Saturday, 21 June 2025
PoliticsQUIZ

‘โรม’ เดือด เดินหน้าฟ้องหมิ่นฯ ‘สิระ – ชัยยันต์’ กรณีแถลงกล่าวหาใช้เจ้าหน้าที่รัฐคุกคาม ไล่ที่ชาวบ้านเกาะงำ จ.ภูเก็ต เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 50 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมาพร้อมทีมทนายส่วนตัวเพื่อยื่นฟ้อง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ และ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส. ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

นายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินมาที่ศาลอาญา เพื่อจะมาฟ้องนายสิระ ในฐานะประธาน ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงนายชัยยันต์ เนื่องจากทั้งสองคนได้แถลงข่าวในลักษณะที่พยายามทำให้สังคมเข้าใจว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องใน การสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จับเด็กไล่ที่ชาวบ้านออกจากที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยบนเกาะงำ จ.ภูเก็ต การแถลงข่าวดังกล่าวตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนในเวลานั้นเป็น ส.ส. ที่มีอายุงานประมาณ 6 เดือน และเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านคงไม่สามารถไปสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการในลักษณะดังกล่าวได้

ดังนั้นการใส่ความดังกล่าวตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่หมิ่นประมาททำให้ตนได้รับความเสียหาย จึงขอมาใช้สิทธิ์ทางศาลเป็นการคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา มูลค่าการฟ้องของทางแพ่งจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่ก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าว

เมื่อถามว่าการแถลงข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกิดขึ้นก่อนช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่กี่วันเป็นน่าจะเป็นวันที่ วันที่ 8 - 9 ก.พ. ตอนนั้นตนเองก็ได้ยืนยันกับทางสื่อมวลชนโดยมีรูปภาพ ข้อมูล หลักฐานพร้อมที่จะยืนยันได้ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวแน่นอน ว่า โดยการชี้แจงของตนก็ชัดเจน เพราะเท่าที่ทราบนายสิระ และนายชัยยันต์ ก็ไม่ได้มีการขยายความต่อมากนัก แต่สิ่งที่ได้ทำไปแล้ว ตนขอใช้สิทธิ์ทางศาลอยู่ดี ไม่เช่นนั้นก็จะมีกรณีการใส่ความ และเผยแพร่กระจายออกไปทำให้ไม่สามารถอธิบายให้สังคมเข้าใจได้ทั้งหมด

นายรังสิมันต์ เปิดเผยต่อว่า จริง ๆ ตนผิดหวังและเกรงใจ เนื่องจากว่านายชัยยันต์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน เหมือนกับพรรคก้าวไกล แต่กรณีนี้ตนคิดว่าเป็นกรณีส่วนบุคคลดำเนินการแถลงข่าวดังกล่าว และตนได้มีโอกาสพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยแล้วเรื่องที่จะต้องมาใช้สิทธิ์ทางศาลในวันนี้

พท.ชี้! เหตุเข่นฆ่า ปชช.เมียนมา วัดระดับความเป็นมนุษย์ของ "ประยุทธ์" ซัดเลิกหนุนทหารพม่า

วันที่ 2 เมษายน 2564 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พท.กล่าวกรณีทหารเมียนมากระทำรุนแรงเข่นฆ่าประชาชนและชาวกะเหรี่ยงไทใหญ่จนบาดเจ็บล้มตาย สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวโลกเป็นอย่างมากว่า กะเหรี่ยงที่ยังมีชีวิตรอดนับพันคนหลบหนีเข้ามาในชายแดนไทยหวังรักษาชีวิต แต่กลับถูกกีดกันไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ โดยทหารไทยที่บริเวณแม่สามแลบ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ตรึงกำลังกั้นแนวชายแดน ห้ามไม่ให้ผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยงข้ามแดนเข้ามา ถือเป็นการกระทำที่สวนทางคำพูดที่สวยหรูของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกว่าพร้อมเปิดรับผู้ลี้ภัยและดูแลเต็มที่ 

