Wednesday, 23 April 2025
Nokia

‘โนเกีย’ เปลี่ยนโลโก้ใหม่ครั้งแรกในรอบ 60 ปี สลัดภาพจำแบรนด์มือถือ ลุยธุรกิจเครือข่ายเต็มรูปแบบ

(27 ก.พ. 66) 'โนเกีย' ซึ่งเป็นบริษัทที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ในฐานะผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยอดนิยมในอดีต ได้เปลี่ยน' โลโก้' ใหม่ของบริษัท เพื่อสลัดภาพจำที่คนทั่วไปเข้าใจว่า 'โนเกีย' ผลิตแต่โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว

เพ็กก้า ลุนด์มาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโนเกีย ได้เปิดตัว 'โลโก้ใหม่' ของบริษัท ที่งาน Mobile World Congress ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นการออกแบบและเปลี่ยน 'โลโก้ใหม่' ครั้งแรกในรอบ 60 ปีของ 'โนเกีย' เพื่อสะท้อนกลยุทธ์การทำธุรกิจและทิศทางใหม่ของบริษัท ซึ่งคนทั่วไปยังคงเข้าใจว่าธุรกิจหลักของโนเกีย คือ การผลิตโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากในอดีต โนเกีย คือ ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 จนกระทั่งถึงยุคของสมาร์ตโฟน จึงทำให้สินค้าของโนเกียได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ

‘โนเกีย’ เตรียมปลดพนง.ล็อตใหญ่ 14,000 ตำแหน่ง หวังลดค่าใช้จ่ายในองค์กร หลังผลประกอบการดิ่งฮวบ

(19 ต.ค.66) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า บิ๊กเทคโนโลยีสารสนเทศ ‘โนเกีย’ (Nokia) เตรียมลดพนักงานครั้งใหญ่สูงสุด 14,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 16% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ให้บริการในสหรัฐและยุโรปลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G ลดลง ส่งผลกระทบต่อการสร้างรายได้ของบริษัท

ซึ่งการลดพนักงานครั้งนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรได้ 10-15% และคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายในปี 2567 ได้ถึง 400 ล้านยูโร (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) และประหยัดเพิ่มอีก 300 ล้านยูโร (ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท) ในปี 2568

รายงานข่าวระบุว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ของ Nokia อยู่ที่ 424 ล้านยูโร (ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าการประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 545.2 ล้านยูโร (ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท)

นายเพ็กก้า ลุนด์มาร์ก (Pekka Lundmark) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nokia กล่าวในแถลงการณ์ของบริษัทว่า ยอดขายสุทธิในกลุ่มธุรกิจเครือข่ายมือถือลดลง 19% เนื่องจากในอินเดียมีการใช้โครงข่าย 5G ในระดับปานกลาง หมายความว่าการเติบโตทางธุรกิจไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวในอเมริกาเหนือได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ Nokia ต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างรายได้จากการที่ผู้ให้บริการในสหรัฐและยุโรปพยายามลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและการปรับสินค้าคงคลัง ซึ่งคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Ericsson AB ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าความอ่อนแอของตลาดจะยังอยู่ในไตรมาส 4/2566 และช่วงต่อ ๆ ไป

‘Nokia 3210 - Nokia 215’ บุกตลาดมือถือ ด้วยจอขนาดใหญ่ พร้อมเกมงูสุดคลาสสิก อัปเกรดฟีเจอร์ใหม่ เปิดตัววางจำหน่ายในไทย 27 พ.ค.นี้ ราคาเริ่มต้นที่ 1,490 บาท

(25 พ.ค.67) เอชเอ็มดี ประเทศไทย เดินเครื่องรุกตลาดฟีเจอร์โฟนคลาสสิก รุ่นตำนานแห่งยุค Y2K อย่างมีสไตล์ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ประกาศพร้อมจำหน่ายฟีเจอร์โฟน 4G อย่างเป็นทางการ 2 รุ่น Nokia 3210 เวอร์ชันปี 2024 ในราคาจับต้องได้ 1,990 บาท พร้อม Nokia 215 4G (2024) ในราคาเพียง 1,490 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. นี้ ชูดีไซน์การกลับมาของ Nokia 3210 ที่คงเอกลักษณ์ดั้งเดิม เพิ่มเติมคือเพรียวบาง ทันสมัย อัปเกรดฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ กล้อง 2MP แฟลช และไฟฉาย รองรับแอปพลิเคชัน Cloud ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึง โซเชียลมีเดีย ยูทูบ ข่าวสาร สภาพอากาศ มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 1,450 mAh อึดทน ใช้งานได้กว่า 1-2 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง พร้อมเกมงูสุดคลาสสิก

นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า HMD เดินเครื่องกลยุทธ์ รุกตลาดฟีเจอร์โฟนคลาสสิกในประเทศไทยปีนี้ ด้วยการปล่อย 2 ฟีเจอร์โฟน 4G ระดับตำนาน ปลุกกระแสพร้อมกันในตลาด ทั้ง Nokia 3210 ที่มาพร้อมการพัฒนาเพื่อสอดรับไลฟ์สไตล์การใช้งานของผู้บริโภคปัจจุบันในเวอร์ชันปี 2024 และ Nokia 215 4G (2024) อัปเกรดฟีเจอร์การใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งเป้าจับกลุ่มผู้บริโภคทุกช่วงวัย ตอกย้ำจุดแข็งแบรนด์ ส่งมอบโทรศัพท์ที่มีคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิต และทดสอบด้วยมาตรฐานระดับสากล ครบเครื่องทั้งฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ มั่นใจคุณภาพความอึด ทนทานตลอดการใช้งาน ในราคาสบายกระเป๋า มองฟีเจอร์โฟนยังเป็นที่ต้องการและมีแนวโน้มเติบโตในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่ต้องการเป็นเครื่องเสริม หรือสำหรับทำงานโดยเฉพาะ และกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการโทรศัพท์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เน้นหน้าจอขนาดใหญ่คมชัด เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ตัวเครื่องจับถนัดมือ และปุ่มกดขนาดใหญ่

Nokia 3210 เวอร์ชันปี 2024 เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการกับสีดำ Grunge Black ในราคา 1,990 บาท ชูดีไซน์ย้อนยุคอย่างมีเอกลักษณ์ เพรียวบางแต่ทันสมัย พร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ กล้องคมชัดด้วยความละเอียด 2MP พร้อมแฟลชและไฟฉาย ตอกย้ำการใช้งานที่ยาวนานกับแบตเตอรี่ขนาด 1450 mAh1 ประหยัดพลังงาน สามารถใช้งานได้นานกว่า 1-2 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และที่สำคัญเป็นรุ่นที่มาพร้อมระบบรองรับ Cloud Phone Apps ซอฟต์แวร์ที่ให้คุณเข้าถึงโซเชียลบนระบบออนไลน์โดยไม่ต้องติดตั้งในเครื่อง ได้ชิปเซต Unisoc T107 มาขับเคลื่อน และยังมาพร้อม RAM 64 MB และ ROM 128 MB พร้อมรองรับ microSD Card สูงสุดถึง 32GB พร้อมกันนี้ ด้านระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์ คือ S30+ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. วิทยุ FM แบตเตอรี่ขนาด 1,450 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้ ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB-C และที่ขาดไม่ได้คือเกมงูสุดคลาสสิก

นอกจากนี้ HMD ยังมาพร้อมกับ Nokia 215 4G (2024) ปรับโฉมใหม่ ด้วย 2 สีหลัก สีดำ (Black) และสีส้ม (Peach Peach) ตอกย้ำความทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ ในราคา 1,490 บาท อัปเกรดฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์บนหน้าจอขนาดใหญ่ IPS LCD ความละเอียด QVGA ขนาด 2.8 นิ้ว ให้ความชัดคมในทุกมิติ พร้อมแป้นพิมพ์ปุ่มกดขนาดใหญ่ ให้สัมผัสนุ่ม ตอบสนองฉับไว ตัวเครื่องจับง่ายกระชับมือ และด้านหลังมีความโค้งมนสไตล์คลาสสิก ใช้ระบบปฏิบัติการ S30+ พร้อม RAM 64 MB และ ROM 128 MB ชิปเซ็ตประมวลผล Unisoc T107 และรองรับ 4G เพิ่มคุณภาพในการโทรผ่านเครือข่ายที่คมชัดผ่าน VoLTE พร้อมระบบ Cloud Phone Apps ซอฟต์แวร์ที่ให้คุณเข้าถึงโซเชียลบนระบบออนไลน์โดยไม่ต้องติดตั้งในเครื่อง ใช้งานได้ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ขนาด 1,450 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้ พร้อมเพลิดเพลินกับเกมสุดคลาสสิกอย่างเกมงู และเกมรถ

