Tuesday, 22 April 2025
NORTHKOREA

เกาหลีเหนือ-รัสเซีย ลงนามสัญญา หากอีกฝ่ายถูกโจมตี ต้องส่งทหารมาช่วย

(12 พ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ให้สัตยาบันสนธิสัญญาความร่วมมือด้านการป้องกันกับรัสเซีย ซึ่งผู้นำสองประเทศได้ลงนามไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สนธิสัญญาฉบับนี้กำหนดให้แต่ละฝ่ายต้องให้ความช่วยเหลือทางทหารทันทีหากอีกฝ่ายถูกโจมตีด้วยอาวุธ คล้ายกับสนธิสัญญาของกลุ่มประเทศนาโต้

ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมนานาชาติ เนื่องจากมีรายงานว่าทหารเกาหลีเหนือได้ถูกส่งไปรัสเซียเพื่อเข้าร่วมในสงครามยูเครน

สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) เปิดเผยว่า 'คิม จองอึน' ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้ลงนามในกฤษฎีกาให้สัตยาบันสนธิสัญญานี้เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน และสนธิสัญญาจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนหนังสือสัตยาบันกันครบถ้วน

'วลาดิมีร์ ปูติน' ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ลงนามสนธิสัญญาเพื่อให้มีผลเป็นกฎหมาย ซึ่งกำหนดให้รัสเซียและเกาหลีเหนือส่งความช่วยเหลือทางทหารทันทีหากอีกฝ่ายเข้าสู่ภาวะสงคราม โดยใช้ทรัพยากรทุกประเภทที่มี

ทั้งนี้ 'คิม จองอึน' และ 'ปูติน' ได้บรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาฉบับนี้ในการประชุมสุดยอดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เสมือนเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริง

ในขณะที่เกาหลีใต้ สหรัฐ และยูเครนเปิดเผยว่า มีทหารเกาหลีเหนือมากกว่า 10,000 นายอยู่ในรัสเซีย และอาจมีบางส่วนเข้าร่วมในการสู้รบในแคว้นเคิร์สก์ ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนยูเครน ตามรายงานของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารเกาหลีเหนือหลายคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการสู้รบกับกองกำลังยูเครน และย้ำว่าการมีส่วนร่วมของเกาหลีเหนือในสงครามนี้ทำให้สถานการณ์โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนและไร้เสถียรภาพในระดับใหม่

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ตกทะเลญี่ปุ่น คาดยิงโชว์ 'ทรัมป์' ก่อนรับตำแหน่ง

(6 ม.ค. 68) สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือได้ทำการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลตกลงในทะเลญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของปี 2025

ตามข้อมูลจากคณะเสนาธิการร่วม (JCS) ของเกาหลีใต้ ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในครั้งนี้บินไปได้ไกลถึง 1,100 กิโลเมตร (683.5 ไมล์) ก่อนจะตกลงในทะเลญี่ปุ่น

การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็นครั้งแรกในปี 2025 และเกิดขึ้นหลังจากการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ (SRBM) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา

ขีปนาวุธดังกล่าวตกลงนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นที่รายงานว่าไม่พบความเสียหายจากเหตุการณ์นี้

หน่วยงานยามชายฝั่งญี่ปุ่นยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทะเลจริง และหลังจากหกนาที หน่วยงานดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์ว่า ขีปนาวุธได้ตกลงแล้ว พร้อมทั้งเรียกร้องให้เรือทุกลำรายงานชิ้นส่วนที่พบ แต่ห้ามเข้าใกล้พื้นที่ดังกล่าว

ทางทหารเกาหลีใต้ได้เพิ่มการเฝ้าระวังและความเข้มงวดในการควบคุม โดยเตรียมพร้อมรับมือกับการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยยังคงรักษาความพร้อมรบเต็มที่ ตามรายงานจากคณะเสนาธิการร่วม (JCS)

การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้อาจเป็นการแสดงแสนยานุภาพของเกาหลีเหนือ ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้

คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้กล่าวว่า “กองทัพยังคงรักษาท่าทีเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ โดยแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น พร้อมทั้งเพิ่มการเฝ้าระวังและเตรียมรับมือหากเกิดการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม”

ญี่ปุ่นยังได้ประกาศว่า เกาหลีเหนือได้ยิงสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นขีปนาวุธ ซึ่งคาดว่าวัตถุดังกล่าวได้ตกลงมาแล้ว

การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ (SRBM) และถือเป็นการยิงครั้งสุดท้ายก่อนที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมา

โสมใต้เผยคิมสั่งถอนทหารพ้นแนวหน้ายูเครน หลังสูญเสียหนัก ดับ-เจ็บนับพัน

(5 ก.พ. 68) หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ทหารเกาหลีเหนือได้ถอนตัวออกจากแนวหน้าการสู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียเรียบร้อยแล้ว หลังจากปฏิบัติภารกิจสนับสนุนกองทัพรัสเซียเพื่อสู้ศึกยูเครนมาหลายเดือน

สำนักข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ (NIS) รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ากองกำลังเกาหลีเหนือยังคงมีบทบาทในพื้นที่สู้รบทางตะวันตกของรัสเซีย หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่การถอนกำลังคือการสูญเสียทหารจำนวนมากจากการปะทะกับยูเครน

ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นเดือนมกราคม NIS ได้แจ้งต่อรัฐสภาเกาหลีใต้ว่า มีรายงานการเสียชีวิตของทหารเกาหลีเหนือประมาณ 300 นาย และบาดเจ็บอีกกว่า 2,700 นายจากการสู้รบในภูมิภาคดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับชะตากรรมของทหารที่ได้รับบาดเจ็บว่าพวกเขาได้รับการรักษาหรือถูกส่งตัวไปยังพื้นที่ปลอดภัยอื่น

หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของการถอนกำลังครั้งนี้ โดยข้อมูลล่าสุดสอดคล้องกับรายงานจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพยูเครน ซึ่งระบุว่า ไม่พบความเคลื่อนไหวทางทหารของกองทัพเกาหลีเหนือในภูมิภาคเคิร์สก์ตลอดช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวด้านความมั่นคงจากชาติตะวันตกเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการเข้าร่วมปฏิบัติการรบในรัสเซีย เกาหลีเหนือสูญเสียทหารไปแล้วราว 4,000 นาย จากกำลังพลที่ถูกส่งไปทั้งหมดประมาณ 11,000 นาย ซึ่งการสูญเสียนี้รวมถึงทหารที่เสียชีวิต บาดเจ็บ สูญหาย และถูกจับเป็นเชลยศึก โดยมีการประเมินว่า ทหารที่เสียชีวิตมีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 นายจนถึงกลางเดือนมกราคม

ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ โดยกล่าวว่าหากยูเครนไม่สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้ ประเทศพันธมิตรตะวันตกควรจัดหาแนวทางรับประกันความมั่นคงของยูเครนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ ระบบขีปนาวุธ งบประมาณด้านการทหาร หรือแม้แต่การส่งกำลังทหารเข้ามาช่วยดูแลพื้นที่

นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังยืนยันว่าพร้อมเปิดการเจรจากับรัสเซีย หากการพูดคุยสามารถนำไปสู่การยุติสงครามและลดการสูญเสียชีวิตของประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top