จึงปฏิเสธได้ยากว่าประเทศไทยไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การผลักดันคนหนีตายให้กลับไปในแดนสงครามจึงเท่ากับไล่เขาให้ไปตาย ในทางปฏิบัติแม้ประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี ค.ศ.1951 และไม่มีกฎหมายว่าด้วยผู้ลี้ภัยอย่างเป็นทางการ แต่ไทยเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารด้านประเด็นผู้ลี้ภัย (Executive Committee : ExCom) ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และยังอยู่ในภาคีกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอย่างน้อย 7 ฉบับ ดังนั้นรัฐบาลไทยควรปฏิบัติกับชาวกะเหรี่ยงตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลเหล่านี้ โดยควรให้ที่พักพิงหรือปัจจัยสี่ตามสมควรแก่การดำรงชีวิตอยู่ หากสถานการณ์สงบลงแล้วจึงควรเนินการส่งผู้ลี้ภัยกลับถิ่นในภายหลัง

นางสาวอรุณี กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ชาติที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งประชาคมอาเซียน อีกทั้งยังเคยเป็นประธานอาเซียนมาก่อน แต่ท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมาซึ่งเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันกลับไม่ชัดเจน แม้กระทั่งในเรื่องมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานที่ควรกระทำ ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งจึงอยากขอร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์เห็นคุณค่าของชีวิตคนให้เท่ากัน โดยขอให้ดูแลผู้ลี้ภัยจากเมียนมาทันทีภายใต้การดูแลป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น และอย่าให้เกิดปัญหาซ้อนปัญหาตามมาภายหลัง สิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมาขณะนี้คือสงคราม เหตุใดเพื่อนบ้านอย่างไทย จึงสนับสนุนอุ้มชูทหาร แต่นิ่งเฉยดูดายกับการเข่นฆ่าประชาชน เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นการวัดระดับความเป็นมนุษย์ วัดระดับสติปัญญาและความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาระหว่างประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นอย่างดี

โฆษกรัฐบาล เผย เตรียมใช้แอปพลิเคชันใหม่ "กระเป๋าสุขภาพ - หมอพร้อม" ให้ ปชช. ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ย้ำ นายกฯหวังคนไทยได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่า 60 % เพื่อพร้อมเปิดประเทศได้ปี 65 

วันที่ 2 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า จากการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดเล็กที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานเมื่อช่วงเช้า ได้มีการพูดถึงการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนที่ขณะนี้ได้ทยอยจัดสรรเข้ามาในประเทศ และได้ทยอยฉีด เพื่อให้ครอบคลุมทุกจังหวัดโดยได้พิจารณาระบบแอปพลิเคชันเพื่อให้ประชาชนลงทะเบียน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและกระจายที่ถูกต้อง และเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนสมบูรณ์ 

เป็นการต่อยอดจากแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” มาเป็นแอปพลิเคชันกระเป๋าสุขภาพหรือ "Health wallet” ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย พร้อมประสานหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข จัดทำแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม" เพื่อบริหารจัดการลงทะเบียนให้ประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีน โดยจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบต่อไป

นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯ ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการบริหารจัดการให้ประชาชนคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อจะได้เปิดประเทศอย่างเต็มที่ตามที่ได้เคยพูดกันไว้ โดยนายกฯต้องการให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในปลายปี 64 จะทำให้เปิดประเทศได้อย่างเป็นทางการได้ต้นปี 65

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ‘สามารถ เจนชัยจิตรวนิช’ เย้ย ‘ปิยะบุตร’ เปรียบดัง ‘มวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น’ ไม่ให้ราคา ปมล่า 1 ล้านรายชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์ ชี้สุดสงสาร ยิ่งนานวันคนติดตามยิ่งน้อยลง

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ว่า ตนได้รับข้อมูลจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ส่งมาให้กรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ต้องการที่จะล่ารายชื่อ 1 ล้านรายชื่อ เพื่อ "ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์" ในวันที่ 6 เม.ย.64 โดยตนคิดว่าคนอย่าง นายปิยบุตร เป็นคนไม่มีราคา ไม่มีค่าพอที่จะให้ความสำคัญ และคงไม่มีใครบ้าจี้ไปลงชื่อเพราะกลัวว่าในอนาคตอาจจะต้องเดือดร้อนหรือติดคุกตามไปด้วย