ฟีเจอร์โฟน Nokia 3210 และ Nokia 215 4G พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 นี้เป็นต้นไป ผ่านตัวแทนจำหน่าย HMD ทั่วประเทศ ร้าน TG Fone ทั่วประเทศ และทางช่องทางออนไลน์ Nokia Official Shop ใน Shopee Mall และที่ LazMall ใน Lazada

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ หารือผู้บริหาร Nokia ชวนร่วมพัฒนา 5G Application - จัดตั้ง Nokia Innovation Center ส่งเสริมทักษะแรงงานดิจิทัลในไทย 

เมื่อวันที่ (19 พ.ย.67) ตามเวลาสาธารณรัฐฟินแลนด์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงดีอี และ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองอำนวยการใหญ่ พร้อมคณะทำงานเข้าเยี่ยมชม Nokia Executive Experience Center ศูนย์แสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรม 5G/6G, IoT, Private Wireless, Cloud, Network Automation ณ เมืองเฮลซิงกิ โดยมี Mr. Karol Mattila, Head of Government Relations, Nokia ให้การต้อนรับ

โดย นายประเสริฐ พร้อมคณะได้รับฟังการบรรยายภารกิจการดำเนินงานของ Nokia Executive Experience Center และรับชม Tech Showcases ต่าง ๆ โดย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ได้เชิญชวน Nokia ร่วมพัฒนา หรือมีส่วนในการร่วมลงทุน 5G Application ในไทย และจัดตั้ง Nokia Innovation Center ในพื้นที่ Thailand Digital Valley อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อร่วมส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัลแก่แรงงานและนักศึกษา พร้อมระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และมีนโยบาย Go Cloud First ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและรัฐสามารถเข้าถึงคลาวด์ มีการมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ใช้ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจัดทำหลักสูตรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยี และมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับทักษะดิจิทัลแก่กำลังคนและบุคลากรของประเทศ

จากนั้นนายประเสริฐ พร้อมด้วย นางสาวชวนาถ ทั่งสัมพันธ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐฟินแลนด์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะ Mr. Ville Tavio, Minister for Foreign Trade and Development ณ Ministry for Foreign Affairs of Finland พร้อมหารือแนวทางการสานต่อความร่วมมือการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัล และการสนับสนุนการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทย

ทั้งนี้มีการหารือประเด็นการพิจารณาต่ออายุบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ที่ลงนามไว้ระหว่าง กระทรวงดีอี กับ The Ministry of Transport and Communications ฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 และมีการต่ออายุเมื่อปี 2565 แต่ปัจจุบัน MOU ดังกล่าวหมดอายุไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเนื้อหาเดิมให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาทักษะดิจิทัล การแบ่งปันข้อมูล และการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งประเทศไทยมีความประสงค์ให้เกิดการต่ออายุบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว และจะเพิ่มเติมเนื้อหาด้านจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติของไทย อาทิ การสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การยกระดับระบบนิเวศดิจิทัลสตาร์ทอัพ และการเชิญชวนให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของฟินแลนด์เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

โดยกรณีดังกล่าว Mr. Tavio เห็นด้วยและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือต่อเนื่อง พร้อมแสดงความเห็นในประเด็นการสนับสนุนการลงทุนว่า นอกเหนือจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของฟินแลนด์อย่าง Nokia ที่มีการลงทุนและดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยแล้ว ยังมีการลงทุนอื่น เช่น การตั้งฐานการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของ Salo Tech (Thailand) Ltd. บริษัทโซลาร์เซลล์สัญชาติฟินแลนด์ที่เข้ามาลงทุนและดำเนินกิจการในจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างไทยและฟินแลนด์ โดยความร่วมมือดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาด้านพลังงานสะอาด และเมืองอัจฉริยะ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai – EU FTA) ในด้านเศรษฐกิจและการค้าดิจิทัล ซึ่งจะช่วยรองรับและผลักดันนโยบายการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของกระทรวงอีกด้วย

