : "มันคือแป้ง"
"สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดของรัฐนิวเซาท์เวลส์ อ้างว่าเป็นเฮโรอีน 3.2กิโลกรัม มันคือแป้ง" เป็นการชี้แจงของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 27 ก.พ. เวลานั้น ร.อ.ธรรมนัส ถูกกังขาถึงความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งว่ามีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จนนำมาสู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าการดำรงตำแหน่งของตนเองถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ อย่างไรก็ตาม ร.อ.ธรรมนัส กลับเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับความไว้วางใจจากสภาฯน้อยที่สุดเพียง 269 เสียง โดยที่ร.อ.ธรรมนัส ได้ลงคะแนนไว้วางใจตัวเอง จากเหตุการณ์นี้เองทำให้คะแนนความนิยมของรัฐบาลลดลงและสื่อต่างประเทศก็ได้มีการเปิดเผยข้อมูลการจับกุมร.อ.ธรรมนัสในอดีตด้วย

คนดีศรีสภา11.คนดีศรีสภา : ยกเลิกตำแหน่งนี้ถาวร
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาไม่ได้มอบตำแหน่งคนดีศรีสภาให้กับสมาชิกรัฐสภา เนื่องจากท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ปรากฎว่ามีสมาชิกรัฐสภาคนใดที่จะเป็นแบบตัวอย่างที่ดีในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น สื่อมวลชนประจำรัฐสภา จึงมีความเห็นร่วมกันว่าสมควรยกเลิกตำแหน่งนี้เป็นการถาวร จนกว่าในอนาคตจะมีสมาชิกรัฐสภาที่มีความประพฤติที่เหมาะสม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top