“ทั้งนี้ ผมก็อยากตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพราะมั่นใจว่าจะได้รับเสียงจากประชาชนเพราะทุกวันนี้ก็มีชาวบ้านเสนอมาว่าให้ช่วยบอก นายปิยบุตร ออกนอกประเทศไปเสียที หากมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อนายปิยบุตรจริง คาดว่าคงมีคนเกือบทั้งประเทศที่จะออกมาลงชื่อขับไล่ นายปิยบุตร ออกนอกประเทศ แต่จริงแล้วไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจที่จะขับไล่ใครคนใดออกนอกประเทศจริง มีแต่คนที่ไม่อยากอยู่บ้านไหนก็สามารถเดินทางไปบ้านอื่นได้ ตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หากไม่พอใจกฎหมายรัฐหรือเมืองไหนก็สามารถย้ายถิ่นฐานไปอยู่รัฐอื่นได้”

นายสามารถ เผยอีกว่า นายปิยบุตรก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่พอใจกฎหมายในประเทศไทย ไม่พอใจระบบสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนทั้งประเทศ นายปิยบุตรก็ควรเดินทางออกไปนอกประเทศ ไปอยู่ประเทศที่อยากจะอยู่แต่ไม่รู้ว่าประเทศนั้นๆ เขาอยากจะให้ นายปิยบุตร อยู่หรือไม่เพราะกลัวว่าอาจจะไปเผาบ้านเมืองเขาอีก โดยตนขอยกคำโบราณว่า "เกิดเป็นคนต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ ชีวิตไม่มีทางมืดมน มีแต่จะรุ่งโรจน์เฟื่องฟู" ที่ยกขึ้นมาก็เพื่อเตือนสติ นายปิยบุตร อีกทั้ง ทุกวันนี้ตนรู้สึกสงสาร นายปิยบุตร เพราะยิ่งนานวัน คนที่เดินตามยิ่งน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งเทศบาลหรือท้องถิ่นที่ผ่านมา ทีมของคณะก้าวหน้าก็ได้แค่ 10 เทศบาลเท่านั้นจากทั้งหมด 2,472 แห่ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ

นายสามารถ เผยต่อว่า การที่ นายปิยบุตร จะมาขอรายชื่อไล่ระบอบประยุทธ์นั้น ขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่มี “ระบอบประยุทธ์” ประเทศไทยมีแต่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคนไทยเทิดทูนไว้เหนือเกล้า เพราะคนไทยรักสถาบันพระมหากษัตริย์ และวันที่ 6 เม.ย. ตรงกับวันจักรี ซึ่งพ่อแม่พี่น้องประชาชนจะรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ และในวันที่1 เม.ย. คือตรงกับวันเลิกทาส สมัยรัชกาลที่ 5 อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านรู้ทัน นายปิยบุตร กันหมดฝากบอกมาว่า “มวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น” เหตุจากผลการเลือกตั้งล่าสุดคงจะชัดเจนแล้ว

ศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่ง ‘คลัง’ เรียกเงิน ‘ยิ่งลักษณ์’ จ่ายชดเชยทุจริตจำนำข้าวจำนวน 3.5 หมื่นล้าน ระบุ เป็นการทุจริตในระดับปฏิบัติ มีหลายส่วนราชการเกี่ยวข้อง

ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ่ายค่าชดเชยสินไหมในโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งของกระทรวงการคลังเป็นคำสั่งมิชอบ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่บุคคลเพียงคนเดียวที่มีอำนาจสั่งการ แต่เป็นการดำเนินการผ่านคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกทั้งยังมีส่วนราชการอื่นๆที่ร่วมพิจารณาด้วย

ศาลฯ ได้รวมพิจารณา 4 คดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรี, รมว.คลัง, รมช.คลัง, ปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงคลัง, กรมบังคับคดี, อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร

เนื่องจากถูกเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 3.57 หมื่นล้านบาท จากการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและประธาน กขช. ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยังความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ

โดยศาลพิจารณาแล้ว แม้ฟังได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น การตรวจสอบคุณสมบัติเกษตรกร การลักลอบนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมาสวมสิทธิ การเก็บรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งการทุจริตดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับปฎิบัติการที่มีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้อง แต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกลับไม่ได้มีการดำเนินสอบสวนให้ได้ว่าเจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดจากการทุจริต

อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี รับรู้เฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยูเพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง ส่วนการเป็นประธาน กขช.ก็เข้าประชุมครั้งแรกเพียงครั้งเดียว และมีมาตรการตรวจสอบทุจริตเรื่อยมา จึงไม่ใช่การกระทำที่จงใจปล่อยให้เกิดการทุจริต และไม่ยับยั้งหลังมีหน่วยงานท้วงติง เนื่องจากเป็นการกำกับดูแลของ กขช. ที่มีหลายส่วนราชการ