พนง.'Nokia' ผวา 'iPhone' เปิดตัวมือถือจอสัมผัส เตือนผู้บริหารรับมือยุคตกต่ำหากไม่รีบปรับตัว

(27 ม.ค. 68) เว็บไซต์ Fahad X ได้เผยแพร่ไฟล์เอกสารพาวเวอร์พอยต์ เมื่อปี 2007 ที่เป็นความลับของบริษัท Nokia โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยจากเอกสารภายในของ Nokia ซึ่งจัดเก็บอยู่ในโครงการ Nokia Design Archive ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัย Aalto ประเทศฟินแลนด์

ข้อมูลในไฟล์ดังกล่าวเป็นการหารือภายในของพนักงาน Nokia ที่มองการเปิดตัว iPhone 2G ที่เปิดตัวเมื่อปี 2007 โดยไฟล์ดังกล่าวเป็นการนำเสนอของพนักงาน Nokia เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ปี 2007 ในรูปแบบของสไลด์ โดยพนักงาน Nokia ทั้งหมด 9 คน นำเสนอผู้บริหารระดับสูงว่า “iPhone” คือภัยคุกคามของ Nokia

สไลด์ดังกล่าวมีทั้งหมด 22 หน้า โดยเนื้อหาในสไลด์ชี้ว่า “iPhone” ของ Apple ซึ่งเปิดตัวในปีเดียวกันนั้น เป็นภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบต่อ Nokia  

หัวข้อสไลด์เริ่มต้นด้วยข้อความว่า “Apple เพิ่งเปิดตัว iPhone” โดยยืนยันว่า Apple สามารถใช้ชื่อ "iPhone" ได้หลังการเจรจากับ Cisco ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อพิพาทเรื่องสิทธิในชื่อดังกล่าว  

ในขณะนั้น Nokia ครองส่วนแบ่งตลาดมือถือโลกกว่า 50% และมีความมั่นใจในว่ายังคงสามารถรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดได้ จนกระทั่ง 'สตีฟ จ็อบส์' ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ได้ประกาศเป้าหมายไว้ในงานเปิดตัว iPhone ว่า Apple ขอเพียง 1% ของตลาดมือถือ หรือยอดขาย 10 ล้านเครื่องในปี 2008 เท่านั้น แม้ผู้บริหาร Nokia จะยังไม่เห็นถึงความร้ายแรงของ iPhone ในทันที แต่ทีมงาน Nokia กลับมองเห็นจุดเด่นหลายประการที่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่  

จุดเด่นของ iPhone ที่พนักงาน Nokia ในเวลานั้น นำเสอนต่อผู้บริหารมีหลายประเด็น อาทิ UI แบบจอสัมผัส ที่ไม่มีคีย์บอร์ดหรือปุ่มกดตัวเลข ซึ่งเป็นจุดเด่นใหม่ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของ Nokia  

การเจาะตลาดไฮเอนด์ ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน ทำให้ iPhone กลายเป็นสินค้า "ที่ต้องมี" และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์ตระกูล N-Series ของ Nokia และภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูด ซึ่งช่วยให้ iPhone สร้างความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานอย่างรวดเร็ว  

เอกสารนี้ยังพูดถึงฟีเจอร์เด่นของ iPhone เช่น การใช้งานเบราว์เซอร์ที่ง่ายขึ้น, ฟังก์ชันการสไลด์เพื่อปลดล็อกหน้าจอ, แอปพลิเคชันรูปภาพที่ออกแบบมาให้ใช้งานสะดวก และความสามารถในการเชื่อมต่อกับ iPod เพื่อฟังเพลงทุกที่ทุกเวลา  

แม้ Nokia จะมีมุมมองที่รอบคอบต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด แต่ท้ายที่สุด iPhone กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน ซึ่ง Nokia เองไม่สามารถปรับตัวได้ทัน  

เอกสารนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการมองเห็นโอกาสและความท้าทาย แต่ยังขาดการลงมือปรับตัวอย่างทันท่วงที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top