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังรับว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

ขณะเดียวกัน โครงการรับจำนำเป็นนโยบายสาธารณะที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ไม่ใช่นโยบายแสวงหากำไร จึงไม่สามารถประเมินเรื่องความคุ้มค่าจากผลกำไรขาดทุน การคิดคำนวณความเสียหาย โดยไม่หักรายได้จากการระบายข้าวในอนาคต หรือสินค้าเหลือคงคลัง

“ศรีสุวรรณ” จี้! บิ๊กตู่ เปิดใช้มอเตอร์เวย์โคราช ทั้งที่ค้างจ่ายค่าเวนคืนชาวบ้าน ขู่ ร้อง ป.ป.ช.

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งว่าได้สั่งการเพิ่มเติม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมเร่งรัดจัดการมอเตอร์เวย์บางปะอิน - โคราช เพื่อให้อย่างน้อยเราสามารถเปิดเส้นทางบางช่วงให้ประชาชนใช้สัญจรได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะช่วยบรรเทาความหนาแน่นของการจราจร และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้ในช่วงเทศกาลที่มีประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปท่องเที่ยว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ความห่วงใยของนายกฯ ต่อการเดินทางของประชาชนเป็นเรื่องที่ดี แต่ท่านจะทราบหรือไม่ว่า นับตั้งแต่ท่านนายกฯใช้อำนาจออก พรฎ. เวนคืนที่ดินฯเพื่อก่อสร้างเส้นทางดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้งคือ ตั้งแต่ 26 เมษายน 2556 และ 31 พฤษภาคม 2560 จวบจนปัจจุบันกว่า 9 ปีแล้ว กรมทางหลวงและหรือกระทรวงคมนาคม ยังจ่ายค่าเวนคืนที่ดินให้กับชาวบ้านยังไม่หมดและยังไม่ครบเลย ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ขัดขืน ไม่นำคดีไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองแต่อย่างใด แต่จนบัดนี้เขาเหล่านั้นก็ยังไม่ได้รับเงินค่าเวนคืนเลย ถือได้ว่าเป็นการทำงานที่เช้าชามเย็นชามที่ชุ่ยมาก

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่นายกฯพยายามจะสร้างภาพโดยสั่งการให้เร่งเปิดใช้มอเตอร์เวย์สายดังกล่าวในบางช่วงในข่วงเทศกาลสงกรานต์นี้นั้น ถือเป็นการเยอะเย้ยดูหมิ่นเจ้าของที่ดินและหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ได้รับเงินค่าเวนคืนโดยตรง และไม่มีความละอายใจในการใช้อำนาจดังกล่าวเลย ความรู้สึกของเจ้าของที่ดินเขาจะคิดอย่างไร เมื่อที่ดินของตนถูกรัฐใช้อำนาจทางกฎหมายยึดไปสร้างมอเตอร์เวย์ให้คนใช้ ให้นายทุนมาประมูลเก็บเงิน แต่ตนเองยังไม่ได้รับเงินค่าเวนคืนเลย และต้องไร้ที่ดินทำกิน จะหาที่ดินใหม่มาทำกินก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงิน และราคาที่ดินก็แพงขึ้นทุกวัน เงินค่าเวนคืนก็ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่


 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงทำหนังสือร้องไปยังนายกรัฐมนตรี กับรมว.คมนาคม และอธิบดีกรมทางหลวง ให้เร่งเคลียร์เงิน จ่ายเงินให้กับเจ้าของที่ดินเสีย ก่อนที่จะเปิดใช้บางส่วนในช่วงสงกรานต์นี้ ไม่เช่นนั้นสมาคมฯและชาวบ้านคงต้องนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.หรือฟ้องศาลปกครองเพื่อระงับการเปิดใช้เส้นทางดังกล่าวไว้พรางก่อน จนกว่าจะจ่ายเงินให้กับชาวบ้านเสียก่อน 

"แรมโบ้" ขุดอดีต แฉ "ตู่-เต้น" ข่มขู่ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ซัด! ผู้มีบารมีตัวจริง

เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่นายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธาน นปช. กล่าวปราศรัยถึงตนเองนั้นเป็นเท็จ คนที่ต่อรองเรียกผลประโยชน์ และเอาตำแหน่งทางการเมืองได้ทุกอย่าง ทุกเรื่อง พี่น้องคนเสื้อแดงรู้ดีว่าคือ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ กับนายจตุพร พรหมพันธ์ุ เพราะที่บ้านทั้งสองคนในสมัยนั้นมีข้าราชการวิ่งหาหัวบันไดไม่เคยแห้ง เป็นผู้มีบารมีคับฟ้าตัวจริง ที่นายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องง้อเอาใจทุกอย่าง เพราะกลัวจะพาคนเสื้อแดงหนีไปตั้งพรรคใหม่ ไม่ช่วยพรรคเพื่อไทย จนทำให้บรรดา สส.พรรคเพื่อไทยหลายคนอึดอัดที่ยอมตามใจแกนนำสองคนนี้ทุกอย่าง พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคของนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ สั่งการได้ทุกอย่างทำตัวยิ่งกว่าเจ้าของพรรค

นายเสกสกล กล่าวว่า นายจตุพรอย่าได้นำความเท็จมาใส่ร้ายป้ายสีตนว่าอยู่ที่ไหนหัวหน้าตายหมด เพราะคนอย่างตนไม่เคยเรียกร้องหรือข่มขู่นายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ว่าอยากได้ตำแหน่ง ถ้าไม่ได้ดังใจจะแยกออกมา ตั้งพรรคคนเสื้อแดงข่มขู่ตลอด จนนายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องยอมตามใจทุกอย่างให้นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อเป็นรมช.ถึงสองกระทรวง และให้นายจตุพร และนายณัฐวุฒิอยู่ลำดับบัญชีต้น ๆ ของสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  และยังสามารถกำหนดว่าแกนนำเช่น นพ.เหวง โตจิราการ และคนอื่นมีลำดับที่ดี ๆ และมีตำแหน่งทางการเมืองตามความต้องการของสองคนนี้ได้ทุกตำแหน่งคนในพรรคเพื่อไทยยุคนั้นอึดอัดจนลาออกไปหลายคน สองคนนี้คือผู้มีอิทธิพลตัวจริงที่ทำให้พรรคเพื่อไทยไร้จุดยืนและตกต่ำมาจนทุกวันนี้

นายเสกสกลกล่าวว่า ซึ่งคนเสื้อแดงทุกคนรู้ดีว่า แกนนำสู้เพื่อผลประโยชน์ตนเอง นี่คือการข้ามศพคนเสื้อแดงนับร้อยศพเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองเพื่ออำนาจของตนทำให้คนเสื้อแดงรู้ทันแกนนำเหล่านี้จึงเริ่มถอยออกไปเรื่อย ๆ เริ่มไม่เชื่อแกนนำนปช.อีกต่อไป อย่างนี้จะเรียกว่า หลอกคนเสื้อแดงมาตายเพื่อเซ่นตำแหน่งให้กับแกนนำนปช.เหล่านี้

"คนที่ขู่และสั่งนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ได้คือสองคนนี้เท่านั้น เพราะกลัวแยกไปตั้งพรรคใหม่ จึงสามารถชี้นิ้วบันดาลความต้องการได้ทุกอย่างในพรรคเพื่อไทย อย่าให้ตนต้องพูดต้องแฉอะไรไปมากกว่านี้เลยมันจะอับอายพี่น้องอดีตคนเสื้อแดง อายดวงวิญญาณนับร้อยศพที่สองคนนี้ข้ามศพไปรับตำแหน่งใหญ่โตคับฟ้าเป็นถึงสส.และเสนาบดี ประเดี๋ยวดวงวิญญาณคนเสื้อแดงจะตายอย่างไม่สงบ" นายเสกสกลกล่าว

"อย่างนี้จะเรียกว่า นายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ตายเพราะผมได้อย่างไร ในเมื่อสองเกลอหัวแข็งสองคนนี้มีอำนาจสั่งการได้ทุกอย่าง ผมไม่มีอำนาจหรือไปสั่งการอะไรได้เลย ลองเดินเข้าไปคุยกับนางสาวยิ่งลักษณ์อย่าเอาพรบ.นิรโทษสุดซอยเข้าสู่สภาฯเลยเพราะจะทำให้รัฐบาลพังเร็ว ด้วยความหวังดี  ยังไม่เห็นเชื่อฟังแถมยังถูกนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเจ้แดง ได้ต่อว่าผมไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะจะพานายทักษิณกลับบ้าน ไล่ผมออกจากห้องไปเลย ผมจะไปมีอำนาจสั่งการอะไรได้ดังเช่นสองเกลอหัวแข็งผู้มีบารมีและมีอิทธิพลมากที่สุดในพรรคเพื่อไทยยุคนั้น" นายเสกสกลกล่าว

"แรมโบ้" ยืนยัน บิ๊กตู่ ทำงานเพื่อชาติ ประชาชน ไม่เคยเล่นการเมือง จี้! พวกคิดร้าย หยุดก่อม็อบ

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯและรัฐบาลไม่เคยหยุดนิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศ ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ที่ผ่านมานายกฯได้ทำงานให้พี่น้องประชานไม่เคยหยุด และไม่มีเวลาที่จะมาเล่นการเมือง หรือทำอะไรให้เกิดความขัดแย้งกับใคร ในทางกลับกันมีแต่กลุ่มที่เห็นต่าง ไม่ชอบนายกฯและรัฐบาล หรือกลุ่มที่อยากเข้ามาเป็นรัฐบาล สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นเอง 

"ขอให้คนที่คิดร้ายไม่หวังดีทั้งหลายทั้งต่อนายกฯ ต่อประเทศชาติบ้านเมือง ได้หยุดพฤติกรรมปลุกระดมมวลชน หยุดก่อม็อบ เพราะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น และให้หันหน้ามาร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข นำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็ต้องการให้หยุดการเคลื่อนไหวต่างๆที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ต่อประเทศ และอยากให้ทุกฝ่ายกลับตัวกลับใจมาช่วยกันทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมืองต่อไป"

‘บิ๊กตู่’ เดือด! ด่ายับโควิดไม่จบเพราะมีพวกไม่มีจิตสำนึก ‘หวัง’สงกรานต์จะดีขึ้นแต่ยังมีคนฝ่าฝืนกรอบกติกา ยัน!ถ้ารวมใจคนทั้งชาติไม่ได้ปัญหาก็จะมีแบบเดิม

วันที่ 5 เมษายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยกล่าวช่วงหนึ่งถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด)ว่า ที่ผ่านมาเราสามารถทำได้ดีและถือว่าดีมากในอันดับต้นของโลกซึ่งเราต้องทำให้ดีมากขึ้นกว่านี้ทั้งส่วนราชการ รัฐบาล และทุกคนที่ช่วยกันอย่างเต็มที่แต่ทุกอย่างต้องยอมรับว่าก็ต้องมีปัญหาบ้าง 

เนื่องจากเรามีจำนวนประชากรจำนวนมากมีทั้งเรื่องความแตกต่างทางความคิด การยับยั้งช่างใจ หรือความสนุกสนานอย่างเลยเถิด เพราะนี่คือมนุษย์ หรือคน ที่อยู่ในโหล มันก็วุ่นกันไปหมดเพราะต่างคนต่างมีความคิด จึงอยากขอหรอกว่าหากจะแสดงความคิดก็ขอให้เป็นดนตรีสร้างสรรค์ ในทางที่ไม่ขัดแย้ง ทุกคนที่เป็นคนไทยคุณเป็นแบบนี้ แต่ถ้ามีความขัดแย้งก็แก้ไขปัญหากันไปในช่องทางที่มีอยู่ ไม่ใช่ช่องทางที่ไม่ควรจะใช้  จนทำให้เกิดปัญหาอีกตามมาจำนวนมากเช่นการหยุดเชื้อไวรัสโคโรนา รองรับประกาศที่ดีแต่ก็ยัง ไม่ได้ 100% 

“รัฐบาลคาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์ทุกคนจะมีความสุข แต่มันก็เกิดขึ้นมาอีกจนได้ เพราะนี่คือคน ต่อให้มีมาตรการอะไรออกมาก็ตามแต่เมื่อคนไม่ปฏิบัติตาม ยังไม่มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกัน ก็จะเป็นแบบนี้นั่นแหละ มันเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงนี้มาก ๆ ในการรวมพลังไทยทั้งชาติ ทั้งในแง่ของประเทศชาติปลอดภัย ดับทุกข์ภัยทุกเรื่อง หลาย ๆ เรื่องก็โทษกันไปมา โทษรัฐบาลทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การเสียชีวิต การสูญเสียทรัพย์สิน ก็โทษแต่เจ้าหน้าที่อยู่นั่น เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการช่วยเหลือดูแลโดยเฉพาะการติดตามการใช้กฎหมาย แต่ต้องยอมรับว่ามีการเล็ดลอดทุกอย่าง มีการฝ่าฝืนมาตรการต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นมา มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกหรือ ทุกอย่างจะต้องแก้ตรงนี้ แก้ให้ทุกคนมีจิตสำนึก ว่าเราจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร เพราะไม่ว่าเราจะออกกฏหมายมากี่ฉบับก็ตาม ต่อให้มีกฎระเบียบมีคนคุมหรือใช้กฎหมายรุนแรงต่าง ๆ 

ก็ไม่สามารถทำได้ถ้าเรารวมใจคนไทยทั้งชาติไม่ได้ ด้วยแรงศรัทธาด้วยความรักประเทศชาติ เราทุกคนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจเกิดจากหลายอย่างเราต้องเดินหน้าไปสู่ชีวิตวิถีใหม่ โดยการปรับวิธีคิดร่วมกัน ต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำและเดินไปข้างหน้าแต่ก็ยังมีคนบางคนก็ยังตั้งคำถามว่าเราจะทำไหวหรือ ทำไมต้องบ่นทำลายกันแบบนี้ ทำลายขวัญเจ้าหน้าที่ ทำลายขวัญกำลังใจกันเอง ทำไมไม่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมามีการพัฒนากันไปตามลำดับทุกวันมีการเปลี่ยนแปลงเราต้องช่วยกันหาให้เจอ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดทำให้เศรษฐกิจตกต่ำทั้งหมดทั่วโลก หลายคนมองแต่ประเทศไทยลองหันไปดูประเทศอื่นด้วยว่าได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกันแค่ไหน เราต้องมีวิธีคิดแบบนี้ ถ้ามองเฉพาะใกล้ตัว ก็จะเห็นแต่ปัญหาของตัวเองโดยไม่รู้ว่าวิธีจะแก้ปัญหาในภาพรวมทำอย่างไร ถามแต่ว่าทำไม ไม่มีเงินแจกเงินช่วยถ้าคิดอยู่แค่นี้ก็ได้แค่นี้ ดังนั้นต้องคิดเหมือนรัฐบาลคิดว่าจะมีการทยอยดูแลคนของเราได้อย่างไรในช่วงเวลาต่าง ๆ ขณะเดียวกันต้องสร้างความเข้มแข็งด้วย อีกทั้งก็ต้องช่วยเหลือตัวเองควบคู่กันไปโดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มี ถ้าร่วมมือกันแบบนี้ทุกปัญหาจะลดลงประเทศชาติก็จะเดินหน้าต่อไปได้ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงต้นว่า เช้าวันนี้ถือเป็นวันที่สดใส วันนี้แม้ฟ้าจะครึ้มมีฝนตกจึงต้องระมัดระวังสุขภาพและความปลอดภัยต่าง ๆในช่วงพายุฤดูร้อน มีปริมาณฝนตกทั่วประเทศในช่วงระยะเวลาต่อไปนี้เป็นบางวัน ทุกคนต้องระมัดระวัง

“เทพไท” หนุนสุดตัว 3 พรรคร่วมรัฐบาล ตัด ม.272 ตัดหางพรรคแกนนำ เปรียบงาช้างไม่งอกจากปากสุนัข

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมร่วมของ 3 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ในวันนี้ว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางของ 3 พรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องการจะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหลักประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว จากหลักประชาธิปไตยสากล เพราะสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. กลับมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง 

การคงอยู่ของมาตรา 272 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสืบทอดอำนาจของ คสช. ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นความ อัปยศมากที่สุด ของการปกครองในระบบประชาธิปไตย ถ้าหากพรรคการเมืองใด ยังมีจุดยืนให้คงมาตรา 272 ไว้ ก็แสดงว่าพรรคการเมืองนั้น ยังต้องการให้คงไว้ซึ่งการสืบทอดอำนาจ และรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต่อไป

ผมขอสนับสนุนให้พรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตัดอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา ตามมาตรา 272 ออกไป แม้ว่ามีพรรคการเมืองบางพรรค จะคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม  ก็ไม่ควรคาดหวังจากพรรคการเมืองพรรคนั้นเหมือนคำพังเพยที่กล่าวว่า “งาช้างไม่งอกจากปากสุนัข” ฉันใดก็ฉันนั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top